backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

เพนิซิลลิน จี (Penicillin G)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 09/11/2022

เพนิซิลลิน จี (Penicillin G) เป็นยาที่ใช้เพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ และยังใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่หัวใจ หรือเยื่อบุหัวใจอักเสบ (Bacterial endocarditis) ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจบางชนิด และกำลังผ่าตัด ยาตัวนี้เป็นทำงานโดยการยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย

ข้อบ่งใช้ เพนิซิลลิน จี

เพนิซิลลิน จี ใช้สำหรับ

เพนิซิลลิน จี (Penicillin G) เป็นยาที่ใช้เพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ และยังใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่หัวใจ หรือเยื่อบุหัวใจอักเสบ (Bacterial endocarditis) ในผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจบางชนิด และกำลังผ่าตัด ยาตัวนี้เป็นทำงานโดยการยับยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย

วิธีการใช้ยา เพนิซิลลิน จี

ขึ้นอยู่กับแต่ละผลิตภัณฑ์ ยานี้ใช้ฉีดเข้าหลอดเลือดหรือกล้ามเนื้อ ใช้ตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด ขนาดยาขึ้นอยู่กับอาการของคุณ และการตอบสนองต่อการรักษา สำหรับเด็ก ขนาดยาจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว

หากคุณใช้ยานี้ที่บ้าน ควรเรียนรู้วิธีการเตรียมตัวและวิธีการใช้จากผู้ดูแลสุขภาพ ก่อนใช้ยาควรตรวจสอบยาว่า มีฝุ่นละอองที่เห็นได้ด้วยตาหรือเปลี่ยนสีหรือไม่ หากมีก็อย่าใช้ยานั้น เรียนรู้วิธีการเก็บรักษาและกำจัดเวชภัณฑ์นี้ให้ถูกวิธี

ให้ยาอะมิโนไกลโคไซด์ (Aminoglycoside) เช่น เจนตามัยซิน (gentamicin) แยกจากยาตัวนี้ อย่าผสมยาลงในสารน้ำที่ฉีดเข้าหลอดเลือดเดียวกัน

ยาปฏิชีวนะจะทำงานได้ดีที่สุด หากระดับของยาในร่างกายให้คงที่ ดังนั้น จึงควรเว้นช่วงเวลาในการให้ยานี้ให้เท่าๆ กัน

ใช้ยานี้อย่างต่อเนื่องจนครบกำหนด แม้ว่าอาการจะหายไปหลังจากเริ่มใช้ยาไม่กี่วัน การหยุดยาเร็วเกินไปจะทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตต่อไปและอาจทำให้การติดเชื้อกำเริบ

แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง

การเก็บรักษายา เพนิซิลลิน จี

ยาเพนิซิลลิน จี จะเก็บรักษาได้ดีที่สุดในอุณหภูมิห้อง ห่างไกลจากแสงแดดและความชื้น เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของตัวยา คุณไม่ควรเก็บยาไรซาทริปแทนในห้องน้ำหรือห้องแช่แข็ง อาจมียาเพนนิซิลลิน จี หลายยี่ห้อ ที่ต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญเสมอในการตรวจสอบบรรจุภัณฑ์ของยา สำหรับคำแนะนำในการเก็บรักษา หรือสอบถามเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย คุณควรเก็บยาให้ห่างจากเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้งยาเพนิซิลลิน จี ลงในชักโครก หรือท่อระบายน้ำ นอกจากว่าจะได้รับคำแนะนำเช่นนั้น เป็นเรื่องสำคัญในการทิ้งยาให้เหมาะสม เมื่อยาหมดอายุหรือไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ปรึกษากับเภสัชกรของคุณสำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม เกี่ยวกับการทิ้งยาของคุณอย่างไรให้ปลอดภัย

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา เพนิซิลลิน จี

ก่อนใช้ยาเพนิซิลลิน จี

  • แจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ยาเพนิซิลลิน ยาเซฟาโลสปอริน (cephalosporins) เช่น ยาเซเฟคลอร์ (cefaclor) อย่างเซคลอร์ (Ceclor) ยาเซฟาดรอกซิล (cefadroxil) อย่างดูริเซฟ (Duricef) หรือยาเซฟาเลกซิน (cephalexin) อย่างเคเฟลกซ์ (Keflex) หรือยาอื่นๆ
  • แจ้งแพทย์และเภสัชกรเกี่ยวกับยาตามใบสั่งยา และยาที่หาซื้อได้เองที่คุณกำลังใช้อยู่ โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะตัวอื่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) เช่น ยาวาฟาริน (warfarin) อย่างคูมาดิน (Coumadin) แอสไพริน หรือยาบรรเทาอาการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ยานาพรอกเซน (naproxen) อย่างอะนาพรอกซ์ (Anaprox) หรือยาไอบูโพรเฟน อย่างมอทริน (Motrin) ยาอะทีโนลอล (atenolol) อย่างเทนอร์มิน (Tenormin) ยาขับปัสสาวะ (diuretics) หรือยาขับน้ำ ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาโพรเบเนซิด (probenecid) อย่างเบเนมิด (Benemid) และวิตามิน
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณเป็นโรคไตหรือโรคตับ ภูมิแพ้ หอบหืด โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ (colitis) มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะ หรือมีไข้
  • แจ้งแพทย์หากคุณกำลังตั้งครรภ์ วางแผนที่จะตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร หากคุณตั้งครรภ์ขณะใช้ยานี้ควรแจ้งแพทย์ในทันที
  • หากคุณเป็นโรคเบาหวาน และตรวจวัดระดับของน้ำตาลในปัสสาวะเป็นประจำ ให้ใช้คลินิสติค (Clinistix) หรือเทสต้า (TesTa) อย่าใช้ยาเม็ดคลินิเทสต์ (Clinitest) เนื่องจากยาเพนิซิลลินอาจทำให้ผลบวกเป็นเท็จได้

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

  • การตั้งครรภ์ งานวิจัยในสัตว์ได้เผยว่า ไม่มีหลักฐานว่าเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีงานวิจัยที่เพียงพอในผู้หญิงตั้งครรภ์ หรืองานวิจัยในสัตว์ ที่แสดงให้เห็นผลร้าย แต่ไม่มีผลการศึกษาที่เพียงพอในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์
  • ให้นมบุตร: ยาเพนิซิลลิน จี ขนาดน้อยมากจะส่งผ่านน้ำนมแม่ ความเข้มข้นในนมสูงสุดจะเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 1 ชั่วโมงหลังฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ และสูงขึ้น หากฉีดยาหลายครั้ง ผู้ผลิตได้แนะนำให้ใช้ยานี้ด้วยความระมัดระวังกับสตรีที่ให้นมบุตร ผลกระทบที่ไม่เกี่ยวข้องกับขนาดยาสามารถเปลี่ยนแปลงเชื้อจุลชีพที่อยู่ในลำไส้ และความรู้สึกไวต่ออาการแพ้

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของยา เพนิซิลลิน จี

อาจมีอาการปวด/ รอยแดง/ อาการบวม เกิดขึ้นตรงบริเวณที่ฉีดยา หากผลข้างเคียงเหล่านี้ยังมีอยู่หรือทรุดลง แจ้งแพทย์หรือเภสัชกรของคุณทันที

จำไว้ว่า แพทย์ของคุณจ่ายยาตัวนี้ให้คุณ เพราะแพทย์พิจารณาแล้วว่าคุณจะได้รับประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียง หลายคนที่ใช้ยาตัวนี้ไม่มีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ

  • แจ้งแพทย์ของคุณทันที หากคุณมีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ ก็ตาม ได้แก่ ปวดข้อต่อ/กล้ามเนื้อ กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการบวมที่ฝ่าเท้า/ข้อเท้า ปัสสาวะสีเข้ม/สีขุ่น อ่อนล้าอย่างรุนแรง ชีพจรหัวใจเต้นเร็ว/ช้า/ผิดปกติ สัญญาณของอาการติดเชื้อ อย่างเช่น มีไข้ เจ็บคอเรื้อรัง เกิดรอยฟกช้ำ/เลือดออก ได้ง่าย การเปลี่ยนแปลงของปริมาณปัสสาวะ ไร้ความรู้สึก/เจ็บแปล๊บที่แขน/ขา อาการชัก ควบคุมการเคลื่อนไหวไม่ได้ อาการสับสน
  • หากคุณใช้รักษาโรคซิฟิลิสหรืออาการติดเชื้อในกลุ่มสไปรอเคทอลอื่นๆ (spirochetal) เช่น โรคไลม์ ยาตัวนี้อาจทำให้เกิดอาการที่เรียกว่าปฏิกริยาจาริช-เฮิกซัยเมอร์ (Jarisch-Herxheimer reaction) ซึ่งจะมีอาการไข้ปวดศีรษะหรือปวดกล้ามเนื้อ อาการนี้อาจเกิดขึ้น 1 ถึง 2 ชั่วโมง หลังจากที่คุณได้รับยา และสามารถอยู่ได้นานสุดถึง 24 ชั่วโมง แจ้งแพทย์ของคุณทันที หากคุณประสบกับอาการเหล่านี้ ได้แก่ มีไข้/หนาวสั่น ปวดกล้ามเนื้อ อาการทางผิวหนังที่ทรุดลง หัวใจเต้นแรง หายใจเร็ว เวียนหัว ตัวร้อน
  • ยาตัวนี้อาจก่อให้เกิดอาการทางลำไส้ขั้นรุนแรง (Clostridium difficile-associated diarrhea) เนื่องจากแบคทีเรียที่ดื้อยาบางประเภท อาการนี้อาจเกิดขึ้นระหว่างการรักษา หรือหลายสัปดาห์จนถึงหลายเดือน หลังหยุดการรักษา อย่าใช้ยาแก้ท้องร่วง หรือยาแก้ปวดนาร์โคติค หากคุณมีอาการใดๆ ก็ตามเหล่านี้ เนื่องจากยาเหล่านี้อาจทำให้อาการทรุดลง แจ้งแพทย์ของคุณทันที หากคุณมีอาการ ได้แก่ ท้องเสียอย่างต่อเนื่อง เจ็บ/ตะคริวที่ช่องท้องหรือกระเพาะ เลือด/เสมหะในอุจจาระ
  • การใช้ยาตัวนี้เป็นเวลานานหรือซ้ำๆ อาจส่งผลให้เกิดการติดเชื้อราช่องปาก หรือเชื้อยีสต์ตัวใหม่ ติดต่อหมอของคุณ หากคุณสังเกตแผ่นขาวเกิดขึ้นในปาก การเปลี่ยนแปลงของสารคัดหลั่งจากช่องคลอด หรืออาการอื่นๆ

ปฏิกิริยาภูมิแพ้ขั้นรุนแรงของยาตัวนี้เป็นเรื่องที่พบได้ยาก อย่างไรก็ตาม เข้ารับความช่วยเหลือทางการแพทย์ทันที หากคุณสังเกตถึงอาการปฏิกิริยาภูมิแพ้ใดๆ ก็ตาม ได้แก่ ผื่น อาการคัน/บวม (โดยเฉพาะที่ หน้า/ลิ้น/คอ) เวียนหัวขั้นรุนแรง ปัญหาในการหายใจ

นี่ไม่ใช่รายชื่อทั้งหมดของผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ หากคุณสังเกตเห็นผลข้างเคียงอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่กล่าวไปข้างต้น ติดต่อแพทย์หรือเภสัชกรของคุณ

  • ยาเพนิซิลลิน เป็นสารที่มีความเป็นพิษต่ำแต่มีดัชนีความไวสูง มีรายงานว่ามีอาการแพ้ ดังต่อไปนี้คือ ผื่นผิวหนังที่มีตั้งแต่ผื่นแดงนูนจนถึงผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ลมพิษ และอาการที่เหมือนอาการแพ้ซีรั่มแก้พิษ ได้แก่ หนาวสั่น มีไข้ บวมน้ำ ปวดข้อ และหมดแรง อาจเกิดการแพ้ชนิดรุนแรงที่รุนแรง และในบางครั้งอาจถึงแก่ชีวิตได้ (ดูหัวข้อ คำเตือน)
  • โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก (Hemolytic anemia) เม็ดเลือดขาวต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ โรคไต และโรคเส้นประสาท เป็นอาการไม่พึงประสงค์ซึ่งหาได้ยาก และมักจะเกี่ยวข้องกับการฉีดยาในขนาดสูง ผู้ที่ฉีดยาเพนซิลเพนิซิลลิน โพแทสเซียม ในขนาดสูงอย่างต่อเนื่อง (10 ล้านถึง 100 ล้านหน่วยต่อวัน) อาจมีอาการรุนโพแทสเซียมเป็นพิษที่รุนแรงหรือถึงตาย โดยเฉพาะหากมีภาวะไตวาย อาการตอบสนองไว อาการชัก และอาการโคม่า อาจเป็นตัวบ่งชี้ของโรคนี้
  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ และหัวใจหยุดเต้น อาจเกิดได้เช่นกัน (ยาเพนิซิลลิน จี โซเดียมขนาดสูงอาจส่งผลให้หัวใจวายเนื่องจากบริโภคโซเดียมสูงเกินไป)

มีการรายงานพบปฏิกริยาจาริช-เฮิกซัยเมอร์ ในผู้ป่วยที่รักษาโรคซิฟิลิส

ไม่ใช่ทุกคนจะพบผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจมีผลข้างเคียงบางอาการที่ไม่มีอยู่ด้านบน หากคุณมีความกังวลใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับหมอหรือเภสัชกรของคุณ

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาเพนิซิลลิน จี อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

แม้ยาบางตัวนั้นไม่แนะนำให้ใช้ร่วมกัน แต่อาจมีบางกรณีที่ต้องใช้ยาทั้งสองร่วมกัน แม้ว่าอาจจะมีปฏิกิริยาก็ตาม ในกรณีนี้แพทย์อาจจะเปลี่ยนขนาดยาหรือให้ข้อควรระมัดระวังอื่นๆ หากคุณใช้ยาเหล่านี้ ควรจะแจ้งให้ผู้ดูแลสุขภาพทราบ หากคุณใช้ยาในรายชื่อด้านล่างนี้ ปฏิกิริยาที่ตามมา ขึ้นอยู่กับความสำคัญของประสิทธิภาพ และไม่จำเป็นต้องรวมทุกอย่าง

ไม่แนะนำให้ใช้ยาตัวนี้ร่วมกับยาดังต่อไปนี้ แต่อาจจำเป็นต้องใช้ร่วมกันในบางกรณี หากมียาที่ถูกจ่ายพร้อมกับยาตัวนี้ หมอของคุณอาจเปลี่ยนตัวยา หรือจำนวนครั้งของการใช้ยาตัวใดตัวหนึ่ง หรือตัวยาทั้งสองชนิด

  • อะคริวาสทีน (Acrivastine)
  • อะริพิพราโซล (Aripiprazole)
  • อะซิทินิบ (Axitinib)
  • โบซูทินิบ (Bosutinib)
  • บูโพรพิออน (Bupropion)
  • คลอร์เตตราไซคลีน (Chlortetracycline)
  • คลาริโทรมัยซิน (Clarithromycin)
  • โคลซาปีน (Clozapine)
  • โคบิซิสแตท (Cobicistat)
  • ไซโคลสปอริน (Cyclosporine)
  • ดาคลาทาสเวียร์ (Daclatasvir)
  • เดเมโคลไซคลีน (Demeclocycline)
  • ด็อกโซรูบิซิน (Doxorubicin )
  • ด็อกโซรูบิซินไฮโดรคลอไรลิโพโซม (Doxorubicin Hydrochloride Liposome)
  • ด็อกซีไซคลิน (Doxycycline)
  • เอลิกลูสแตท (Eliglustat)
  • เออวิทิกราเวียร์ (Elvitegravir)
  • ยาเอนซาลูตาไมด์ (Enzalutamide)
  • ไฮโดรโคโดน (Hydrocodone)
  • ไอวาบราดีน (Ivabradine)
  • ไลมีไซคลีน (Lymecycline)
  • เมโคลไซคลีน (Meclocycline)
  • เมทาไซคลีน (Methacycline)
  • เมโธเทรกเซท (Methotrexate)
  • มิโนไซคลีน (Minocycline)
  • ไนเฟดิปีน (Nifedipine)
  • ออกซิเตตราไซคลีน (Oxytetracycline)
  • ไพเพอราควิน (Piperaquine)
  • โรลิเตตราไซคลีน (Rolitetracycline)
  • ไซมีพรีเวียร์ (Simeprevir)
  • เทริฟลูโนไมด์ (Teriflunomide)
  • เตตราไซคลีน (Tetracycline)
  • เวคิวโรเนียม (Vecuronium)
  • เวนลาฟาซีน (Venlafaxine)
  • สาฟาริน (Warfarin)
  • ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

    ยาเพนิซิลลิน จี อาจทำปฎิกิริยากับอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงรุนแรงอื่นๆ โปรดปรึกษากับหมอหรือเภสัชกรของคุณถึงปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ก่อนใช้ยาตัวนี้

    ปฏิกิริยากับอาการโรค

    ยาเพนิซิลลิน จี อาจทำปฎิกิริยากับอาการโรคของคุณ ปฏิกิริยานี้ อาจทำให้อาการโรคของคุณทรุดลง หรือเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะแจ้งแพทย์และเภสัชกรรู้ถึงอาการโรคที่คุณกำลังเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง

    • โรคภูมิแพ้ทั่วไป เช่น หอบหืด โรคผิวหนังอักเสบ (eczema) ไข้ละอองฟาง ผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ทั่วไปเหล่านี้อาจจะมีปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อยาเพนิซิลลิน
    • มีปัญหาเกี่ยวกับเลือดออก ผู้ป่วยที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลือดออกมักจะมีเลือดออกหลังจากที่ใช้คาร์เบนิซิลลิน (carbenicillin) พิเพอราซิลลิน (piperacillin) หรือไทคาร์ซิลลิน (ticarcillin)
    • ภาวะหัวใจล้มเหลว
    • ความดันโลหิตสูง ยาคาร์เบนิซิลลิน (carbenicillin) หรือไทคาร์ซิลลิน (ticarcillin) ขนาดสูง อาจทำให้อาการแย่ลง เพราะยานี้มีเกลือในปริมาณมาก
    • โรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic fibrosis) ผู้ป่วยโรคซิสติก ไฟโบรซิส อาจมีโอกาสเป็นไข้และผดผื่นที่ผิวหนังหากใช้ยาเพนิซิลลิน จี
    • โรคไตผู้ป่วยที่เป็นโรคไต อาจจะมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงมากขึ้น
    • โมโนนิวคลิโอสิส (Mononucleosis) ผู้ป่วยที่เป็นโมโนนิวคลิโอสิส มีโอกาสเพิ่มขึ้นที่จะเกิดผดผื่นที่ผิวหนังขณะใช้แอมพิซิลลิน (ampicillin) บาแคมพิซิลลิน (bacampicillin) หรือไพแวมพิซิลลิน (pivampicillin)
    • โรคฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria) ความแรงของยาอะม็อกซีซิลลิน (amoxicillin) แบบเคี้ยวที่ผสมแอสพาเทม (aspartame) บางชนิด ซึ่งถูกเปลี่ยนแปลงโดยร่างกาย กลายเป็นสารฟีนิลอะลานีน (phenylalanine) สารซึ่งเป็นอันตรายกับผู้ป่วยโรคฟีนิลคีโตนูเรีย
    • เป็นโรคกระเพาะหรือลำไส้ โดยเฉพาะโรคลำไส้อักเสบที่เกิดจากยาปฏิชีวนะ ผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้อาจจะมีโอกาสเป็นโรคลำไส้อักเสบหากใช้ยาเพนิซิลลิน

    ขนาดยา

    ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ใดๆ ทุกครั้งควรปรึกษาหมอของคุณเพื่อรับทราบข้อมูลเพื่อเติมก่อนใช้ยาตัวนี้

    ขนาดยาเพนิซิลลิน จีสำหรับผู้ใหญ่

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคแอคติโนมัยโคสิส (Actinomycosis)

    • ปากมดลูก: เพนิซิลลิน จี ละลายน้ำ ฉีด IV 1 ถึง 6 ล้านหน่วยต่อวัน
    • ทรวงอกและหน้าท้อง: เพนิซิลลินจีละลายน้ำ ฉีด IV 10 ถึง 20 ล้านหน่วยต่อวัน
    • ระยะเวลา: 4 ถึง 6 สัปดาห์ ตามด้วยการรับประทานยานาน 6 ถึง 12 เดือน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อแบซิลลัส แอนทราซิส (Bacillus anthracis)

    • หากไม่มีความต้านทานต่อเพนิซิลลิน: เบนซาทีน เพนิซิลลินละลายน้ำ 4 ล้านหน่วย ฉีด IV ทุกๆ 4 ชั่วโมง ร่วมกับยาแก้อักเสบเพิ่มเติมที่มีฤทธิ์ต้านสิ่งมีชีวิตที่เป็นสาเหตุ 1 หรือ 2 ชนิด
    • ยาเพิ่มเติม ได้แก่ ยาไซโปรฟลอกซาซิน (ciprofloxacin) ด็อกซีไซคลิน (doxycycline) ไรแฟมพิน (rifampin) แวนโคมัยซิน (vancomycin) คลอแรมเฟนิคอล (chloramphenicol) ไอมิเพเนม (imipenem) คลินดามัยซิน (clindamycin) และแมคโครไลด์ (macrolides)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาเชื้อแบซิลลัส แอนทราซิสที่ผิวหนัง (Cutaneous Bacillus anthracis)

    • หากไม่มีความต้านทานต่อเพนิซิลลิน: เบนซาทีน เพนิซิลลินละลายน้ำ 4 ล้านหน่วย ฉีด IV ทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมง

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรค Aspiration Pneumonia

    • เพนิซิลลินจีละลายน้ำ 2 ถึง 3ล้านหน่วย ฉีด IV ทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมงร่วมกับ เมโทรนิดาโซล (metronidazole) 500 มก. ฉีด IV ทุกๆ 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 ถึง 14 วัน ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อคลอสไทรเดียม (Clostridial Infection)

    • บาดแผลโบทูลิซึม (Wound botulism): เพนิซิลลินจี ละลายน้ำ 3 ถึง 4 ล้านหน่วย ฉีด IV ทุกๆ 4 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 ถึง 14 วัน เพื่อปรับการเล็มแผล เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้น ใช้เพนิซิลลินวีโพแทสเซียม 250 ถึง 500 มก. รับประทานทุกๆ 6 ชั่วโมง

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อในลำคอ

    • เพนิซิลลินจี 2 ถึง 4 ล้านหน่วย ฉีดเข้าหลอดเลือด (IV) หรือกล้ามเนื้อ (IM) ทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 ถึง 3 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการติดเชื้อ
    • มีการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก เรื่องการเพิ่มยาเมโทรนิดาโซล ขณะที่ใช้ยาเพนิซิลลินขนาดสูง เพื่อรักษาการติดเชื้อบริเวณทั้งหมดของหลอดคอ เนื่องจากความถี่ที่เพิ่มขึ้นของแบคทีเรียแอนแอโรบิคที่ทนต่อเพนิซิลลิน การกำจัดส่วนที่บวมออกไปก็จำเป็นสำหรับการรักษาที่ประสบความสำเร็จ

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาคอตีบ (Diphtheria)

    • ใช้เป็นยาเสริมยาต้านพิษ เพื่อป้องกันพาหะนำโรค: ยาเพนิซิลลิน จี ละลายน้ำ 2 ถึง 3 ล้านหน่วยต่อวัน แบ่งฉีด IV ทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 10 ถึง 12 วัน

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาเยื่อบุหัวใจอักเสบ (Endocarditis)

    • ผู้ป่วยที่การทำงานของไตปกติ:
    • การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจเนื่องจากเชื้อสเตรปโตคอคคัสวิริเดนส์ และสเตรปโตคอคคัสโบวิส (S bovis) ความเข้มข้นของยาในระดับต่ำสุดต่ำกว่า 0.12 ไมโครกรัม/มล: เพนิซิลลินจีละลายน้ำ12 ถึง 18 ล้านหน่วย/วัน แบ่งฉีด IV 4 ถึง 6 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ อาจเพิ่มเจนตามัยซิน (Gentamicin) 3 มก./กก. ฉีด IV ทุกๆ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 สัปดาห์
    • การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ เนื่องจากเชื้อสเตรปโตคอคคัสวิริเดนส์ และสเตรปโตคอคคัสโบวิสที่ค่อนข้างทนทาน ความเข้มข้นของยาในระดับต่ำสุดมากกว่า 0.12 ไมโครกรัม/มล. และน้อยกว่า 0.5 ไมโครกรัม/มล: เพนิซิลลินจีละลายน้ำ 24 ล้าน หน่วย/วัน แบ่งฉีด IV 4 ถึง 6 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ อาจเพิ่มเจนตามัยซิน (Gentamicin) 3 มก./กก. ฉีด IV ทุกๆ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 สัปดาห์
    • การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจเทียม เนื่องจากเชื้อสเตรปโตคอคคัสวิริเดนส์และสเตรปโตคอคคัสโบวิส ที่ไม่มีความต้านทานต่อเพนิซิลลิน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.12 ไมโครกรัม/มล: เพนิซิลลินจีละลายน้ำ 24 ล้าน หน่วย/วัน แบ่งฉีด IV 4 ถึง 6 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ อาจเพิ่มเจนตามัยซิน (Gentamicin) 3 มก./กก. ฉีด IV ทุกๆ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 สัปดาห์
    • การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจเทียมเนื่องจากเชื้อสเตรปโตคอคคัสวิริเดนส์ และสเตรปโตคอคคัสโบวิสที่ค่อนข้างทนทาน ความเข้มข้นของยาในระดับต่ำสุดมากกว่า 0.12 ไมโครกรัม/มล: เพนิซิลลินจีละลายน้ำ 24 ล้าน หน่วย/วัน แบ่งฉีด IV 4 ถึง 6 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ เพิ่มเจนตามัยซิน (Gentamicin) 3 มก./กก. ฉีด IV ทุกๆ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 6 สัปดาห์
    • การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจหรือลิ้นหัวใจเทียมเนื่องจากเอ็นเทโรคอคัส (enterococci) อ่อนแอ: เพนิซิลลินจีละลายน้ำ 18 ถึง 30 ล้านหน่วย/วัน ฉีดต่อเนื่องหรือแบ่งฉีดเข้าหลอดเลือด 6 ครั้ง เพิ่มเจนตามัยซิน (Gentamicin) 3 มก./กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ (IM) หรือหลอดเลือด (IV) ทุกๆ 24 ชั่วโมงหรือสเตรปโตมัยซิน (streptomycin) 7.5 มก./กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือด (หากดื้อต่อยาเจนตามัยซิน) ทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 4 ถึง 6 สัปดาห์

    โรคไฟลามทุ่ง (Erysipelothrix rhusiopathiae): เพนิซิลลินจีละลายน้ำ 12 ถึง 20 ล้านหน่วย/วัน ฉีดเข้าหลอดเลือดอย่างต่อเนื่อง หรือแบ่งฉีดทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 4 ถึง 6 สัปดาห์

    • ลิสทิเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes): เพนิซิลลินจีละลายน้ำ 15 ถึง 20 ล้านหน่วย/วัน แบ่งฉีดเข้าหลอดเลือด ทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 4 สัปดาห์

    อ้างอิงจากแนวทางที่เผยแพร่ในปัจจุบันสำหรับข้อมูลที่แนะนำ

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะติดเชื้อราฟูซอสพิรอเชโทสิส (Fusospirochetosis)

    • เพนิซิลลินจีละลายน้ำ 5 ถึง 10 ล้านหน่วยต่อวัน แบ่งฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมง

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ข้อต่อ

    • เพนิซิลลินจีละลายน้ำ 2 ถึง 3 ล้านหน่วย ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 สัปดาห์

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคไข้ฉี่หนู (Leptospirosis)

    • เเบนซาทีน เพนิซิลลินละลายน้ำ 1.5 ล้านหน่วย ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคไลม์ – ข้ออักเสบ

    • โรคข้ออักเสบกำเริบหลังการรับประทานยา: เบนซาทีน เพนิซิลลินละลายน้ำ 3 ถึง 4 ล้านหน่วย ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4 ชั่วโมง (18 ถึง 24 ล้านหน่วย/วัน)
    • ระยะเวลา: 14 ถึง 28 วัน
    • แนะนำให้ใช้ยาเซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคไลม์ – หัวใจอักเสบ

    • หัวใจอุดตันขึ้นสาม: เบนซาทีน เพนิซิลลินละลายน้ำ 3 ถึง 4 ล้านหน่วยฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4 ชั่วโมง (18 ถึง 24 ล้านหน่วย/วัน) โดยเฝ้าสังเกตหัวใจและใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจชั่วคราว เพื่อป้องกันหัวใจอุดตันโดยสมบูรณ์
    • ระยะเวลา: 14 ถึง 21 วัน
    • แนะนำให้ใช้ยาเซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคไลม์ -ผื่นเป็นวงและไมเกรน (Erythema Chronicum Migrans)

    • 250 to 500 mg orally every 6 hours for 14 to 21 days
    • แนะนำให้ใช้ยาอะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) และด็อกซีไซคลิน (doxycycline)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคไลม์ – ระบบประสาท

    • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ โรครากประสาท (radiculopathy) หรือโรคไลม์ระบบประสาทกลางระยะหลัง (Late-Lyme CNS) หรือโรคเส้นประสาทส่วนปลาย (peripheral nerve disease): เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายในน้ำขนาด 3 ถึง 4 ล้านหน่วย/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4 ชั่วโมง (18 ถึง 24 ล้านหน่วย/วัน)
    • ระยะเวลา: 14 ถึง 28 วัน
    • แนะนำให้ใช้ยาเซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone)

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)

    • เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อลิสเทเรียล (Listerial meningitis): เบนซาทีน เพนิซิลลินละลายน้ำ 15 ถึง 20 ล้านหน่วย/วัน แบ่งฉีดเข้าหลอดเลือดในปริมาณที่เท่ากันทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 สัปดาห์
    • เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อพาสทูเรลลา (Pasteurella meningitis): เบนซาทีน เพนิซิลลินละลายน้ำ 1 ล้านหน่วย ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 สัปดาห์

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบ- เชื้อเมนิงโกค็อกคัส (Meningococcal)

    • เบนซาทีน เพนิซิลลินละลายน้ำ 6 ล้านหน่วย ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4 ชั่วโมงหรือ 24 ล้านหน่วย/วัน ฉีดเข้าหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่อง เป็นเวลา 14 วัน หรือจนกว่าจะไม่มีไข้ เป็นเวลา 7 วัน
    • หากสงสัยว่าเป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อเมนิงโกค็อกคัส จำเป็นต้องรักษาในทันทีด้วยยาเพนิซิลลิน และควรเริ่มต้นก่อนที่จะมีการยืนยันการวินิจฉัยจากการเจาะหลัง (Lumbar puncture) อัตราการเสียชีวิตของโรคนี้คือ 50% ภายใน 24 ชั่วโมงแรก

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบ – เชื้อนิวโมคอกคัล (Pneumococcal)

    • รู้สึกไวต่อเพนิซิลลิน (ความเข้มข้นของยาในระดับต่ำสุดต่ำกว่า 0.1 ไมโครกรัม/มล): เบนซาทีน เพนิซิลลินละลายน้ำ 4 ล้านหน่วยฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4 ชั่วโมง เป็นเวลา 14 วัน

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาหูชั้นกลางอักเสบ (Otitis Media)

    • สเตรปโตคอคัล (Streptococcal): เพนิซิลลิน วี โพแทสเซียม 250 ถึง 500 มก. รับประทานทุกๆ 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 สัปดาห์

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาปอดบวม

    • เชื้อนิวโมคอกคัลที่ไม่ทนต่อเพนิซิลลิน : เบนซาทีน เพนิซิลลินละลายน้ำ 1 ถึง 2 ล้านหน่วย ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 ถึง 14 วันขึ้นอยู่กับธรรมชาติและความรุนแรงของการติดเชื้อ
    • การติดเชื้อเล็กน้อยถึงปานกลาง: เพนิซิลลิน วี โพแทสเซียม 250 ถึง 500 มก. รับประทานทุกๆ 6 ชั่วโมง

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันโรคสเตรปโตคอคัลก่อนคลอดกลุ่มบี (Perinatal Group B Streptococcal Disease)

    • เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำ 5 ล้านหน่วย ฉีดเข้าหลอดเลือด เป็นขนาดยาเริ่มต้น ตามด้วย 2.5 ล้านหน่วยทุกๆ 4 ชั่วโมงจนถึงคลอด

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาไข้หนูกัด (Rat-bite Fever)

    • การติดเชื้อที่ไม่รุนแรง: ยาเพนิซิลลินวีโพแทสเซียม 500 มก. รับประทานทุกๆ 6 ชั่วโมง
    • การติดเชื้อในระดับปานกลางถึงรุนแรง: เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำ 3 ถึง 5 ล้านหน่วย ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 6 ชั่วโมง (12 ถึง 20 ล้านหน่วย/วัน)
    • ระยะเวลา: 10 ถึง 14 วัน

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันไข้รูมาติก (Rheumatic fever)

    • ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน (penicillin G benzathine): 1.2 ล้านครั้งฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุกๆ 3 ถึง 4 สัปดาห์
    • เพนิซิลลินวีโพแทสเซียม: 250 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
    • สำหรับผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงสูง ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน ทุกๆ 3 สัปดาห์อาจมีประสิทธิภาพมากกว่า และเป็นที่แนะนำมากกว่า สามารถรับประทานเพนิซิลลินเพื่อป้องกันผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงต่ำที่ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเนื่อเยื่ออ่อน

    • เซลล์เนื้อเยื่ออักเสบจากเชื้อสเตรปโตคอคัล (Streptococcal cellulitis): เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำ 1 ถึง 2 ล้านหน่วยฉีดเข้าหลอดเลือด ทุกๆ 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 ถึง 10 วัน
    • การป้องกันโรคไฟลามทุ่ง (Erysipelas) กำเริบ หรือโรคมิลรอย (Milroy disease):
    • ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน 1.2 ล้านหน่วยฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุกๆ 4 สัปดาห์

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาซิฟิลิส – ระยะแรก

    • ระยะแรก ระยะที่สอง: ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน 2.4 ล้านหน่วย ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ครั้งเดียว
    • ผู้ป่วยทุกรายควรได้รับการตรวจร่างกาย และการตรวจแอนติบอดีย์ในซีรั่ม (serological testing) ทุกๆ 6 เดือน เป็นเวลา 2 ถึง 3 ปี

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาซิฟิลิส – ระยะสงบ

    • ระยะสงบแรกๆ: ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน 2.4 ล้านหน่วย ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ครั้งเดียว
    • ระยะสงบช่วงหลังหรือไม่ทราบระยะเวลา: ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน 2.4 ล้านหน่วย ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ สัปดาห์ละครั้งเป็นเวลา 3 สัปดาห์ (ขนาดรวมรวม 7.2 ล้านหน่วย)

    ผู้ป่วยทุกรายควรได้รับการตรวจร่างกายและการตรวจแอนติบอดี ทุกๆ 6 เดือน เป็นเวลา 2 ถึง 3 ปี

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาซิฟิลิสระบบประสาท (Neurosyphilis)

    • เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำ 3 ถึง 4 ล้านหน่วย ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4 ชั่วโมง หรือหยอดยาอย่างต่อเนื่อง 18 ถึง 24 ล้านหน่วยต่อวัน เป็นเวลา 10 ถึง 14 วัน อาจตามด้วยยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน 2.4 ล้านหน่วยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ สัปดาห์ละครั้ง เป็นเวลา 3 สัปดาห์
    • ผู้ป่วยทุกรายควรได้รับการตรวจร่างกาย และการตรวจแอนติบอดี ทุกๆ 6 เดือน เป็นเวลา 2 ถึง 3 ปี

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาซิฟิลิสระยะที่ 3 (Tertiary Syphilis)

    • ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน (Penicillin G benzathine) 2.4 ล้านหน่วย ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสัปดาห์ละครั้งเป็นเวลา 3 สัปดาห์
    • ผู้ป่วยทุกรายควรได้รับการตรวจร่างกาย และการตรวจแอนติบอดี ทุกๆ 6 เดือน เป็นเวลา 2 ถึง 3 ปี

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) /คออักเสบ (Pharyngitis)

    • เชื้อสเตรปโตคอคัลคออักเสบ: ยาเพนิซิลลินวีโพแทสเซียม 500 มก. รับประทานทุกๆ 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 10 วัน

    ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน (Upper Respiratory Tract Infection)

    • การติดเชื้อสเตรปโตคอคัลระดับเบา: ยาเพนิซิลลินวีโพแทสเซียม 250 ถึง 500 มก. รับประทานทุกๆ 6 ถึง 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 10 วัน
    • เชื้อหนองนิวโมคอกคัลในช่องปอด (pneumopococcal empyema): เบนซาทีนเพนิซิลลิน 5 ถึง 24 ล้านหน่วย/วัน แบ่งฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4-6 ชั่วโมง

    ขนาดยาเพนิซิลลิน จีสำหรับเด็ก

    ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย

    เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายในน้ำ:

    ทารกแรกเกิด:

    • 0 ถึง 4 สัปดาห์ น้ำหนักแรกเกิดน้อยกว่า 1200 กรัม: 25,000 ถึง 50,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อทุกๆ 12 ชั่วโมง
    • น้อยกว่า 1 สัปดาห์ น้ำหนักแรกเกิด 1200-2000 กรัม: 25,000 ถึง 50,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ทุกๆ 12 ชั่วโมง
    • น้อยกว่า 1 สัปดาห์ น้ำหนักแรกเกิดมากกว่า 2000 กรัม: 25,000 ถึง 50,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ทุกๆ 8 ชั่วโมง
    • 1 ถึง 4 สัปดาห์ น้ำหนักแรกเกิด 1200 ถึง 2000 กรัม: 25,000 ถึง 50,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ทุกๆ 8 ชั่วโมง
    • 1 ถึง 4 สัปดาห์ น้ำหนักแรกเกิดมากกว่า 2000 กรัม: 25,000 ถึง 50,000 หน่วย/กิโลกรัม ฉีดเข้าหลอดเลือดหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ทุกๆ 6 ชั่วโมง

    อายุมากกว่า 1 เดือน

    • การติดเชื้อเล็กน้อยถึงปานกลาง: 6250 ถึง 12,500 หน่วย/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดหรือกล้ามเนื้อ ทุกๆ 6 ชั่วโมง
    • การติดเชื้อรุนแรง: 250,000 ถึง 400,000 หน่วย/กิโลกรัม ต่อวัน ฉีดเข้าหลอดเลือดหรือกล้ามเนื้อ แบ่งเป็น 4 ถึง 6 ครั้ง
    • ขนาดยาสูงสุด: 24 ล้านหน่วย
    • ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน

    การติดเชื้อเล็กน้อยถึงปานกลาง

    • 1 เดือนขึ้นไป น้ำหนักน้อยกว่า 27 กก.: 300,000 ถึง 600,000 หน่วยฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว
    • 1 เดือนขึ้นไป น้ำหนัก 27 กก. ขึ้นไป: 900,000 ถึง 1,200,000 หน่วย ฉีดเข้ากล้ามเนื้อครั้งเดียว
    • ยาเพนิซิลลิน วี โพแทสเซียม

    การติดเชื้อเล็กน้อยถึงปานกลาง

    • อายุมากกว่า 1 เดือน น้อยกว่า 12 ปี: 25 ถึง 50 มก./กก. ต่อวัน แบ่งรับประทานทุกๆ 6 ถึง 8 ชั่วโมง
    • ขนาดยาสูงสุด: 3 กรัม/วัน
    • อายุ 12 ปีขึ้นไป: 125 ถึง 500 มก. รับประทานทุกๆ 6 ถึง 8 ชั่วโมง

    ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาเยื่อบุหัวใจอักเสบ (Endocarditis)

    ผู้ป่วยที่มีทำงานของไตตามปกติ (ขนาดยาไม่ควรเกินผู้ใหญ่):

    • การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจ (Native valve infections) เนื่องจากสเตรปโตคอคคัสวิริเดนส์ (Streptococcus viridans) และสเตรปโตคอคคัสโบวิส (S bovis) ความเข้มข้นของยาในระดับต่ำสุดต่ำกว่า 0.12 ไมโครกรัม/มล: เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำ 200,000 หน่วย/กก./วัน แบ่งฉีดเข้าหลอดเลือด 4 ถึง 6 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ อาจเพิ่มเจนตามัยซิน (Gentamicin) 1 มก./กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือด ทุกๆ 8 ชั่วโมงหรือ 3 มก. / กก. ฉีดเข้าหลอดเลือด ทุกๆ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 สัปดาห์
    • การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจเนื่องจากสเตรปโตคอคคัสวิริเดนส์และสเตรปโตคอคคัสโบวิสที่ค่อนข้างทนทาน ความเข้มข้นของยาในระดับต่ำสุดมากกว่า 0.12 ไมโครกรัม/มล. และน้อยกว่า 0.5 ไมโครกรัม/มล: เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำ 300,000 หน่วย/กก./วัน แบ่งฉีดเข้าหลอดเลือด 4 ถึง 6 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ อาจเพิ่มเจนตามัยซิน (Gentamicin) 1 มก./กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือด ทุกๆ 8 ชั่วโมงหรือ 3 มก. / กก. ฉีดเข้าหลอดเลือด ทุกๆ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 สัปดาห์
    • การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจเทียมเนื่องจากเชื้อสเตรปโตคอคคัสวิริเดนส์และสเตรปโตคอคคัสโบวิส ที่ไม่มีความต้านทานต่อเพนิซิลลิน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 0.12 ไมโครกรัม/มล: เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำ 300,000 หน่วย/วัน แบ่งฉีดเข้าหลอดเลือด 4 ถึง 6 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ อาจเพิ่มเจนตามัยซิน (Gentamicin) 1 มก./กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือด ทุกๆ 8 ชั่วโมงหรือ 3 มก. / กก. ฉีดเข้าหลอดเลือด ทุกๆ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 สัปดาห์
    • การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจเทียมเนื่องจากเชื้อสเตรปโตคอคคัสวิริเดนส์และสเตรปโตคอคคัสโบวิสที่ค่อนข้างทนทาน ความเข้มข้นของยาในระดับต่ำสุดมากกว่า 0.12 ไมโครกรัม/มล: เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำ 300,000 หน่วย/วัน แบ่งฉีดเข้าหลอดเลือด 4 ถึง 6 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ ร่วมกับเจนตามัยซิน (Gentamicin) 1 มก./กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือด ทุกๆ 8 ชั่วโมงหรือ 3 มก. / กก. ฉีดเข้าหลอดเลือด ทุกๆ 24 ชั่วโมง เป็นเวลา 2 สัปดาห์
    • การติดเชื้อที่ลิ้นหัวใจหรือลิ้นหัวใจเทียมเนื่องจากเอ็นเทโรคอคัส (enterococci) อ่อนแอ: เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำ 300,000 หน่วย/วัน แบ่งฉีดเข้าหลอดเลือด 4 ถึง 6 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ อาจเพิ่มเจนตามัยซิน (Gentamicin) 1 มก./กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือด ทุกๆ 8 ชั่วโมงหรือสเตรปโตมัยซิน (streptomycin) 10 ถึง 15 มก./กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหรือหลอดเลือด (หากดื้อต่อยาเจนตามัยซิน) ทุกๆ 12 ชั่วโมงเป็นเวลา 4 ถึง 6 สัปดาห์
    • โรคไฟลามทุ่ง (Erysipelothrix rhusiopathiae):เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำ 12 ถึง 20 ล้านหน่วย/วัน ฉีดเข้าหลอดเลือดอย่างต่อเนื่อง หรือแบ่งฉีดทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมงเป็นเวลา 4 ถึง 6 สัปดาห์
    • ลิสทิเรีย โมโนไซโตจิเนส (Listeria monocytogenes): เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำ 15 ถึง 20 ล้านหน่วย/วัน แบ่งฉีดเข้าหลอดเลือด ทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมงเป็นเวลา 4 ถึง 6 สัปดาห์

    อ้างอิงจากแนวทางที่เผยแพร่ในปัจจุบันสำหรับข้อมูลที่แนะนำ

    ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคไลม์ (Lyme Disease) – ข้ออักเสบ

    • โรคข้ออักเสบกำเริบหลังการรับประทานยา: เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำขนาด 50 000 ถึง 100,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดทุก 4 ชั่วโมง
    • ขนาดยาสูงสุด: 24 ล้านหน่วย/วัน
    • ระยะเวลา: 14 ถึง 28 วัน

    ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคไลม์ (Lyme Disease) – หัวใจอักเสบ

    • หัวใจอุดตันระดับที่สาม: น้ำ benzylpenicillin เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายน้ำขนาด 50 000 ถึง 100,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดทุก 4 ชั่วโมง พร้อมเฝ้าสังเกตหัวใจและเครื่องกระตุ้นหัวใจชั่วคราวเพื่อป้องกันหัวใจอุดตันอย่างสมบูรณ์
    • ขนาดสูงสุด: 24 ล้านหน่วย/วัน
    • ระยะเวลา: 14 ถึง 21 วัน

    ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคไลม์ (Lyme Disease) – ระบบประสาท

    • เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis) โรครากประสาท (radiculopathy) หรือโรคไลม์ระบบประสาทกลางระยะหลัง (Late-Lyme CNS) หรือโรคเส้นประสาทส่วนปลาย (peripheral nerve disease): เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายในน้ำขนาด 50,000 ถึง 100,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4 ชั่วโมง
    • ขนาดยาสูงสุด: 24 ล้านหน่วย/วัน
    • ระยะเวลา: 14 ถึง 28 วัน

    ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันไข้รูมาติก (Rheumatic fever)

    • ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน 25,000 ถึง 50,000 ยูนิต/กิโลกรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหนึ่งครั้งทุกๆ 3 ถึง 4 สัปดาห์
    • ขนาดยาสูงสุด: 1.2 ล้านหน่วย/ครั้ง

    ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาซิฟิลิสแต่กำเนิด (Congenital Syphilis)

    • เบนซาทีนเพนิซิลลินละลายในน้ำ:
    • อายุน้อยกว่า 1 เดือน สำหรับทารกที่มีอาการและทารกที่ไม่มีอาการแต่มีค่าของเหลวในไขสันหลัง (CSF) ผิดปกติ): 50,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 12 ชั่วโมง ในช่วง 7 วันแรกหลังเกิด และทุกๆ 8 ชั่วโมงหลังจากนั้นเป็นเวลา 10 วัน
    • อายุมากกว่า 1 เดือน: 50,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดทุกๆ 4-6 ชั่วโมงเป็นเวลา 10 วัน
    • ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน:
    • ทารกแรกเกิดที่ไม่มีอาการที่มีน้ำหนักมากกว่า 1200 กรัม: 50,000 หน่วย/กิโลกรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อหนึ่งครั้ง
    • ทารกและเด็กเล็ก: 50,000 หน่วย/กิโลกรัม ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสัปดาห์ละครั้ง เป็นเวลา 3 สัปดาห์
    • ขนาดยาสูงสุด: 2.4 ล้านหน่วย/ครั้ง

    ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาซิฟิลิส (Syphilis) ระยะแรก

    • อายุมากกว่า 1 เดือน: ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน 50,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ครั้งเดียว
    • ขนาดยาสูงสุด: 2.4 ล้านหน่วย/ครั้ง

    ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาซิฟิลิส (Syphilis) ระยะสงบ

    • ยาเพนิซิลลิน จี เบนซาทีน:
    • ระยะสงบช่วงแรก: 50,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ครั้งเดียว
    • ระยะสงบช่วงหลัง: 50,000 หน่วย/กก. ฉีดเข้ากล้ามเนื้อ สัปดาห์ละครั้ง เป็นเวลา 3 สัปดาห์
    • ขนาดยาสูงสุด: 2.4 ล้านหน่วย/ครั้ง

    รูปแบบของยา

    ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้:

    สารละลายฉีดเข้าหลอดเลือด ในรูปเกลือโพแทสเซียม:

    ทั่วไป: 20,000 หน่วย/มล. (50 มล.) 40,000 หน่วย/มล. (50 มล.) 60,000 หน่วย/มล. (50 มล.)

    เตรียมสารละลายสำหรับฉีด:

    ไฟเซอร์เพน จี (Pfizerpen-G): 5,000,000 หน่วย (1 ชิ้น)

    เตรียมสารละลายสำหรับฉีด ในรูปเกลือโพแทสเซียม:

    ไฟเซอร์เพน จี (Pfizerpen-G): 5,000,000 หน่วย (1 ชิ้น) 20,000,000 หน่วย (1 ชิ้น)

    ไฟเซอร์เพน จี (Pfizerpen-G): 5,000,000 หน่วย (1 ชิ้น) 20,000,000 หน่วย (1 ชิ้น) [ปราศจากไพโรเจน]

    ทั่วไป: 5,000,000 หน่วย (1 ชิ้น), 20,000,000 หน่วย (1 ชิ้น)

    เตรียมสารละลายสำหรับฉีด ในรูปเกลือโซเดียม:

    ทั่วไป: 5,000,000 หน่วย (1 ชิ้น)

    กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

    ในกรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด แจ้งศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินท้องถิ่นหรือไปยังห้องฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด

    กรณีลืมใช้ยา

    หากคุณลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์

    ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 09/11/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา