backup og meta

แพ้ยา อาการแพ้อันตรายที่ป้องกันและรักษาได้

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 09/07/2020

    แพ้ยา อาการแพ้อันตรายที่ป้องกันและรักษาได้

    แพ้ยา (Drug Allergy) เป็นภาวะที่ระบบภูมิคุ้มกันของคุณ มีปฏิกิริยาต่อยาต่างๆ มากเกินไป ยาชนิดใดๆก็ตามสามารถกระตุ้นการแพ้ยาได้ ดังนั้นก่อนการรับประทานยาชนิดใดๆควรจะระมัดระวังถึงอาการแพ้ และผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น  Hello คุณหมอ รวบรวมคำแนะนำดีๆมาฝากกัน

    แพ้ยา คืออะไร

    ในครั้งแรกที่คุณใช้ยา คุณอาจไม่สังเกตสิ่งที่ผิดปกติ แต่ระบบภูมิคุ้มกันของคุณอาจกำลังสร้างแอนติบอดี้ต่อต้านยาอย่างเงียบๆ ครั้งต่อไปที่ยาเข้าสู่ระบบร่างกายของคุณ แอนติบอดี้จะทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงปลดปล่อยสารก่อภูมิแพ้ จึงเป็นหน้าที่ของอาการภูมิแพ้ของคุณ

    ยาทั่วไปที่สามารถกระตุ้นอาการ แพ้ยา ได้แก่

    ยาสำหรับอาการชัก (seizures)

    ผลของเคียงของยาชนิดหนึ่ง ไม่สามารถพิจารณาว่าเป็นอาการแพ้ได้ ตัวอย่างเช่น ยาแอสไพรินอาจทำให้เกิดลมพิษ (hives) หรือกระตุ้นหอบหืด (asthma) โดยไม่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกัน

    อาการแพ้ยาเป็นอย่างไร

    อาการแพ้ยาส่วนใหญ่ทำให้เกิดผื่นผิวหนังและลมพิษ ซึ่งอาจเกิดขึ้นทันทีหรือหลายชั่วโมงหลังการใช้ยา

    อาการทั่วไปของการแพ้ยา ได้แก่

    สำหรับอาการของอาการแพ้รุนแรง (anaphylaxis) ได้แก่

  • ปวดท้อง (Stomach ache)
  • มึนงง
  • ขับถ่ายผิดปกติ
  • หายใจลำบาก
  • เสียงแหบ
  • เวียนศีรษะ
  • เป็นลม
  • คลื่นไส้
  • อาเจียน
  • ชีพจรและหัวใจเต้นเร็ว
  • วินิจฉัยอาการแพ้ยาได้อย่างไร

    แพทย์ที่ทำการรักษา จำเป็นต้องทราบเกี่ยวกับประวัติสุขภาพของคุณ และความรุนแรงของอาการของคุณ สำหรับการวินิจฉัยโดยละเอียด หากคุณแพ้ยาปฏิชีวนะ (ตัวอย่างเช่น ยาเพนิซิลลิน) แพทย์อาจให้มีการทดสอบผิวหนังเพื่อยืนยันการแพ้ยา โชคไม่ดีที่การทดสอบผิวหนังไม่ได้ผลสำหรับผู้ป่วยทั้งหมด

    ในบางครั้ง การทดสอบผิวหนังอาจเป็นอันตราย หากเป็นการแพ้ยาชนิดหนึ่งที่รุนแรง ในกรณีดังกล่าว แพทย์จะไม่รวมยาดังกล่าวในแผนการรักษาของคุณ การทดสอบภูมิแพ้ไม่เป็นสิ่งจำเป็น หากมีการใช้ยาทางเลือกอื่นๆ

    การรักษาทำอย่างไร

    มีการสั่งยาชนิดต่างๆ เพื่อบรรเทาอาการแพ้ยา ตัวอย่างเช่น ยาแก้แพ้ (antihistamine) และการรักษาเฉพาะที่ (topical treatments) เพื่อบรรเทาอาการ หากอาการภูมิแพ้ทำให้เกิดทางเดินหายใจอุดกั้น คุณจำเป็นต้องได้รับยาขยายหลอดลม (bronchodilators) เพื่อรักษาอาการดังกล่าว หากคุณมีอาการแพ้รุนแรง คุณจำเป็นต้องฉีดยาเอพิเนฟรีน (epinephrine shot) เพื่อบรรเทาอาการต่างๆ ก่อน แล้วคุณต้องเข้ารับการรักษา ถึงแม้ว่าอาการต่างๆ จะหายไปหมดแล้วก็ตาม

    ในกรณีส่วนใหญ่แล้ว หากพบว่าคุณมีอาการแพ้ยา สิ่งจำเป็นสิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือ ตัดยานั้นออกจากรายการสั่งยา อย่างไรก็ตาม หากไม่มีสิ่งอื่นที่รักษาอาการของคุณได้ คุณต้องเข้ารับกระบวนการ ที่เรียกว่า drug desensitization ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของภูมิคุ้มกันบำบัด (immunotherapy) ในกระบวนการนี้ คุณจะได้รับการฉีดยาที่คุณแพ้ เป็นเวลาหลายครั้ง ในปริมาณเล็กน้อย ขนาดยาจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพื่อช่วยให้ร่างกายของคุณสร้างความต้านทานขึ้น

    Hello Health Group ม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ธีรวิทย์ บุญราศรี · แก้ไขล่าสุด 09/07/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา