backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ด็อกโซรูบิซิน (Doxorubicin)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ข้อบ่งใช้

ยา ด็อกโซรูบิซิน ใช้สำหรับ

ยา ด็อกโซรูบิซิน (Doxorubicin) มักใช้เป็นยาชนิดเดียวหรือใช้ร่วมกับยาหรือการรักษาอื่นเพื่อรักษาโรคมะเร็งชนิดต่างๆ ยา ด็อกโซรูบิซิน ทำงานโดยการชะลอหรือหยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

วิธีการใช้ยา ด็อกโซรูบิซิน

ฉีดยาเข้าสู่หลอดเลือดดำโดยผู้เชี่ยวชาญการดูแลสุขภาพ ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ ขนาดตัว และการตอบสนองต่อการรักษา หากยานี้สัมผัสถูกผิวหนังควรรีบล้างให้สะอาดด้วยสบู่และน้ำสะอาด หากยานี้เข้าดวงตาให้ล้างตาด้วยน้ำสะอาดจำนวนมากเป็นเวลานานกว่า 15 นาที รับการรักษาในทันที

ผู้ดูแลควรระมัดระวัง (เช่นสวมถุงมือ) เพื่อป้องกันการสัมผัสถูกปัสสาวะของผู้ป่วยหรือของเหลวอื่นๆ ในร่างกายเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วันหลังจากการรักษา โปรดปรึกษาเภสัชกร

ควรรับประทานน้ำเย็นให้มากระหว่างการรักษา นอกเสียจากแพทย์จะสั่งอย่างอื่น เนื่องจากจะช่วยให้ยาเคลื่อนที่ในร่างกายไปได้เร็วขึ้นและลดผลข้างเคียงบางประการได้

การเก็บรักษายา ด็อกโซรูบิซิน

สำหรับขวดยาสำหรับใช้ครั้งเดียว: เก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิระหว่าง 2° ถึง 8° เซลเซียส (36° ถึง 46° ฟาเรนไฮน์)

เก็บให้พ้นจากแสง เก็บไว้ในกล่องจนกว่าจะพร้อมใช้งาน กำจัดยาส่วนที่ไม่ได้ใช้

สำหรับขวดยาสำหรับใช้หลายครั้ง: เก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิระหว่าง 2° ถึง 8° เซลเซียส (36° ถึง 46° ฟาเรนไฮน์)

เก็บให้พ้นจากแสง เก็บไว้ในกล่องจนกว่าจะใช้งาน

การเก็บยาด็อกโซรูบิซินไฮโดรคลอไรด์สำหรับฉีด (Doxorubicin hydrochloride USP) ไว้ในตู้เย็นอาจทำให้ยาจับตัวเหนียวได้ วางยาที่จับตัวเหนียวแล้วไว้ที่อุณหภูมิห้อง [15º ถึง 30º องศาเซียลเซียส (59º ถึง 86ºองศาฟาเรนไฮน์)] เป็นเวลา 2 ถึง 4 ชั่วโมง ก่อนที่ยาจะกลับไปเป็นสารละลายที่มีลักษณะค่อนข้างเหนียวและไหลไปมาได้

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา

ก่อนใช้ยาด็อกโซรูบิซิน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือแพ้ต่อลินโคมัยซิน (lincomycin) หรือหากคุณมีอาการแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่นๆ ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะ: อาการติดเชื้อที่เป็นอยู่ จำนวนเม็ดเลือดต่ำ เช่นภาวะโลหิตจาง (anemia) ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ (neutropenia) หรือภาวะเกล็ดเลือดต่ำ (Thrombocytopenia) โรคเกาต์ (gout) ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เช่นอาการหัวใจขาดเลือดเฉียบพลันที่พึ่งเป็นไม่นานมานี้ หัวใจล้มเหลว หรืออัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ เคยใช้ยาประเภทแอนทราไซคลีน (anthracycline-type) เช่นยาด็อกโซรูบิซิน ไอดารูไบซิน (idarubicin) ดายูโนรูไบซิน (daunorubicin) หรือมิโทแซนโทรน (mitoxantrone) ปัญหาเกี่ยวกับไต โรคตับ เยื่อบุช่องปากอักเสบ (Stomatitis) การฉายรังสีบำบัด (โดยเฉพาะที่บริเวณหน้าอก)

อย่าสร้างภูมิคุ้มกันหรือรับวัคซีนโดยไม่ปรึกษากับแพทย์ หลีกเลี่ยงการติดต่อกับผู้ที่พึ่งรับวัคซีนโรคโปลิโอแบบรับประทาน (polio)

เพื่อลดโอกาสในการเกิดรอยบาด รอยช้ำ หรือการบาดเจ็บ ควรใช้ของมีคมด้วยความระมัดระวัง เช่นมีดโกนและกรรไกรตัดเล็บ และหลีกเลี่ยงกิจกรรมเช่นกีฬาปะทะ ควรใช้แปรงสีฟันที่ขนอ่อนนุ่มเพื่อลดควาามเสี่ยงในการมีเลือดไหลที่เหงือก

ควรล้างมือเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของการติดเชื้อ

ควรระมัดระวังเมื่อใช้ยานี้ในเด็กเนื่องจากเด็กอาจมีปฏิกิริยาไวต่อผลของยาได้มากกว่า โดยเฉพาะอาการเรดิเอชั่น รีคอล (radiation recall) ที่ปอด ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหัวใจ หรือโรคมะเร็งอื่นๆ การใช้ยาด็อกโซรูบิซินร่วมกับการทำเคมีบำบัดอื่นๆ ยังอาจชะลอการเจริญเติบโตของเด็กก่อนวัยหนุ่มสาว

ยานี้อาจลดจำนวนของอสุจิหรืออาจทำให้เกิดอสุจิที่ผิดปกติได้ และส่งผลให้เป็นหมันหรือเกิดความพิการแต่กำเนิด โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ยานี้สามารถส่งผลกระทบต่อการมีประจำเดือนของผู้หญิงและทำให้เกิดอาการหมดประจำเดือนก่อนวัยอันควร โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ขณะตั้งครรภ์เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์ได้ ทั้งผู้หญิงและผู้ชายควรใช้การคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้ (เช่นถุงยางอนามัยและยาเม็ดคุมกำเนิด) ขณะที่กำลังใช้ยานี้และเป็นเวลา 6 เดือนหลังจากหยุดใช้ยานี้ โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและปรึกษาเกี่ยวกับรูปแบบการคุมกำเนิดที่เชื่อถือได้

ยานี้สามารถเข้าสู่น้ำนมแม่ เนื่องจากโอกาสในการเกิดอันตรายต่อเด็กทารกจึงไม่แนะนำให้ให้นมบุตรระหว่างที่กำลังใช้ยานี้ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา

ยาด็อกโซรูบิซินจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด D โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= ค่อนข้างมีความเสี่ยง
  • X= ยาต้องห้าม
  • N= ไม่มีข้อมูลเพียงพอ
  • ผลข้างเคียง

    ผลข้างเคียงของการใช้ยา

    อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง และเบื่ออาหาร อาการคลื่นไส้อาเจียนนั้นอาจรุนแรงได้ ในบางกรณีอาจต้องใช้ยาเพื่อป้องกันหรือบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน การไม่รับประทานอาหารก่อนใช้ยาก็อาจช่วงบรรเทาอาการอาเจียนได้ การเปลี่ยนอาหารที่รับประทานและไลฟ์สไตล์ เช่นรับประทานอาหารมื้อเล็กๆ หลายมื้อและจำกัดการทำกิจกรรมต่างๆ อาจช่วยลดอาการเหล่านี้ได้ หากอาการเหล่านี้ยังคงเป็นอยู่หรือมีอาการรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกร

    ยาด็อกโซรูบิซินอาจทำให้ปัสสาวะ น้ำตา และเหงื่อเป็นสีแดง ผลนี้อาจจะเริ่มตั้งแต่ชั่วโมงแรกหลังการรักษาและอาจอยู่นานถึงหลายวัน อาการนี้เป็นผลที่ปกติของการใช้ยาและไม่ควรสับสนกับอาการปัสสาวะเป็นเลือด

    อาจมีอาการผมร่วงชั่วคราว ผมจะกลับมาโตตามปกติหลังจากเสร็จสิ้นการรักษา

    ในนานๆ ครั้งอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เล็บได้ (รวมถึงการติดเชื้อราที่เนื้อใต้เล็บ)

    โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ

    แจ้งให้แพทย์ในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้: ไอหรือเสียงแหบ ท้องร่วงบ่อยครั้ง มีรอยแดงหรือหน้าแดง ดวงตาเป็นสีแดงหรือคัน เหนื่อยล้าผิดปกติ ปวดข้อต่อ มีอาการปวดที่หลังส่วนล่าง ด้านข้าง กระเพาะอาหาร หรือท้อง มีอาการปวดขณะปัสสาวะหรือปัสสาวะติดขัด ประจำเดือนขาดหรือหยุดมา อุจจาระสีดำคล้ายยางมะตอย มีมูกเลือดหรือสารคัดหลั่งในอุจจาระ หัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติ หายใจไม่อิ่ม วิงเวียน มีอาการบวมที่ข้อเท้าหรือเท้า ปัสสาวะลดลง

    อาจเกิดแผลที่บริเวณริมฝีปาก ปาก และลำคอ เพื่อลดความเสี่ยงนี้ควรจำกัดปริมาณอาหารและเครื่องดื่มที่ร้อน แปรงฟันด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงน้ำยาบ้วนปากที่มีแอลกอฮอล์ และบ้วนปากด้วยน้ำเย็นเป็นประจำ

    รับการรักษาในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงมาก เช่น: เจ็บหน้าอก

    ภายในเวลาไม่กี่วันจนถึงสัปดาห์หลังจากใช้ยาด็อกโซรูบิซิน อาจเกิดอาการที่ผิวหนังที่ดูคล้ายกับอาการแดดเผาอย่างรุนแรง (อาการเรดิเอชั่น รีคอล) ขึ้นที่ผิวหนังโดยรอบบริเวณที่ทำการฉายรังสี นอกจากนี้ยาด็อกโซรูบิซินยังอาจทำให้คุณมีปฏิกิริยาไวต่อแสงอาทิตย์ได้ ควรจำกัดเวลาในการอยู่ใต้แดด หลีกเลี่ยงบูธอาบแดดและโคมไฟแสงอาทิตย์ ควรทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้าป้องกันเมื่ออยู่นอกบ้าน แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณเกิดรอยแดง อาการปวด กดเจ็บ บวม แผลพุพอง แผลเปื่อย หรือหากคุณมีอาการแดดเผาที่ผิวหนัง แพทย์อาจจะสั่งยาเพื่อช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้เร็วขึ้นและลดอาการบวม

    สำหรับเด็ก อาการเรดิเอชั่น รีคอลนั้นอาจเกิดขึ้นที่ปอดได้ แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณสังเกตเห็นอาการหายใจมีเสียงหวีดหรืออาการหายใจติดขัดในเด็ก

    การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด

    ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

    ปฏิกิริยาของยา

    ปฏิกิริยากับยาอื่น

    ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่: ไดจอกซิน (digoxin) โปรเจสเตอโรน (progesterone) สเตปโทโซซิน (streptozocin) สตาวูดีน (Stavudine) ทราสทูซูแมบ (Trastuzumab) ซิโดวูดีน (zidovudine)

    ยาอื่นอาจส่งผลต่อการกำจัดยาด็อกโซรูบิซินออกจากร่างกายและส่ผลกระทบต่อการทำงานของยาด็อกโซรูบิซินได้ เช่นยาต้านเชื้อรากลุ่มเอโซล (azole antifungals) อย่างคีโตโคนาโซล (ketoconazole) ยาในกลุ่มแคลเซียมชาแนลบล็อกเกอร์ (calcium channel blockers) อย่างเวราพามิล (verapamil) หรือไนเฟดีพีน (nifedipine) ยาไรฟามัยซิน (rifamycins) อย่างไรฟาบูติน (rifabutin) สมุนไพรเซนต์จอห์น (St. John’s wort) ยารักษาอาการชัก เช่นคาร์บาเมเซพีน (carbamazepine) เฟนนีโทอิน (phenytoin) ฟีโนบาร์บิทัล (phenobarbital) ไพรมิโดน (primidone) และอื่นๆ

    หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีขมิ้น (turmeric) หรือสารเคอร์คูมิน (curcumin) ขณะที่กำลังใช้ยานี้เพราะอาจลดประสิทธิภาพของยาด็อกโซรูบิซินได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

    ยาด็อกโซรูบิซินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

    ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

    ยาด็อกโซรูบิซินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

    ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

    ยาด็อกโซรูบิซินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

    ขนาดยา

    ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

    ขนาดยาด็อกโซรูบิซินสำหรับผู้ใหญ่

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งเต้านม

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ให้ยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งนิวโรบลาสโตมา (Neuroblastoma)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคฮอดจ์กิน (Hodgkin’s disease)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งรังไข่ (Ovarian cancer)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรควิมส์ทูเมอร์ (Wilms’ tumor)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร (Stomach Cancer)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันชนิดลิมฟอยด์ (Acute Lymphoblastic Leukemia)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งกระดูก (Osteosarcoma)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ (Bladder Cancer)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันแบบไมอีลอยด์ (Acute Myeloblastic Leukemia)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid Cancer)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งปอด (Bronchogenic Carcinoma)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งเนื้อเยื่ออ่อน (Soft Tissue Sarcoma)

    เมื่อใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆ โดยส่วนใหญ่มักใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาด 40 ถึง 60 มก./ตารางเมตร ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 ถึง 28 วัน อีกทางเลือกหนึ่งคือ 60 ถึง 75 มก./ตารางเมตร ดยาเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 21 วัน แนะนำให้ใช้ยาในขนาดที่ต่ำที่สุดสำหรับผู้ป่วยที่มีปริมาณไขกระดูกไม่เพียงพอเนื่องจากสูงอายุ จากการรักษาครั้งก่อน หรือโรคมะเร็งไขกระดูกแบบลุกลาม (neoplastic marrow infiltration)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคมะเร็งไขกระดูกมัลติเพิลมัยอิโลมา (Multiple Myeloma)

    (ใช้ร่วมกับยาเคมีบำบัดอื่นๆเป็นส่วนหนึ่งในสูตรยาวีเอดี [VAD regimen])

    9 มก./ตารางเมตร/วัน หยอดยาเข้าหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่องในวันที่ 1 ถึง วันที่ 4

    การปรับขนาดยาสำหรับตับ

    หากผู้ป่วยมีระดับของบิลิรูบิน (Bilirubin) อยู่ระหว่าง 1.2 และ 3 มก./เดซิลิตร ควรลดขนาดยาลงมา 50% หากผู้ป่วยมีระดับของบิลิรูบินอยู่ระหว่าง 3.1 และ 5.0 มก./เดซิลิตรควรลดขนาดยาลงมา 75%.

    เนื่องจากอาการตับบกพร่องอย่างมีนัยสำคัญสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดความเป็นพิษของยาด็อกโซรูบิซิน ควรมีการประเมินสมรรถภาพของตับก่อนเริ่มการรักษา ผู้เชี่ยวชาญบางคนอาจพิจารณาห้ามใช้ยาด็อกโซรูบิซินหากผู้ป่วยมีระดับความเข้มข้นของบิลิรูบินโดยรวมเท่ากับหรือน้อยกว่า 5.0 มก./เดซิลิตร

    การปรับขนาดยา

    ขนาดยาด็อกโซรูบิซินอาจขึ้นอยู่กับว่ามีการให้ยาที่เป็นพิษต่อเซลล์อื่นๆ หรือไม่ แนะนำให้อ้างอิงถึงโปรโตคอลที่เฉพาะเจาะจง

    ข้อควรระวัง

    ความเป็นพิษต่อหัวใจที่รุนแรงไม่สามารถรักษาได้ที่นำไปสู่อาการหัวใจล้มเหลวและมักจะไม่ตอบสนองต่อการรักษาช่วยชีวิตอาจเกิดขึ้นหากใช้ยาด็อกโซรูบิซินในขนาดโดยรวมที่ใกล้เคียงกับ 450 มก/ตารางเมตร ควรพิจารณาทั้งขนาดยาของยาด็อกโซรูบิซินไลโปโซมาล (doxorubicin liposomal) และยาด็อกโซรูบิซินแบบดั้งเดิมเมื่อทำการคำนวณขนาดยา

    ความเป็นพิษต่อหัวใจยังอาจเกิดขึ้นจากขนาดยาที่ต่ำกว่าที่คำนวณในผู้ป่วยที่เคยผ่านการฉายรังสีที่ช่องอก มีโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว หรือผู้ที่เคยใช้ยาไซโคลฟอสฟาไมด์ (cyclophosphamide) ดอโนรูบิซิน (daunorubicin) ไอดารูไบซิน (idarubicin) หรือไมโตแซนโทรน (mitoxantrone) ความเป็นพิษต่อหัวใจอาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษาหรือหลายเดือนจนถึงเป็นปีหลังจากเสร็จสิ้นการรักษา

    แนะนำให้เฝ้าระวังจำนวนเซลล์เม็ดเลือด การทำงานของหัวใจ ระดับเซรั่มอิเล็คโทรไลท์ (serum electrolytes) และปฏิกิริยาไวต่อการติดเชื้อ (susceptibility to infection) อย่างใกล้ชิด

    คำแนะนำอื่นๆ

    แนะนำให้เฝ้าระวังจำนวนเซลล์เม็ดเลือด การทำงานของหัวใจ ระดับเซรั่มอิเล็คโทรไลท์ (serum electrolytes) และปฏิกิริยาไวต่อการติดเชื้อ (susceptibility to infection) อย่างใกล้ชิด

    การชะลอหรือดำเนินการหยอดยาอย่างต่อเนื่องนานกว่าหลายชั่วโมงจนถึงหลายวันนั้นมีความเกี่ยวข้องกับการเป็นพิษต่อหัวใจที่น้อยกว่าการฉีดยาเข้าทันที

    ขนาดยาด็อกโซรูบิซินสำหรับเด็ก

    ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคมะเร็งก้อนเนื้อร้าย (Malignant Disease)

    35 ถึง 75 มก./ตารางเมตร เป็นยาครั้งเดียว ให้ยาซ้ำทุกๆ 21 วัน หรือ 20 ถึง 30 มก./ตารางเมตร สัปดาห์ละครั้ง หรือ 60 ถึง 90 มก./ตารางเมตร หยอดยาอย่างต่อเนื่องนานกว่า 96 ชั่วโมง ทุกๆ 3 ถึง 4 สัปดาห์

    รูปแบบของยา

    ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้:

    • สรรละลายสำหรับฉีดเข้าหลอดเลือดดำ

    กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

    หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

    กรณีลืมใช้ยา

    หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ

    ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา