backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

โพรงสมองคั่งน้ำ (Hydrocephalus)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

โพรงสมองคั่งน้ำ (Hydrocephalus)

โพรงสมองคั่งน้ำ หรือน้ำคั่งในโพรงสมอง เป็นการที่มีในสมองมีของเหลวส่วนเกิน ที่เพิ่มขนาดของโพรงสมอง และมีแรงกดลงบนสมอง ทำให้ผู้ป่วยมีขนาดหัวโตขึ้น บางทีก็เรียก โรคหัวบาตร

คำจำกัดความ

โพรงสมองคั่งน้ำคืออะไร

โพรงสมองคั่งน้ำ (Hydrocephalus) หรือ น้ำคั่งในโพรงสมอง หรือน้ำท่วมสมอง เป็นการก่อตัวของของเหลวในโพรงสมอง ของเหลวส่วนเกินเพิ่มขนาดของโพรงสมองและมีแรงกดลงบนสมอง

น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง (Cerebrospinal fluid) ไหลผ่านโพรงสมอง และหล่อเลี้ยงสมองและกระดูกสันหลัง แต่แรงดันของน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังที่มากเกินไปที่สัมพันธ์กับภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ สามารถสร้างความเสียหายแก่เนื้อเยื่อสมอง และทำให้เกิดระดับความเสียหายอย่างหนักต่อการทำงานของสมอง

โพรงสมองคั่งน้ำพบได้บ่อยเพียงใด

ถึงแม้ว่าภาวะโพรงสมองคั่งน้ำสามารถเกิดขึ้นได้ในทุกช่วงอายุ แต่พบได้มากกว่าในทารกและผู้สูงอายุ สถาบัน The National Institute of Neurological Disorders and Stroke (NINDS) ในสหรัฐฯ ประมาณการไว้ว่า จำนวน 1 ถึง 2 รายจากทารกทุกๆ 1,000 ราย เกิดมาโดยมีภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

อาการ

อาการของโพรงสมองคั่งน้ำคืออะไร

สิ่งบ่งชี้และอาการของภาวะโพรงสมองคั่งน้ำโดยทั่วไปมีความหลากหลายตามช่วงอายุที่มีอาการ

ทารก

สิ่งบ่งชี้และอาการของภาวะโพรงสมองคั่งน้ำที่พบได้ทั่วไปในทารก ได้แก่

  • ความเปลี่ยนแปลงในศีรษะ
    • ศีรษะใหญ่ผิดปกติ
    • ขนาดศีรษะใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
    • จุดอ่อน (ขม่อม) บนศีรษะนูนหรือแข็ง
  • อาการทางร่างกาย
  • อาเจียน
  • ง่วงนอน
  • หงุดหงิด
  • ไม่มีความอยากอาหาร
  • มีอาการชัก
  • ตาตก
  • กล้ามเนื้อขาดความตึงตัวและความแข็งแรง การตอบสนองต่อการสัมผัส และการเจริญเติบโตตามความเหมาะสม

เด็กวัยหัดเดินและเด็กโต

ในเด็กวัยหัดเดินและเด็กโต สิ่งบ่งชี้และอาการ ได้แก่

  • อาการทางร่างกาย
  • ปวดศีรษะ
  • การมองเห็นไม่ชัดหรือเกิดภาพซ้อน
  • สิ่งบ่งชี้ทางร่างกาย
    • การขยายตัวที่ผิดปกติของศีรษะของเด็กวัยหัดเดิน
    • อาการง่วงนอน
    • มีปัญหาในการตื่นตัวหรือตื่นนอน
    • คลื่นไส้หรืออาเจียน
    • สมดุลร่างกายไม่คงที่
    • การประสานกันของอวัยวะร่างกายไม่ดี
    • ขาดความอยากอาหาร
    • มีอาการชัก
  • การเปลี่ยนแปลงด้านพฤติกรรมและการรับรู้
    • อาการหงุดหงิด
    • บุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง
    • สมาธิสั้น
    • ความสามารถในการเรียนลดลง
    • มีทักษะที่เรียนรู้มาช้าลงหรือมีปัญหา เช่น การเดินหรือการพูด
  • วัยหนุ่มสาวและวัยกลางคน

    สิ่งบ่งชี้และอาการที่พบได้ในกลุ่มวัยนี้ ได้แก่

    • ปวดศีรษะ
    • มีปัญหาในการตื่นตัวหรือตื่นนอน
    • สูญเสียการประสานงานกันหรือสมดุลของร่างกาย
    • กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปวดปัสสาวะบ่อย
    • มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น
    • ความจำ สมาธิ และทักษะด้านการคิดอื่นๆ ลดลง ที่อาจส่งผลต่อความสามารถในการทำงาน

    ผู้สูงอายุ

    ในผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีหรือมากกว่า สิ่งบ่งชี้และอาการของภาวะโพรงสมองคั่งน้ำที่พบได้ทั่วไป ได้แก่

    • กลั้นปัสสาวะไม่อยู่หรือปวดปัสสาวะบ่อย
    • สูญเสียความจำ
    • สูญเสียทักษะด้านการคิดหรือด้านเหตุผลอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง
    • เดินลำบาก มักอธิบายได้ว่าเป็นท่าเดินลากเท้าหรือความรู้สึกเหมือนว่าเท้าถูกติดอยู่
    • สูญเสียการประสานงานกันหรือสมดุลของร่างกาย
    • โดยทั่วไปมีการเคลื่อนไหวช้างลงกว่าปกติ

    อาจมีบางอาการที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากมีข้อกังวลเกี่ยวกับอาการใด โปรดปรึกษาแพทย์

    ควรไปพบหมอเมื่อใด

    ให้เข้ารับการรักษาฉุกเฉินสำหรับเด็กทารก หรือเด็กวัยหัดเดิน ที่มีสิ่งบ่งชี้และอาการดังต่อไปนี้

    • ร้องไห้เสียงแหลม
    • มีปัญหาในการดูดนมหรือการรับประทาน
    • มีอาการอาเจียนซ้ำซึ่งไม่ทราบสาเหตุ
    • ไม่สามารถก้มหรือเคลื่อนไหวคอหรือศีรษะได้
    • มีปัญหาในการหายใจ
    • มีอาการชัก

    ให้เข้ารับการรักษาทันทีหากมีสิ่งบ่งชี้หรืออาการอื่นๆ ในกลุ่มอายุใดๆ ก็ตาม

    เนื่องจากภาวะมากกว่าหนึ่งอย่างสามารถส่งผลให้เกิดปัญหาที่สัมพันธ์กับภาวะโพรงสมองคั่งน้ำได้ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องเข้ารับการวินิจฉัยที่ทันเวลาและการรักษาที่เหมาะสม

    สาเหตุ

    สาเหตุของโพรงสมองคั่งน้ำ

    ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำเกิดจากความไม่สมดุล ระหว่างปริมาณน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังที่สังเคราะห์ขึ้น และที่ดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด

    น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังสังเคราะห์จากเนื้อเยื่อในโพรงสมอง น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังไหลผ่านโพรงสมองผ่านช่องทางที่เชื่อมต่อกัน แล้วไหลเข้าไปในช่องว่างรอบสมองและกระดูกสันหลัง น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังส่วนใหญ่ ดูดซึมเข้าสู่เส้นเลือดในเนื้อเยื่อใกล้ฐานสมอง

    น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังมีบทบาทสำคัญในการทำงานของสมอง โดยการ

    • รักษาให้เนื้อสมองลอยตัว ซึ่งทำให้เนื้อสมองที่หนักลอยอยู่ในกะโหลกได้
    • รองรับเนื้อสมองเพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
    • กำจัดของเสียจากกระบวนการเผาผลาญพลังงานของสมอง
    • ไหลกลับไปกลับมาระหว่างโพรงสมองและกระดูกสันหลัง เพื่อรักษาความดันให้คงที่ภายในสมอง เป็นการชดเชยความดันเลือดที่เปลี่ยนแปลงภายในสมอง

    น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังปริมาณมากเกินไปในโพรงสมอง เกิดขึ้นจากสาเหตุหนึ่งดังต่อไปนี้

    • สาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุดคือ การอุดกั้นบางส่วนของการไหลของน้ำหล่อสมองไขสันหลังตามปกติ ทั้งจากโพรงสมองหนึ่งไปยังอีกโพรงสมองหนึ่ง หรือจากโพรงสมองไปยังช่องว่างอื่นๆ ภายในสมอง
    • การดูดซึมที่ไม่ดี สาเหตุที่พบได้น้อยกว่าคือ ปัญหาเกี่ยวกับกลไกที่หลอดเลือดดูดซึมน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง มักเกิดขึ้นสัมพันธ์กับการอักเสบของเนื้อเยื่อสมองจากการเกิดโรคหรือการบาดเจ็บ
    • ที่พบได้น้อยมากคือ กลไกการสังเคราะห์น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง สังเคราะห์น้ำหล่อสมองไขสันหลังมากผิดปกติ และเร็วเกินกว่าที่จะถูกดูดซึมได้

    ปัจจัยเสี่ยง

    ปัจจัยเสี่ยงของโพรงสมองคั่งน้ำ

    มีปัจจัยเสี่ยงสำหรับภาวะโพรงสมองคั่งน้ำมีหลายประการ เช่น

    • การเจริญเติบโตที่ผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง ที่สามารถอุดกั้นการไหลของน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังได้
    • ภาวะเลือดออกภายในโพรงสมอง ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่เป็นไปได้ของการคลอดก่อนกำหนด
    • การติดเชื้อในมดลูกในระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น หัดเยอรมัน หรือซิฟิลิส ที่ก่อให้เกิดการอักเสบที่เนื้อเยื่อสมองของทารกในครรภ์ได้
    • มีรอยโรคหรือเนื้องอกที่สมองหรือไขสันหลัง
    • การติดเชื้อที่ระบบประสาทส่วนกลาง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากแบคทีเรีย หรือคางทูม
    • ภาวะเลือดออกในสมองจากโรคหลอดเลือดสมองหรือการบาดเจ็บที่ศีรษะ
    • อาการบาดเจ็บอื่นๆ ที่สมอง

    การวินิจฉัยและการรักษาโรค

    ข้อมูลที่นำเสนอมิได้ใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ ให้ปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

    การวินิจฉัยโพรงสมองคั่งน้ำ

    หากคุณสงสัยว่า คุณหรือลูกของคุณมีภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ แพทย์จะทำการตรวจร่างกายเพื่อตรวจหาสิ่งบ่งชี้หรืออาการ ในเด็กนั้น แพทย์จะตรวจดวงตาที่โบ๋ลึก ปฏิกิริยาตอบสนองช้า ขม่อมนูน และขนาดศีรษะที่ใหญ่กว่าปกติสำหรับช่วงอายุนี้

    นอกจากนี้แพทย์อาจยังใช้การอัลตราซาวนด์เพื่อตรวจสมองอย่างใกล้ชิดมากขึ้น การตรวจวิธีนี้ใช้คลื่นเสียงความถี่สูง เพื่อสร้างภาพถ่ายของสมอง การตรวจด้วยอัลตราซาวนด์ประเภทนี้ สามารถใช้ได้กับเด็กทารกที่มีขม่อมเปิดอยู่เท่านั้น

    การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) ใช้เพื่อตรวจหาอาการบ่งชี้ของภาวะน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังมากเกินไป วิธีการตรวจแบบ MRI ใช้สนามแม่เหล็กและคลื่นวิทยุเพื่อสร้างภาพถ่ายของสมองตามแนวขวาง

    การตรวจหน้าอกด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT) ยังสามารถช่วยวินิจฉัยภาวะโพรงสมองคั่งน้ำได้ในเด็กและผู้ใหญ่ การตรวจด้วยวิธี CT scan ใช้คลื่นเอกซเรย์ต่างๆ เพื่อสร้างภาพถ่ายของสมองตามแนวขวาง การตรวจด้วยวิธีนี้สามารถแสดงให้เห็นถึงโพรงสมองที่ขยายตัว ที่เกิดจาก ภาวะน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังมากเกินไป

    การรักษาโพรงสมองคั่งน้ำ

    ภาวะโพรงสมองคั่งน้ำอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หากไม่ได้รับการรักษา การรักษาอาจไม่ทำให้ความเสียหายที่สมองที่เกิดขึ้นแล้วหายได้ เป้าหมายการรักษาก็คือ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายที่สมองเพิ่มขึ้น การรักษาทำได้โดยการฟื้นฟูการไหลน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังให้อยู่ในระดับปกติ แพทย์อาจใช้ทางเลือกในการรักษาด้วยการผ่าตัดวิธีใดวิธีหนึ่งดังต่อไปนี้

    การใส่ทางลัดโพรงสมอง (Shunt insertion)

    ในผู้ป่วยส่วนใหญ่ จะมีการผ่าตัดใส่ทางลัดโพรงสมอง ทางลัดโพรงสมองเป็นระบบการระบายของเหลว ที่ประกอบด้วยหลอดยาวและวาล์ว โดยวาล์วช่วยให้น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังมีการไหลในอัตราปกติและอยู่ในทิศทางที่ถูกต้อง แพทย์จะใส่ปลายหลอดข้างหนึ่งภายในสมองและใส่ปลายหลอดอีกข้างหนึ่งเข้าไปในอกหรือช่องท้อง แล้วน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังจะถูกระบายจากสมอง ออกทางปลายหลอดข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นบริเวณที่สามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น การใส่ทางลัดโพรงสมองมักทำอย่างถาวร และต้องมีการเฝ้าระวังอย่างสม่ำเสมอ

    การระบายน้ำไขสันหลังจากโพรงสมอง (Ventriculostomy)

    วิธีการรักษาที่เรียกว่าการระบายน้ำไขสันหลังจากโพรงสมอง เป็นทางเลือกในการใส่ทางลัดโพรงสมอง เป็นการสร้างรูในบริเวณโพรงสมองส่วนล่างหรือระหว่างโพรงสมอง ทำให้น้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังระบายออกจากสมองได้

    การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเอง

    การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองที่ช่วยจัดการภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ

    ด้วยการรักษาแบบฟื้นฟูและการศึกษาวิจัย ผู้ป่วยจำนวนมากที่มีภาวะโพรงสมองคั่งน้ำสามารถมีชีวิตอยู่ได้ โดยมีข้อจำกัดบางประการ

    เด็กที่มีภาวะโพรงสมองคั่งน้ำ หรือเรียกว่า โรคหัวบาตร หรือโรคหัวแตงโม อาจต้องได้รับการรักษาที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ให้ตรวจสอบสวัสดิการทางสังคมของประเทศของคุณ

    โรงพยาบาลและองค์กรอาสาต่างๆ ที่ให้บริการประชาชนที่ขาดโอกาสเป็นแหล่งให้ความช่วยเหลือทางด้านจิตใจ และการรักษาที่ดี ให้ขอความช่วยเหลือจากแหล่งให้ความช่วยเหลือเหล่านี้

    หากคุณมีข้อสงสัย โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้เข้าใจได้ดีขึ้นถึงวิธีการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ

    Hello Health Group ม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา