backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ดอกซาโซซิน (Doxazosin)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 13/06/2023

ดอกซาโซซิน (Doxazosin) มักใช้เพียงตัวเดียว หรือใช้ร่วมกับยาอื่นเพื่อรักษาความดันโลหิตสูง การลดความดันโลหิตที่สูงจะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือดฉับพลัน และปัญหาเกี่ยวกับไต ยานี้ทำงานโดยการคลายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

ข้อบ่งใช้

ยา ดอกซาโซซิน ใช้สำหรับ

ยา ดอกซาโซซิน (Doxazosin) มักใช้เพียงตัวเดียว หรือใช้ร่วมกับยาอื่นเพื่อรักษาความดันโลหิตสูง การลดความดันโลหิตที่สูงจะช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจขาดเลือดฉับพลัน และปัญหาเกี่ยวกับไต ยานี้ทำงานโดยการคลายหลอดเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น

ยา ดอกซาโซซิน นั้นยังใช้เพื่อรักษาโรคต่อมลูกหมากโต (benign prostatic hyperplasia) ยาไม่ได้ทำให้ต่อมลูกหมากหดตัวลงแต่ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อที่ต่อมลูกหมาก และบางส่วนของกระเพาะปัสสาวะ ช่วยบรรเทาอาการของโรคต่อมลูกหมากโต เช่น เริ่มปัสสาวะลำบาก ปัสสาวะอ่อน และจำเป็นต้องปัสสาวะบ่อย หรืออั้นปัสสาวะไม่ได้ (รวมทั้งในช่วงกลางดึก)

ยาดอกซาโซซินนั้นอยู่ในกลุ่มของยาอัลฟาบล็อกเกอร์ (alpha blockers)

วิธีการใช้ยา ดอกซาโซซิน

รับประทานยานี้พร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหาก ตามที่แพทย์สั่ง โดยปกติคือวันละครั้ง

ยาดอกซาโซซินอาจทำให้เกิดอาการความดันโลหิตลดฉับพลันได้ ซึ่งทำให้เกิดอาการมึนงงหรือหมดสติ โดยปกติคือภายใน 2 ถึง 6 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยา ความเสี่ยงนี้จะสูงขึ้นหากรับประทานยาครั้งแรกหลังจากแพทย์เพิ่มขนาดยาให้ หรือหากเริ่มใช้ยาใหม่อีกครั้งหลังจากที่หยุดใช้ไป ในช่วงเวลานั้นควรหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้บาดเจ็บหากหมดสติ

เพื่อหลีกเลี่ยงอาการบาดเจ็บเนื่องจากอาการมึนงงหรือหมดสติ ควรรับประทานยาดอกซาโซซินครั้งแรกก่อนนอนหรือตามที่แพทย์สั่ง แพทย์จะเริ่มให้ยานี้ในขนาดยาที่ต่ำและค่อย ๆ เพิ่มขนาดยาขึ้น ทุกครั้งที่เพิ่มขนาดยาหรือกลับมาใช้ยาอีกครั้ง ควรรับประทานก่อนนอนหรือตามที่แพทย์สั่ง ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด

ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ และการตอบสนองต่อการรักษา

รับประทานยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจากยา เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรรับประทานในเวลาเดียวกันทุกวัน หากคุณลืมรับประทานยาดอกซาโซซินเป็นเวลาสองสามวัน คุณควรเริ่มใช้ยาใหม่ที่ขนาดยาต่ำและค่อยๆ เพิ่มขนาดยาขึ้นอีกครั้ง สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดปรึกษากับแพทย์

ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าคุณจะรู้สึกปกติดี คนส่วนใหญ่ที่มีภาวะความดันโลหิตสูงนั้นจะไม่รู้สึกเจ็บป่วยใดๆ

ผู้ที่ใช้ยาควรจะเห็นผลของยาภายใน 1 ถึง 2 สัปดาห์ แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง (เช่น ความดันโลหิตยังสูงอยู่หรือเพิ่มมากขึ้น หรืออาการของต่อมลูกหมากโตแย่ลง)

การเก็บรักษายาดอกซาโซซิน

ยาดอกซาโซซินควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาดอกซาโซซินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้งยาดอกซาโซซินลงในชักโครก หรือในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาดอกซาโซซิน

ก่อนใช้ยาดอกซาโซซิน แจ้งให้แพทย์ทราบหากแพ้ยานี้ หรือแพ้ยาอัลฟาบล็อกเกอร์ตัวอื่น ๆ เช่น ยาพราโซซิน (prazosin) หรือยาเทเรโซซิน (terazosin) หรือหากมีโรคภูมิแพ้อื่น ๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบที่ไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ควรปรึกษากับเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติสุขภาพ โดยเฉพาะโรคหัวใจ เช่น หัวใจวาย ปวดเค้นหน้าอก (angina) หรือหัวใจขาดเลือดฉับพลันในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมานี้ โรคตับ โรคของดวงตาบางอย่างเช่น ต้อกระจก หรือต้อหิน

ยานี้อาจทำให้เกิดอาการมึนงงหรือง่วงซึม อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัว ควรจำกัดปริมาณของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ดูเพิ่มเติมในส่วนของวิธีการใช้

ก่อนการผ่าตัด (รวมถึงการผ่าตัดต้อกระจกหรือต้อหิน) แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่ากำลังยานี้ และยาอื่น ๆ ที่ขกำลังใช้ (รวมทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อได้เอง และสมุนไพร)

ผู้สูงอายุอาจขไวต่อผลข้างเคียงของยานี้ได้มากกว่า โดยเฉพาะอาการมึนงงหรือความดันโลหิตต่ำ เวลาลุกขึ้นจากท่านั่งหรือท่านอน ผลข้างเคียงเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงให้ล้มได้

ในช่วงของการตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เท่าที่จำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษากับแพทย์ถึงความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา

ยานี้สามารถส่งผ่านน้ำนมได้ ควรปรึกษากับแพทย์ก่อนการให้นมบุตร

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และความเสี่ยงของการใช้ยานี้ ยาดอกซาโซซินจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยาดอกซาโซซิน

อาจเกิดอาการมึนงง วิงเวียน เหนื่อยล้าผิดปกติ หรือน้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ หากอาการเหล่านี้ไม่ยอมหายไปหรือแย่ลงควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที

เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอาการมึนงงและวิงเวียน ควรค่อยๆ ลุกขึ้นจากท่านั่งหรือท่านอนช้า ๆ

โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้ใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใด ๆ

แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ได้แก่ หมดสติ หายใจตื้น อ่อนแรง บวมที่มือหรือเท้า ดวงหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม มีรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย เป็นไข้ เจ็บคอบ่อย ๆ

รับการรักษาพยาบาลในทันทีหากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงมาก ได้แก่ ปวดหน้าอก

ในกรณีที่ไม่ค่อยพบเจอ ผู้ชายบางคนอาจมีอาการอวัยวะเพศชายแข็งตัวแบบเจ็บปวด หรือแข็งตัวในระยะยาวนานกว่า 4 ชั่วโมงขึ้นไป หยุดใช้ยานี้และรับการรักษาในทันที ไม่เช่นนั้นอาจกลายเป็นปัญหาแบบถาวรได้

การแพ้ยาที่รุนแรงนี้ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมี ได้แก่ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) เวียนหัวขั้นรุนแรง หายใจติดขัด

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้ามีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาที่อาจจะมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ ยาอัลฟ่าบล็อกเกอร์อื่น ๆ เช่น ยาพราโซซิน (prazosin) ยาแทมซูโลซิน (tamsulosin)

หากใช้ยาเพื่อรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือภาวะความดันหลอดเลือดแดงในปอดสูง (pulmonary hypertension) เช่น ยาซิลเดนาฟิล (sildenafil) หรือยาทาดาลาฟิล (tadalafil) ความดันโลหิตอาจจะลดต่ำเกินไป และทำให้เกิดอาการมึนงงหรือหมดสติได้ แพทย์อาจจำเป็นต้องปรับขนาดยาของคุณเพื่อลดความเสี่ยง

ยาอื่นอาจส่งผลกระทบกับการกำจัดยาดอกซาโซซินออกจากร่างกาย ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของยาดอกซาโซซิน ยกตัวอย่างเช่น ยาต้านเชื้อรากลุ่มเอโซล (azole antifungals) เช่น ไอทราโคนาโซล (itraconazole) หรือคีโตโคนาโซล (ketoconazole) ยาโบซีพรีเวียร์ (boceprevir) ยาปฏิชีวนะกลุ่มแมคโครไลด์ (macrolide antibiotics) เช่น คลาริโทรมัยซิน (clarithromycin) ยายับยั้งเอชไอวีโปรตีเอส (HIV protease inhibitors) เช่น โลปินาเวียร์ (lopinavir) หรือริโทนาเวียร์ (ritonavir) และอื่นๆ

ยาบางชนิดอาจมีส่วนผสมที่สามารถเพิ่มความดันโลหิตได้ แจ้งให้เภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่กำลังใช้อยู่ และสอบถามวิธีการใช้ที่ปลอดภัย โดยเฉพาะยาแก้ไอแก้ไข้ ยาลดความอ้วน หรือยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น ไอบูโพรเฟน (ibuprofen) หรือนาพรอกเซน (naproxen)

ยาดอกซาโซซินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่กำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรว่ากำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาดอกซาโซซินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาดอกซาโซซินอาจส่งผลให้อาการโรคแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาดอกซาโซซินสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาความดันโลหิตสูง (Hypertension)

ยาออกฤทธิ์ทันที:

  • ขนาดยาเริ่มต้น: 1 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • ขนาดยาปกติ: 1 ถึง 16 มก. รับประทานวันละครั้ง
  • คำแนะนำ: อาจเพิ่มขนาดยาได้ถึง 16 มก. วันละครั้ง เท่าที่จำเป็นเพื่อลดความดันโลหิตลงในระดับที่ต้องการ
  • ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคต่อมลูกหมากโต (Benign Prostatic Hyperplasia)

    ขนาดยาเริ่มต้น:

    • ยาออกฤทธิ์ทันที: 1 มก. รับประทานวันละครั้งในตอนเช้าหรือตอนเย็น
    • ยาออกฤทธิ์เนิ่น: 4 มก. รับประทานวันละครั้งพร้อมกับอาหารเช้า

    ขนาดยาปกติ:

    • ยาออกฤทธิ์ทันที: 1 ถึง 8 มก. รับประทานวันละครั้งในตอนเช้าหรือตอนเย็น
    • ยาออกฤทธิ์เนิ่น: 4 ถึง 8 มก. รับประทานวันละครั้งพร้อมกับอาหารเช้า

    ขนาดยาสูงสุด: 8 มก. รับประทานวันละครั้ง

    คำแนะนำ:

    ขึ้นอยู่กับค่าปัสสาวะพลศาสตร์ (urodynamics) การตอบสนองต่ออาการ (symptomatic response) และความทนทานของผู้ป่วย อาจเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่าของขนาดยาเดิมหลังจาก 1 ถึง 2 สัปดาห์ (ยาออกฤทธิ์ทันที) หรือ 3 ถึง 4 สัปดาห์ (ยาออกฤทธิ์เนิ่น)

    การใช้งาน: เพื่อรักษาสัญญาณและอาการของโรคต่อมลูกหมากโต

    การปรับขนาดยาสำหรับตับ

    • ตับบกพร่องระดับเบาถึงปานกลาง (ไชด์พิว [Child-Pugh] เอหรือบี ): ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
    • Severe liver dysfunction (ไชด์พิว ซี): ไม่แนะนำ

    การปรับขนาดยา

    การเปลี่ยนจากยาแบบออกฤทธิ์ทันทีมาเป็นยาแบบออกฤทธิ์นาน:

    • ให้ข้ามมื้อยาครั้งสุดท้ายในตอนเย็นของยาแบบออกฤทธิ์ทันที และเริ่มต้นใช้ยาแบบออกฤทธิ์นานที่ขนาดยาที่ต่ำสุด (4 มก. วันละครั้ง)

    ใช้ร่วมกับตัวยับยั้งฟอสโฟไดเอสเทอเรส-5 (phosphodiesterase-5 inhibitors):

    • ยาแบบออกฤทธิ์นาน: เริ่มต้นการรักษาด้วยขนาดยาต่ำที่สุด

    ขนาดยาดอกซาโซซินสำหรับเด็ก

    ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร

    รูปแบบของยา

    ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

    • ยาเม็ดสำหรับรับประทานแบบออกฤทธิ์นาน
    • ยาเม็ดสำหรับรับประทาน

    กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

    หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

    กรณีลืมใช้ยา

    หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ

    ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 13/06/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา