มะเร็งช่องปาก หรือ มะเร็งในช่องปาก (Oral cancer) คือโรคที่เกิดจากเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย หรือเซลล์มะเร็งที่เกิดในช่องปาก โดยอาจพบเซลล์มะเร็งอยู่ที่ลิ้น เพดานปาก กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก หรือเหงือกก็ได้ แตกต่างกันไปตามแต่บริเวณที่มีเซลล์มะเร็งเติบโต
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
มะเร็งช่องปาก หรือ มะเร็งในช่องปาก (Oral cancer) คือโรคที่เกิดจากเนื้องอกที่เป็นเนื้อร้าย หรือเซลล์มะเร็งที่เกิดในช่องปาก โดยอาจพบเซลล์มะเร็งอยู่ที่ลิ้น เพดานปาก กระพุ้งแก้ม ริมฝีปาก หรือเหงือกก็ได้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามแต่บริเวณที่มีเซลล์มะเร็งเติบโต มากไปกว่านั้น เซลล์มะเร็งยังอาจลุกลามไปยังบริเวณต่อมทอนซิล ต่อมน้ำลาย หรือคอหอยได้ด้วยเช่นกัน
มะเร็งในช่องปาก ถือเป็นอีกหนึ่งโรคมะเร็งที่จำเป็นจะต้องได้รับการวินิจฉัยและเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะถ้าหากปล่อยไว้อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
สมาคมโรคมะเร็งแห่งสหรัฐอเมริกา (American Cancer Society; หรือ ACS) ระบุว่า ผู้ชายเป็นกลุ่มมีความเสี่ยงในการเป็น มะเร็งในช่องปาก สูงกว่าผู้หญิงถึง 2 เท่า โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดคือ กลุ่มผู้ชายที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป
อาการโดยทั่วไปของ มะเร็งในช่องปาก มีดังนี้
อาจมีอาการของ มะเร็งในช่องปาก ที่ไม่ได้กล่าวไว้ข้างต้น สำหรับอาการอื่น ๆ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทย์
หากคุณมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือมีอาการความผิดปกติใด ๆ ในช่องปากดังที่กล่าวไปข้างต้นติดต่อกันเป็นระยะเวบานานกว่า 2 สัปดาห์และไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้น ควรไปพบทันตแพทย์หรือปรึกษากับคุณหมอเพื่อเข้ารับการวินิจฉัย
มะเร็งในช่องปาก เกิดจากการเปลี่ยนแปลงหรือความผิดปกติของระบบดีเอ็นเอของเซลล์ในช่องปาก และพัฒนากลายเป็นเนื้องอก ก่อนจะค่อย ๆ เติบโตเป็นเซลล์มะเร็ง และเมื่อก่อตัวจนเป็นเซลล์มะเร็งแล้วก็จะค่อย ๆ แพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนต่าง ๆ ภายในช่องปากหรือลำคอ อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เพราะเหตุใดเซลล์ในช่องปากจึงมีการเปลี่ยนแปลงของระบบดีเอ็นเอภายในเซลล์
พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันก็มีส่วนในการเพิ่มความเสี่ยงของ มะเร็งในช่องปาก ด้วยเช่นกัน ดังนี้
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจยังพบอีกว่า ผู้ที่ไม่สูบบุหรี่เลย หรือผู้ดื่มแอลกอฮอล์เป็นครั้งคราวเท่านั้น ก็ยังมีโอกาสเสี่ยงเป็น มะเร็งในช่องปาก สูงถึง 25 เปอร์เซ็นต์
ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
แพทย์สามารถทำการตรวจวินิจฉัย มะเร็งในช่องปาก ได้หลายวิธี ดังนี้
เมื่อได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งในช่องปาก แพทย์อาจพิจารณาให้มีการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม ได้แก่
การรักษา มะเร็งในช่องปาก จะขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของเซลล์มะเร็ง ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยแพทย์สามารถทำการรักษามะเร็งในช่องปากได้หลายวิธี ได้แก่
รักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี คือ
รักษาโดยการฉายรังสี
แพทย์อาจพิจารณาให้มีการฉายรังสีเอ็กซ์และรังสีโปรตอน เพื่อทำการฆ่าเซลล์มะเร็ง ซึ่งมักจะใช้วิธีนี้หลังจากที่มีการผ่าตัดแล้ว หรืออาจใช้ตั้งแต่แรกในกรณีที่เป็น มะเร็งในช่องปาก ระยะเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม หลังการฉายรังสี อาจมีผลข้างเคียงคือมีอาการปวด ปากแห้ง ฟันผุ กระดูกขากรรไกรเสื่อม ซึ่งในผู้ป่วยบางรายอาจจำเป็นที่จะต้องมีการรักษาสุขภาพฟันและสุขภาพช่องปากหลังจากรับการฉายรังสีเพิ่มเติม
รักษาโดยการทำเคมีบำบัดหรือทำคีโม (Chemotherapy)
การทำคีโมจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งในช่องปากหลังจากที่มีการฉายรังสี หรือมีการทำคีโมไปพร้อม ๆ กับการฉายรังสี ซึ่งจะมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และผมร่วง
รักษาโดยการรับประทานยาแบบเฉพาะเจาะจงเพื่อรักษามะเร็ง
แพทย์อาจพิจารณาสั่งจ่ายยาเพื่อใช้ในการรักษามะเร็งแบบเฉพาะเจาะจง เช่น ยาซิทูซิแม็บ (Cetuximab) ที่ใช้เพื่อรักษามะเร็งในช่องปาก บริเวณลำคอ หรือบริเวณศีรษะ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางประการดังต่อไปนี้ มีส่วนช่วยป้องกัน มะเร็งในช่องปาก ได้
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย