backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ดานาซอล (Danazol)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ข้อบ่งใช้

ยา ดานาซอล ใช้สำหรับ

ยา ดานาซอล (Danazol) มักจะใช้ในผู้หญิงเพื่อรักษาอาการปวดเชิงกรานและภาวะมีบุตรยาก (infertility) เนื่องจากความผิดปกติของมดลูกบางชนิด อย่างภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (endometriosis) และยังใช้เพื่อรักษาอาการปวด กดเจ็บ หรือก้อนในเต้านมเนื่องจากสภาวะของเต้านมบางชนิด อย่างโรคก้อนในเต้านมชนิดไฟโบรซิสติค (fibrocystic breast disease) ยานี้ยังใช้กับทั้งหญิงและชาย เพื่อป้องกันอาการบวมที่บริเวณท้อง แขน ขา ใบหน้า หรือทางเดินหายใจเนื่องจากโรคแต่กำเนิด อย่างโรคแองจิโออีดีมาทางกรรมพันธุ์ (hereditary angioedema)

ยา ดานาซอล เป็นแอนโดรเจน (androgen) ที่คล้ายกับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) สำหรับการรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ และโรคก้อนในเต้านมชนิดไฟโบรซิสติค ยานี้ทำงานโดยการลดปริมาณของฮอร์โมนที่ผลิตโดยรังไข่ ฮอร์โมนเหล่านี้มักจะทำให้สภาวะเหล่านี้รุนแรงขึ้น สำหรับการรักษาโรคแองจิโออีดีมา ยาดานาซอลจะช่วยเพิ่มปริมาณของโปรตีนบางชนิด ภายในระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

วิธีการใช้ยา ดานาซอล

รับประทานยานี้ ตามปกติคือวันละสองครั้ง หรือตามที่แพทย์กำหนด สามารถรับประทานพร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหากก็ได้ แต่ควรจะเลือกทางใดทางหนึ่งไปตลอดทุกครั้ง

ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ และการตอบสนองต่อการรักษา

ใช้ยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์จากยาสูงสุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน

โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการของคุณไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง

การเก็บรักษายายาดานาซอล

ยาดานาซอลควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาดานาซอลบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้งยาดานาซอลลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาดานาซอล

ก่อนใช้ยาดานาซอล แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนผสมที่ไม่มีฤทธิ์ในการรักษาที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือด เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ (coronary artery disease) หรือโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) ภาวะความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน ระดับคอเลสเตอรอลสูง โรคมะเร็งเต้านม โรคตับ โรคไต อาการชัก ปวดหัวไมเกรน เลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ ความผิดปกติของเลือดบางชนิด อย่างโรคพอร์ฟิเรีย (porphyria) หรือภาวะเลือดข้น (polycythemia) โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก

ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบ เกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)

ยานี้อาจส่งผลกระทบต่ออสุจิได้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ห้ามใช้ยานี้ขณะที่กำลังตั้งครรภ์ ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ หากคุณตั้งครรภ์หรือคาดว่าอาจจะตั้งครรภ์โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที

ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ยานี้สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ เนื่องจากโอกาสในการเกิดความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์จึงไม่แนะนำการให้นมบุตรขณะที่กำลังใช้ยานี้ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้

ยาดานาซอลจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท X โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยาดานาซอล

อาจเกิดอาการน้ำหนักขึ้น เป็นสิว หน้าแดง เหงื่อออก เสียงเปลี่ยน (เสียงแหบหรือระดับเสียงเปลี่ยน) ขนดกผิดปกติ (ในผู้หญิง) ช่องคลอดแห้งหรือระคายเคือง หรือขนาดเต้านมลดลง หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที

โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า ยามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ

โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นแต่รุนแรงดังต่อไปนี้ อาการบวมที่มือ เท้า หรือขา ประจำเดือนเปลี่ยนแปลง (เลือดออกกะปริดกะปรอย หรือประจำเดือนขาด) ความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์หรือจิตใจ (เช่น ประหม่า อารมณ์แปรปรวน)

การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาที่อาจจะมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาฟาริน (warfarin) ยาสแตติน (statin) สำหรับคอเลสเตอรอลบางชนิด อย่างโลวาสแตติน (lovastatin) หรือซิมวาสสแตติน (simvastatin)

ยานี้อาจส่งผลกระทบต่อการตรวจในห้องแล็บบางชนิด รวมถึงระดับของฮอร์โมนชายภายในเลือด เช่น ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน และอาจจะทำให้เกิดผลการตรวจเป็นเท็จได้ โปรดแจ้งให้บุคลากรในห้องแล็บและแพทย์ของคุณทุกคนทราบว่าคุณกำลังใช้ยานี้

ยาดานาซอลอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาดานาซอลอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาดานาซอลอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาดานาซอลสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

โรคระดับเบา

  • ขนาดยาเริ่มต้น 200 ถึง 400 มก. ต่อวัน แบ่งรับประทาน 2 ครั้ง
  • ขนาดยาปกติ ควรค่อยๆ ปรับขนาดยาลงมาเพื่อรักษาระดับของการขาดประจำเดือน (amenorrhea)
  • ระยะเวลาในการรักษา นานถึง 9 เดือน

โรคระดับปานกลางหรือรุนแรง หรือสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะมีบุตรยากเนื่องจากภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

  • ขนาดยาเริ่มต้น 800 มก. ต่อวัน แบ่งรับประทาน 2 ครั้ง
  • ขนาดยาปกติ ควรค่อยๆ ปรับขนาดยาลงมาเพื่อรักษาระดับของการขาดประจำเดือน
  • ระยะเวลาในการรักษา นานถึง 9 เดือน

คำแนะนำ

  • ควรเริ่มต้นการรักษาในช่วงมีประจำเดือน หรือควรทำการตรวจครรภ์ก่อนเริ่มต้นการรักษาเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ป่วยนั้นไม่ได้ตั้งครรภ์ขณะทำการรักษา
  • ควรดำเนินการรักษาไปอย่างต่อเนื่อง 3 ถึง 6 เดือน แต่อาจจะดำเนินการรักษาต่อเนื่องนานถึง 9 เดือน
  • อาจกลับมาเริ่มต้นการรักษาได้อีกหากมีอาการกำเริบ

การใช้งาน

เพื่อรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ที่ตอบสนองต่อการจัดการฮอร์โมน

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคก้อนในเต้านมชนิดไฟโบรซิสติค

100 ถึง 400 มก. ต่อวัน แบ่งรับประทาน 2 ครั้ง

คำแนะนำ

  • ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาจรับการรักษาด้วยวิธีง่ายๆ (เช่น ชุดชั้นในแบบเสริมฟองน้ำ หรือยาระงับปวด) ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องรับการรักษาโดยใช้ยานี้อาจจะมีอาการปวดและกดเจ็บที่รุนแรง
  • ผู้ป่วยควรได้รับคำแนะนำว่าการรักษานี้ไม่ได้ไร้อันตราย อาการระดับฮอร์โมนผันแปรและอาการกำเริบนั้นพบได้มากหลังจากหยุดการรักษา
  • ยานี้มักจะมีประสิทธิภาพในการลดอาการของโรคก้อนในเต้านมชนิดไฟโบรซิสติค (เช่น เป็นก้อนๆ [nodularity] อาการปวด หรือกดเจ็บ) อาการปวดและกดเจ็บนั้นมักจะได้รับการกำจัดไปภายใน 2 ถึง 3 เดือน และก้อนในเต้านมนั้นมักจะได้รับการกำจัดไปหลังจากรักษาอย่างต่อเนื่อง 4 ถึง 6 เดือน
  • ประมาณ 50% ของผู้ป่วยจะมีอาการกำเริบภายใน 1 ปี อาจเริ่มการรักษาอีกครั้งกับผู้ป่วยในกลุ่มนี้หากจำเป็น

การใช้งาน

เพื่อรักษาโรคก้อนในเต้านมชนิดไฟโบรซิสติคแบบมีอาการโดยการกดการทำงานของรังไข่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคแองจิโออีดีมา

ขนาดยาเริ่มต้น 200มก. รับประทานวันละ 2 ถึง 3 ครั้ง

  • หลังจากมีการตอบสนองที่ดี ขนาดยาต่อไปนั้นควรกำหนดโดยการลดขนาดยาลง 50% หรือน้อยกว่านั้น โดยเว้นช่วงระยะ 1 ถึง 3 เดือน (หรือนานกว่านั้น)
  • หากเกิดอาการกำเริบ อาจเพิ่มขนาดยาต่อวันไป 200 มก.

คำแนะนำ

ผู้ป่วยควรได้รับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดในช่วงของการปรับขนาดยา โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีความเกี่ยวพันกับทางเดินหายใจ

การใช้งาน

เพื่อป้องกันโรคแองจิโออีดีมาทุกชนิด (เช่นทางผิวหนัง ช่องท้อง หรือกล่องเสียง) ในผู้ป่วยทั้งเพศชายและหญิง

การปรับขนาดยาสำหรับผู้ป่วยโรคไต

  • ไตวาย ไม่มีข้อมูล
  • ไตวายอย่างเห็นได้ชัด ห้ามใช้ยา

การปรับขนาดยาสำหรับผู้ป่วยโรคตับ

  • ตับวาย ควรเฝ้าระวังบ่อยครั้ง
  • ตับวายอย่างเห็นได้ชัด ห้ามใช้ยา

คำแนะนำอื่นๆ

คำแนะนำการใช้ยา

  • ควรใช้การคุมกำเนิดแบบไม่ใช้ฮอร์โมนในช่วงระหว่างการรักษา
  • การเก็บรักษา
  • เก็บให้พ้นจากแสง

ทั่วไป

  • การตกไข่และประจำเดือนนั้นมักจะกลับมาภายใน 60 ถึง 90 วันหลังจากหยุดการรักษา
  • ยานี้สามารถใช้ร่วมกับการผ่าตัดหรือสำหรับผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยวิธีอื่น (เป็นการรักษาด้วยยาชนิดเดียว) สำหรับการรักษาภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่

การเฝ้าระวัง

  • เลือด ทำการตรวจเลือดเป็นระยะๆ
  • ตับ ทำการตรวจสมรรถภาพตับเป็นระยะๆ ทำการอัลตราซาวด์ตับ (สำหรับผู้ป่วยที่รับการรักษาเป็นรอบซ้ำๆ หรือเป็นเวลานาน)
  • ระบบทางเดินหายใจ ความเปลี่ยนแปลงของเสียง

คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย

  • ผู้ป่วย โดยเฉพาะนักร้องมืออาชีพ นั้นควรจะทราบว่าควรแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดความเปลี่ยนแปลงใดๆ ของเสียงระหว่างหรือหลังจากการรักษา
  • ผู้ป่วยควรจะใช้การคุมกำเนิดแบบไม่ใช้ฮอร์โมนในช่วงระหว่างการรักษา
  • ผู้ป่วยในวัยเจริญพันธุ์ควรจะรับทราบถึงโอกาสในการเกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์
  • ผู้ป่วยเพศหญิงควรจะหยุดการรักษาและติดต่อแพทย์ในทันทีหากตั้งครรภ์

ขนาดยาดานาซอลสำหรับเด็ก

ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้น จึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร

รูปแบบของยา

ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาแคปซูล

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์

ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา