ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ยา ไมโซพรอสทอล (Misoprostol) ใช้เพื่อป้องกันแผลในกระเพาะอาหารขณะที่กำลังใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หรือนาพรอกเซน (naproxen) โดยเฉพาะหากคุณมีความเสี่ยงในการเกิดแผลในกระเพาะอาหารหรือเคยมีแผลมาก่อน ยาไมโซพรอสทอล จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการแทรกซ้อนที่รุนแรงจากแผลในกระเพาะอาหาร เช่น อาการเลือดออก ยานี้จะช่วยปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารโดยการลดปริมาณของกรดที่มาสัมผัส
นอกจากนี้ ยานี้ยังใช้ร่วมกับยาอื่น อย่างเช่น ยามิฟีพริสโตน (mifepristone) เพื่อสิ้นสุดการตั้งครรภ์ (การแท้งบุตร)
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา
*หากคุณใช้ยานี้เพื่อป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร รับประทานยานี้ โดยปกติ คือ วันละสี่ครั้งหลังมื้ออาหารและก่อนนอน เพื่อลดโอกาสในการเกิดอาการท้องร่วง หรือตามที่แพทย์กำหนด
**หากใช้ยานี้เพื่อให้แท้งบุตร ควรรับประทานยาตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด และใช้ยานี้ภายใต้การดูแลและควบคุมของแพทย์
***หากคุณใช้ยานี้เพื่อเริ่มการคลอดบุตร ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพจะสอดยานี้เข้าทางช่องคลอด
หลีกเลี่ยงการใช้ยาลดกรดที่มีส่วนผสมของแมกนีเซียมขณะที่กำลังใช้ยานี้ เนื่องจากอาจทำให้อาการท้องร่วงรุนแรงขึ้น หากคุณจำเป็นต้องใช้ยาลดกรด โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อช่วยเลือกยาให้คุณ
สำหรับการป้องกันแผลในกระเพาะอาหาร ควรใช้ยานี้อย่างต่อเนื่อง ตราบใดที่คุณกำลังใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ ควรใช้ยาเป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาสูงสุด และควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง
ยาไมโซพรอสทอล ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาไมโซพรอสทอลบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาไมโซพรอสทอลลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ก่อนใช้ยาไมโซพรอสทอล แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะหากคุณมีโรคดังต่อไปนี้
หากคุณกำลังใช้ยานี้ร่วมกับยามิฟีพริสโตน เพื่อสิ้นสุดการตั้งครรภ์ ในนานๆ ครั้งอาจจะเกิดอาการแท้งไม่สมบูรณ์ เป็นเรื่องสำคัญมากที่แพทย์จะต้องเฝ้าสังเกตคุณอย่างใกล้ชิด และควรไปตามนัดแพทย์เพื่อติดตามความคืบหน้าทุกครั้ง ควรรับคำแนะนำอย่างชัดเจนจากแพทย์เกี่ยวกับผู้ที่ควรติดต่อและสิ่งที่ควรทำในกรณีฉุกเฉิน อาจจะเกิดอาการเลือดออกจากช่องคลอดหลังจากที่คุณใช้ยาร่วมกัน
โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณเกิดอาการที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้น เช่น อาการเลือดออกจากช่องคลอดอย่างรุนแรง หรือเป็นเวลานาน สัญญาณของการติดเชื้อ เป็นไข้หรือหนาวสั่น หรือหมดสติ
ห้ามใช้ยานี้เพื่อป้องกันแผลในกระเพาะอาหารขณะตั้งครรภ์ เนื่องจากโอกาสในการเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ (อ่านเพิ่มเติมในส่วนคำเตือน)
หากคุณอยู่ในวัยเจริญพันธ์ ควรใช้การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพขณะที่กำลังใช้ยาไมโซพรอสทอลและเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งเดือนหรือครบหนึ่งรอบการมีประจำเดือนหลังจากที่คุณหยุดใช้ยานี้ หากคุณตั้งครรภ์หรือคิดว่าอาจจะตั้งครรภ์ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที
ยานี้สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ แต่ไม่น่าจะเป็นอันตรายต่อทารก โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ยาไมโซพรอสทอลจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด X โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
อาจเกิดอาการคลื่นไส้หรือปวดท้องอย่างรุนแรง หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
อาการท้องร่วงนั้น พบได้มากจากการใช้ยาไมโซพรอสทอลและมักจะเกิดประมาณสองสัปดาห์ หลังจากเริ่มใช้ยานี้และเป็นนานประมาณหนึ่งสัปดาห์ โปรดบริโภคน้ำและแร่ธาตุหรืออิเล็กโทรไลต์ (electrolytes) ให้เพียงพอเพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ อาการท้องร่วงบ่อยครั้ง
ในบางครั้งอาจจะทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำและแร่ธาตุในปริมาณมากได้ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีสัญญาณที่รุนแรงเกี่ยวกับภาวะขาดน้ำและภาวะแร่ธาตุไม่สมดุลดังต่อไปนี้ วิงเวียนอย่างรุนแรง ปัสสาวะน้อยลง มีความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจหรืออารมณ์ กล้ามเนื้ออ่อนแรง หัวใจเต้นช้าหรือผิดปกติ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นแต่รุนแรงดังต่อไปนี้ มีปัญหาเกี่ยวกับประจำเดือนหรือประจำเดือนผิดปกติ มีเลือดออกจากช่องคลอดอย่างผิดปกติหรือมามาก
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาไมโซพรอสทอลอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาไมโซพรอสทอลอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาไมโซพรอสทอลอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาแผลในลำไส้เล็กส่วนต้น (Duodenal Ulcer)
200 ไมโครกรัม รับประทานวันละ 4 ครั้ง หลังมื้ออาหารและก่อนนอน
ขนาดยาปกติ
100 ถึง 200 ไมโครกรัม รับประทานวันละ 4 ครั้ง
คำแนะนำ
ควรดำเนินการรักษาตลอดระยะเวลาที่ใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์
การใช้งาน
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนจากแผลในกระเพาะอาหาร เช่นผู้ป่วยสูงอายุ หรือผู้ที่ใช้ร่วมยาขณะที่เป็นโรคที่ทำให้อ่อนเพลีย หรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผลในกระเพาะอาหาร เช่น เคยมีแผลในกระเพาะอาหารมาก่อน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
200 ไมโครกรัม รับประทานวันละ 4 ครั้ง หลังมื้อาหารและก่อนนอน
ขนาดยาปกติ
100 ถึง 200 ไมโครกรัม รับประทานวันละ 4 ครั้ง
คำแนะนำ
ควรดำเนินการรักษาตลอดระยะเวลาที่ใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์
การใช้งาน
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดแผลในกระเพาะอาหารที่เกิดจากยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนจากแผลในกระเพาะอาหาร เช่นผู้ป่วยสูงอายุ หรือผู้ที่ใช้ร่วมยาขณะที่เป็นโรคที่ทำให้อ่อนเพลีย หรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (เช่นเคยมีแผลในกระเพาะอาหารมาก่อน)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันแผลเปื่อย ที่เกิดจากยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์
200 ไมโครกรัม รับประทานวันละ 4 ครั้ง หลังมื้อาหารและก่อนนอน
ขนาดยาปกติ
100 ถึง 200 ไมโครกรัม รับประทานวันละ 4 ครั้ง
คำแนะนำ
ควรดำเนินการรักษาตลอดระยะเวลาที่ใช้ยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์
การใช้งาน
เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ที่เกิดจากยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ในผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการแทรกซ้อนจากแผลในกระเพาะอาหาร เช่นผู้ป่วยสูงอายุ หรือผู้ที่ใช้ร่วมยาขณะที่เป็นโรคที่ทำให้อ่อนเพลีย หรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดแผลในกระเพาะอาหาร (เช่นเคยมีแผลในกระเพาะอาหารมาก่อน)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อทำให้ปากมดลูกเปิด (Cervical Ripening)
คำแนะนำจากวิทยาลัยสูติแพทย์และนรีแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา
คำแนะนำ
การใช้งาน
เพื่อทำให้ปากมดลูกเปิดและเริ่มต้นการคลอด สำหรับผู้หญิงที่ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์คลอด (premature rupture of membranes)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อเริ่มต้นการคลอดบุตร
คำแนะนำจาก วิทยาลัยสูติแพทย์และนรีแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา
คำแนะนำ
การใช้งาน
เพื่อทำให้ปากมดลูกเปิดและเริ่มต้นการคลอดสำหรับผู้หญิงที่ถุงน้ำคร่ำแตกก่อนเจ็บครรภ์คลอด
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะตกเลือดหลังคลอด (Postpartum Bleeding)
คำแนะนำจากวิทยาลัยสูติแพทย์และนรีแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา
800 ถึง 1000 ไมโครกรัม สอดทวารหนักหนึ่งครั้ง
การใช้งาน
เพื่อรักษาภาวะตกเลือดหลังคลอด
คำแนะนำจากสมาพันธ์นรีเวชวิทยาและสูติศาสตร์ระหว่างประเทศ (International Federation of Gynecology Obstetrics)
600 ไมโครกรัม รับประทาน หรือ 800 ไมโครกรัม อมใต้ลิ้นหนึ่งครั้งทันทีหลังจากคลอดบุตร
คำแนะนำ
การใช้งาน
เพื่อป้องกันภาวะตกเลือดหลังคลอด (ในกรณีที่ไม่มียาออกซิโทซิน)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อการแท้งบุตร
คำแนะนำจากวิทยาลัยสูติแพทย์ และนรีแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา
ไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์
คำแนะนำ
การใช้งาน
เพื่อรักษาการแท้ง ตั้งแต่ช่วงแรก การแท้งไม่สมบูรณ์ หรือการแท้งค้าง
การปรับขนาดยาสำหรับไต
อาจต้องมีการปรับขนาดยา แต่ยังไม่มีคำแนะนำเกี่ยวกับแนวทางที่เฉพาะเจาะจง (ควรระมัดระวังการใช้ยา และอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด)
คำแนะนำการใช้ยา
การเก็บรักษา
ทั่วไป
การเฝ้าระวัง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัย และประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ( ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร )
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย