backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป คืออะไร

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 27/04/2023

ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป คืออะไร

ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (Ovarian Hyperstimulation Syndrome หรือ OHS) ส่งผลกับผู้หญิงที่ได้รับการฉีดยาฮอร์โมนเข้าเส้นเลือด เพื่อกระตุ้นให้มีการพัฒนาของไข่ในรังไข่ ส่งผลทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นเฟ้อ ในกรณีที่ร้ายแรงอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มากกว่า 4.5 กิโลกรัมใน 3-5 วัน และหายใจติดขัดได้

คำจำกัดความ

ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป คืออะไร

ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (Ovarian hyperstimulation syndrome หรือ OHS) ส่งผลกับผู้หญิงที่ได้รับการฉีดยาฮอร์โมนเข้าเส้นเลือด เพื่อกระตุ้นให้มีการพัฒนาของไข่ในรังไข่ อาจเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการปฏิสนธินอกร่างกาย (IVF) หรือการผสมเทียม มีการชักนำให้ไข่ตก (Ovulation Induction) หรือรับการฉีดอสุจิเข้าสู่โพรงมดลูก (Intrauterine Insemination)

การให้ยาฮอร์โมนที่มากเกินไปอาจทำให้เกิดภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป ส่งผลให้รังไข่เกิดการบวมและปวด ผู้หญิงส่วนน้อยอาจจะมีภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป ในระดับรุนแรง ซึ่งสามารถทำให้เกิดการเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็ว ปวดท้อง อาเจียน และหายใจติดขัด

ในกรณีที่ไม่บ่อยนัก ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป อาจจะเกิดขึ้นขณะที่ทำการรักษาภาวะเจริญพันธุ์ (Fertility Treatments) โดยรับประทานยาจำพวกโคลมีฟีน (Clomiphene) เช่น คลอมิด (Clomid) หรือเซโรฟีน (Serophene) ใบบางครั้ง ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปอาจเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ โดยไม่เกี่ยวข้องกับการรักษาภาวะเจริญพันธุ์

ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป พบได้บ่อยแค่ไหน

ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปในระดับเบานั้น อาจพบในผู้หญิงที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการผสมเทียม โดยมีผลกระทบต่อถึงผู้หญิง 33 คน จาก 100 คน คิดเป็นร้อยละ 33 อย่างไรก็ตาม มีแค่ราว 1 ใน 100 คน ที่จะกลายเป็น OHS ระดับกลางหรือรุนแรง อาการส่วนใหญ่อาจหายไปภายใน 7-10 วัน สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดปรึกษากับคุณหมอ

อาการ

อาการของภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป

อาการทั่วไปของภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปอาจมีดังนี้

  • ท้องอืด แน่นเฟ้อ
  • มีอาการปวดท้องน้อยเล็กน้อย
  • น้ำหนักเพิ่มขึ้น

บางกรณีหายาก อาจจะมีอาการร้ายแรง เช่น

  • น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มากกว่า 4.5 กิโลกรัมใน 3-5 วัน
  • มีอาการปวด หรือบวมอย่างรุนแรง บริเวณหน้าท้อง
  • ปัสสาวะได้ลดลง
  • หายใจติดขัด
  • คลื่นไส้ อาเจียน และท้องร่วง

ควรไปพบหมอเมื่อไร

หากมีอาการใด ๆ ที่กล่าวมาข้างต้น หรือมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษากับคุณหมอ เนื่องจากร่างกายของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน ทางที่ดีที่สุดจึงควรพูดคุยกับหมอ เพื่อหาแนวทางในการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

สาเหตุ

สาเหตุของภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป

สาเหตุของภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (OHS) ยังไม่เป็นที่เข้าใจแน่ชัด แม้การมีระดับสูง ๆ ของฮอร์โมนเอชซีจี (Human Chorionic Gonadotropin) ซึ่งมักจะผลิตมากในช่วงของการตั้งครรภ์ และเข้ามามีบทบาทในระบบของคุณ จะมีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ก็ตาม เนื่องจากหลอดเลือดในรังไข่มีปฏิกิริยาที่ไม่ปกติกับฮอร์โมนเอชซีจี และหลั่งของเหลวออกมา ของเหลวนี้เองที่ทำให้รังไข่มีอาการบวม และบางครั้งก็อาจมีของเหลวจำนวนมากเคลื่อนตัวเข้าสู่ช่องท้อง

ในช่วงของการรักษาภาวะเจริญพันธุ์ อาจจะมีการให้ฮอร์โมนเอชซีจีเพื่อเป็นตัวกระตุ้นให้ถุงไข่ที่โตเต็มที่ตกไข่ออกมา ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปอาจภายใน 1 สัปดาห์ หลังจากได้รับฮอร์โมนเอชซีจี หากตั้งครรภ์ในช่วงการรักษานี้ ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายมีอาการแย่ลง เพราะร่างกายจะผลิตฮอร์โมนเอชซีจีเพิ่มขึ้น เพื่อตอบสนองกับการตั้งครรภ์

การฉีดยาเพื่อรักษาภาวะเจริญพันธุ์นั้น มักจะทำให้เกิดภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปมากกว่าการรักษาด้วยยาแบบรับประทานอย่างโคลมีฟีน

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงของภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป

ปัจจัยเสี่ยงของภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปมีหลากหลายประการ อย่างเช่น

  • ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ (Polycystic Ovary Syndrome) คือ การเจริญพันธุ์ผิดปกติที่พบได้ทั่วไป ทำให้เกิดการมีประจำเดือนอย่างไม่ปกติ เกิดขนส่วนเกิน และสังเหตเห็นรังไข่รูปร่างไม่ปกติจากการทำอัลตราซาวด์
  • มีถุงไข่จำนวนมากจนเกินไป
  • อายุต่ำกว่า 30 ปี
  • น้ำหนักน้อย
  • มีระดับของเอสโทรน (Estradiol) ซึ่งคือฮอร์โมนในกลุ่มเอสโตรเจน (Estrogen) ในปริมาณที่สูง หรือเพิ่มขึ้นสูง ก่อนการได้รับการฉีดฮอร์โมนกระตุ้นเอชซีจี
  • เคยมีภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปมาก่อน

แต่ในบางกรณี ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปอาจจะเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงเลยแม้แต่น้อยก็เป็นได้

การวินิจฉัยโรคและการรักษาโรค

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป

หากมีภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินในระดับรุนแรง คุณหมออาจตรวจอาการอย่างละเอียด ทั้งยังอาจจำเป็นต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล

จะมีการวัดน้ำหนักและขนาดของหน้าท้อง การตรวจสอบอาจทำได้โดย

  • อัลตร้าซาวด์ที่บริเวณท้องหรือช่องคลอด
  • เอกซเรย์ที่บริเวณหน้าอก
  • ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง (Complete Blood Count)
  • ตรวจค่าอิเล็กโทรไลต์ (Electrolytes Panel)
  • ตรวจสอบการทำงานของตับ
  • ตรวจวัดปริมาณของปัสสาวะ

การรักษาภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป

โดยทั่วไปภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป อาจหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ หรืออาจจะนานกว่านั้น หากคุณตั้งครรภ์ การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การรักษาเพื่อทำให้รู้สึกสบาย ลดการทำงานของรังไข่ และหลีกเลี่ยงอาการแทรกซ้อน

ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไประดับเบาถึงปานกลาง

ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไประดับเบาอาจจะหายไปเอง การรักษาสำหรับภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไประดับปานกลาง อาจประกอบด้วยขั้นตอนเหล่านี้

  • ให้ยาต้านอาการคลื่นไส้ หรือยาแก้ปวดที่แพทย์สั่งให้ หรือให้ทั้งสองอย่าง
  • ตรวจร่างกายและทำอัลตร้าซาวด์บ่อย ๆ
  • ชั่งน้ำหนักและวัดรอบเอวทุกวัน เพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรง
  • วัดระดับปัสสาวะที่ผลิตได้ในแต่ละวัน
  • ตรวจเลือดเพื่อคอยสังเกตระดับการคายน้ำ อิเล็กโทรไลต์ที่ไม่สมดุล และปัญหาอื่น ๆ
  • บริโภคน้ำให้เพียงพอ
  • ถ่ายของเหลวที่อยู่ในท้องโดยการใช้เข็มจิ้มเข้าไปในช่องท้อง
  • ใช้ถุงน่องซัพพอร์ต (Support Stockings) เพื่อช่องป้องกันการเกิดลิ่มเลือด

ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปแบบรุนแรง

สำหรับภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปแบบรุนแรง อาจต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เพื่อคอยสังเกตการณ์และใช้การรักษาที่จริงจังขึ้น รวมไปถึงการให้ของเหลวเข้าเส้นเลือด คุณหมออาจจะให้ยาคาเบอร์โกลีน (Cabergoline) เพื่อลดอาการของคุณ ในบางกรณีคุณหมออาจจะให้ยาชนิดอื่น คือ ยาปิดกั้นตัวรับฮอร์โมนโกนาโดโทรปินรีลิสซิง (Gonadotropin Releasing Hormone Antagonist) เพื่อกดการทำงานของรังไข่

อาการแทรกซ้อนที่รุนแรงบางอย่าง อาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาเพิ่มมากขึ้น เช่น การผ่าตัดเพื่อนำซีสต์รังไข่ที่ฉีกขาดออก หรือการดูแลอย่างเข้มงวดสำหรับอาการแทรกซ้อนที่ตับหรือปอด คุณอาจต้องรับยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulant Medications) เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดที่ขา

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองที่จะช่วยรับมือกับภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป

ลักษณะไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองต่อไปนี้อาจช่วยรับมือกับอาการของภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไปได้

  • สำหรับอาการไม่สบายในท้อง อาจรับประทานยาแก้ปวดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา เช่น ยาอะเซตามีโนเฟน (acetaminoph) อย่างเช่น ไทลินอลหรืออื่น ๆ แต่ควรหลีกเลี่ยงยาไอบูโพรเฟน อย่างเช่น แอดวิล (Advil) มอทริน ไอบี (Motrin IB) และอื่น ๆ หรือยานาพรอกเซน (naproxen sodium) อย่างเช่น อะลีฟ (Aleve) และอื่น ๆ เพราะยาพวกนี้อาจส่งผลต่อการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว
  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ เพราะอาจทำให้รู้สึกเจ็บปวด และอาจทำให้ซีสต์ในรังไข่ฉีกขาดได้
  • รักษาระดับของการออกกำลังกายเบา ๆ เช่น โยคะ จ็อกกิ้ง หลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่รุนแรงหรือมีผลกระทบสูง
  • ชั่งน้ำหนักและวัดรอบท้องทุก ๆ วัน แจ้งให้คุณหมอทราบหากมีการเพิ่มขึ้นอย่างไม่ปกติ

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 27/04/2023

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา