ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
เซโรโทนิน (Serotonin) เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อให้เซลล์สมองและเซลล์ระบบประสาทอื่นๆ ได้สื่อสารซึ่งกันและกันได้ เชื่อกันว่าเซโรโทนินในปริมาณที่น้อยเกินไปในสมอง จะมีบทบาทให้เกิดโรคซึมเศร้า อย่างไรก็ดี เซโรโทนินในปริมาณที่มากเกินไปในสมอง สามารถก่อให้เกิดการทำงานของเซลล์ประสาทที่มากเกินไป ทำให้เกิดการสะสมของอาการที่อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ที่เรียกว่า เซโรโทนิน ซินโดรม (Serotonin Syndrome)
เซโรโทนิน ซินโดรมเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้จากการใช้ยารักษาโรคบางชนิด โดยเฉพาะกับยารักษาโรคซึมเศร้า แต่สำหรับความถี่ในการพบโรคนี้นั้น โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
อาการทั่วไปของเซโรโทนิน ซินโดรม ได้แก่
ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เซโรโทนิน ซินโดรมสามารถเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ หากคุณมีอาการใด ๆ เหล่านี้ คุณหรือคนใกล้ตัวควรไปพบหมอโดยทันที
อาจมีบางอาการที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากมีข้อกังวลเกี่ยวกับอาการใด ๆ โปรดปรึกษาแพทย์
หากคุณสงสัยว่าอาจมีอาการเซเรโทนิน ซินโดรมหลังจากเริ่มใช้ยาตัวใหม่หรือเพิ่มขนาดยาที่คุณใช้อยู่ ให้แจ้งแพทย์ทันที หรือไปยังห้องฉุกเฉินในโรงพยาบาล หากคุณมีอาการที่รุนแรงหรือแย่ลงอย่างรวดเร็ว ให้เข้ารับการรักษาฉุกเฉินโดยทันที
เซโรโทนิน ซินโดรมสามารถเกิดขึ้นได้ หากคุณกำลังใช้ยาชนิดต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยารักษาโรคซึมเศร้า ที่ส่งผลต่อระดับเซโรโทนินในร่างกาย ความเสี่ยงมากที่สุดของเซโรโทนิน ซินโดรมเกิดขึ้นได้ หากคุณกำลังใช้ยาสองชนิด หรือมากกว่า และ/หรืออาหารเสริมร่วมกัน ที่ส่งผลต่อเซเรโทนิน ภาวะดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นได้มากกว่า หากคุณเริ่มใช้ยาเป็นครั้งแรกหรือเพิ่มขนาดยา
ประเภทของยารักษาโรคซึมเศร้าที่แพทย์มักสั่งมากที่สุด ซึ่งออกฤทธิ์โดยการเพิ่มปริมาณเซโรโทนิน คือ ยาในกลุ่ม serotonin reuptake inhibitors (SSRI) ยากลุ่มนี้ ได้แก่ ยาไซตาโลแพรม (citalopram) อย่างเซเลกซา (Celexa), ยาเอสไซตาโลแพรม (escitalopram) อย่างเลกซาโปร (Lexapro), ยาฟลูออกเซทีน (fluoxetine) อย่างโพรแซค (Prozac), ยาฟลูวอกซามีน (fluvoxamine) อย่างลูวอกซ์ (Luvox), ยาพารอกเซทีน (paroxetine) อย่างแพคซิล (Paxil) และ ยาเซอร์ทราไลน์ (sertraline) อย่างโซลอฟท์ (Zoloft)
ยาอื่นๆ ที่แพทย์สั่งและที่วางจำหน่ายทั่วไป ที่สามารถเพิ่มระดับเซโรโทนินได้เอง หรือร่วมกับยาอื่นที่ก่อให้เกิดเซเรโทนิน ซินโดรม ได้แก่
ยาที่ผิดกฎหมายบางชนิด เช่น ยา LSD และโคเคน และอาหารเสริม ได้แก่เวนต์จอห์นเวิร์ต และโสม ยังสามารถก่อให้เกิดเซโรโทนิน ซินโดรมได้เมื่อใช้ร่วมกับยารักษาโรคซึมเศร้าที่ส่งผลต่อสารเซโรโทนินในร่างกาย
เมื่อไม่นานมานี้ FDA ได้ร้องขอผู้ผลิตยาให้รวมฉลากเตือนการใช้ยาลงบนตัวผลิตภัณฑ์ด้วย เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับทราบเกี่ยวกับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ของเซโรโทนิน ซินโดรม หากคุณไม่มั่นใจเกี่ยวกับยาที่คุณใช้หรือยาที่แพทย์สั่ง ให้ตรวจสอบฉลากยาหรือปรึกษาแพทย์ และห้ามหยุดใช้ยาใดๆ ก่อนปรึกษาแพทย์
มีปัจจัยเสี่ยงหลายประการสำหรับเซโรโทนินซินโดรม ได้แก่
ข้อมูลที่นำเสนอมิได้ใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ไม่มีการทดสอบอย่างเดียวที่ช่วยในการวินิจฉัยเซโรโทนินซินโดรม แพทย์จะสอบถามเกี่ยวกับประวัติสุขภาพของคุณ ได้แก่ ยาที่ใช้ อาหารเสริม และการใช้สารเสพติด และจะทำการตรวจร่างกาย สภาวะอื่นๆ อาจก่อให้เกิดอาการที่คล้ายคลึงกับเซโรโทนินซินโดรม แพทย์อาจให้มีการตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อคัดแยกสาเหตุของอาการอื่นๆ
ผู้ป่วยเซโรโทนินซินโดรมมักเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เพื่อสังเกตและรักษาอาการ ตัวอย่างเช่น มีการให้ยาเบนโซไดอาเซพีน (benzodiazepines) เพื่อรักษาอาการกระสับกระส่ายและ/หรืออาการชัก มีการให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดเพื่อรักษาระดับน้ำในร่างกาย การเลิกใช้ยาที่ใช้รักษาเซโรโทนินซินโดรมเป็นสิ่งสำคัญมาก การให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดมักพบได้บ่อยเช่นกัน ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจมีการใช้ยาที่เรียกว่า ยาไซโปรเฮปตาดีน (cyproheptadine) อย่างเพอริแอคทิน (Periactin) ที่ยับยั้งการสร้างสารเซโรโทนิน
การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองต่อไปนี้ อาจช่วยให้คุณรับมือกับเซโรโทนิน ซินโดรมได้
หากคุณมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นถึงวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย