ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนต (Sodium polystyrene sulfonate) ใช้เพื่อรักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง ระดับโพแทสเซียมภายในเลือดที่มากเกินไปในบางครั้งอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับการเต้นของหัวใจ ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนตทำงานโดยช่วยร่างกายกำจัดโพแทสเซียมส่วนเกินออกไป
รับประทานยานี้หรือสวนเข้าทางทวารหนักตามที่แพทย์กำหนด
หากคุณใช้ยาชนิดรับประทานยา โดยปกติคือ วันละ 1-4 ครั้งตามที่แพทย์กำหนด สำหรับวิธีการเตรียมยาน้ำแขวนตะกอน ควรตวงยาผงในขนาดที่กำหนดและผสมกับน้ำหรือน้ำเชื่อมตามขนาดที่กำหนด คนให้เข้ากันแล้วดื่มลงไปทั้งหมด ควรนั่งตั้งตัวตรง (นั่ง ยืน หรือเดิน) และอย่าล้มตัวลงนอนเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหลังจากรับประทานยา โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนต อาจจะไปลดการดูดซึมยาอื่นได้ ควรใช้ยาอื่นตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือ อย่างน้อย 3 ชั่วโมงก่อนหรือหลังจากใช้ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนต โปรดสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรหากคุณมีข้อสงสัยใดๆ
สำหรับวิธีการสวนยาเข้าทางทวารหนักโดยใช้น้ำยาสวนทวารหนัก (enema) ควรใช้ยาในขนาดที่กำหนด โดยปกติคือทุกๆ 6 ชั่วโมงเท่าที่จำเป็นหรือตามที่แพทย์กำหนด โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับวิธีการเตรียมและผสมยาให้กลายเป็นยาแขวนตะกอนและวิธีการใช้น้ำยาสวนทวารหนัก ควรทำตามคำแนะนำวิธีใช้น้ำยาสวนล้างทวารหนักก่อนและหลังจากใช้ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนต น้ำยาสวนล้างทวารหนักหลังจากการให้ยาสวนทวารแต่ละครั้งควรจะเป็นชนิดที่ไม่มีส่วนผสมของโซเดียม
ผสมยาแขวนตะกอนให้ดีและใช้ยาทันทีหลังจากผสมยา อย่าเก็บส่วนผสมไว้นานเกิน 24 ชั่วโมง
อย่าให้ยาถูกความร้อนเนื่องจากอาจทำให้ยาทำงานได้ไม่ดีดังเดิม
ขนาดยาและระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับภาวะสุขภาพและการตอบสนองต่อการรักษา ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด อย่าใช้ยานี้ในขนาดที่มากกว่าหรือใช้ยานานกว่าที่กำหนดเพราะอาจทำให้ระดับโพแทสเซียมในร่างกายของคุณลดต่ำเกินไป
ควรไปตามนัดของห้องแล็บและของแพทย์ทุกครั้งเพื่อตรวจวัดระดับของโพแทสเซียมในเลือด
ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนต ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนตบางยี่ห้อ อาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนตลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ก่อนใช้ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนต แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ยานี้ หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยานี้มีส่วนผสมของเกลือ (โซเดียม) ในปริมาณมาก อย่าใช้สารทดแทนเกลือที่มีส่วนผสมของโพแทสเซียมโดยไม่ปรึกษากับแพทย์ก่อน หากคุณมีสภาวะเหล่านี้ ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ในการจำกัดปริมาณของโซเดียมภายในอาหาร ปัญหาเกี่ยวกับไต หัวใจล้มเหลว ความดันโลหิตสูง มีอาการบวมที่มือ ข้อเท้า หรือเท้า
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือลำไส้ เช่น โรคลำไส้อักเสบ (inflammatory bowel disease) โรคลำไส้อุดตัน (bowel obstruction) อาการท้องผูกเรื้อรัง หรืออุจจาระแข็ง (fecal impaction) ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)
ผู้สูงอายุอาจจะมีความเสี่ยงมากกว่าที่จะมีอาการท้องผูกอย่างรุนแรง
ห้ามให้ทารกแรกเกิดรับประทานยานี้ โดยเฉพาะทารกคลอดก่อนกำหนด และทารกแรกเกิดที่มีการทำงานของลำไส้ช้านั้นห้ามใช้ยานี้ ควรระมัดระวังการใช้ยานี้สวนทวารหนักกับทารกแรกเกิดและเด็ก เนื่องจากพวกเขามีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงของยานี้มากกว่า โดยเฉพาะอาการท้องผูกอย่างรุนแรงและปัญหาเกี่ยวกับลำไส้
โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณกำลังตั้งครรภ์ก่อนที่จะใช้ยานี้
ยานี้ไม่สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่และไม่น่าจะเป็นอันตรายต่อทารก โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา
ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนตจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
อาจเกิดอาการเบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องผูก อาการท้องร่วงนั้นจะพบได้น้อยกว่า หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
เพื่อป้องกันอาการท้องผูก ควรรับประทานอาหารที่มีใยอาหารที่เพียงพอ ดื่มน้ำให้มาก และออกกำลังกาย นอกเสียจากแพทย์จะสั่งให้ทำแบบอื่น อาการท้องผูกอย่างรุนแรงนั้นอาจจะเป็นอันตรายอย่างมากได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อช่วยเลือกยาระบายชนิดที่ไม่มีส่วนประกอบของสารซอร์บิทอล (sorbitol)
โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
ควรแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้ กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือกล้ามเนื้อกระตุก หัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติ มีความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจหรืออารมณ์ (เช่นหงุดหงิด สับสน คิดช้า) มีอาการบวมที่มือ ข้อเท้า หรือเท้า
ยานี้อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับลำไส้ที่รุนแรง (ในบางครั้งอาจถึงแก่ชีวิต) เช่น มีเลือดออกหรืออุดตัน ควรรับการรักษาในทันทีหากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงมากดังต่อไปนี้เกิดขึ้น เช่น ท้องผูกอย่างรุนแรง ท้องอืด ท้องบวม หรือปวดท้อง อุจจาระสีดำหรือสีเลือด อาเจียนคล้ายกากกาแฟ
ควรรับการรักษาในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่หายากแต่รุนแรงมากดังต่อไปนี้ ไม่สามารถเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อได้ (อัมพาต) อาการชัก
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่ ยาลดกรดหรือยาระบายที่มีส่วนผสมของอะลูมิเนียม แคลเซียม หรือแมกนีเซียม เช่น อะลูมิเนียม คาร์บอเนต (aluminum carbonate) อะลูมิเนียม ไฮดรอกไซด์ (aluminum hydroxide) แคลเซียม คาร์บอเนต (calcium carbonate) แมกนีเซียม ไฮดรอกไซด์ (magnesium hydroxide)
อย่าใช้ยาระบายใดๆ ที่มีส่วนผสมของซอร์บิทอล พร้อมกับยานี้เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาเกี่ยวกับลำไส้
ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนตอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนตอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนตอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง
ยารับประทาน
15 กรัม รับประทานวันละครั้ง
ขนาดยาสูงสุด 15 กรัม รับประทานวันละ 4 ครั้ง
คำแนะนำ
การสวนยาเข้าทางทวารหนัก
30 กรัม สวนยาเข้าทางทวารหนักทุกๆ 6 ชั่วโมง
ขนาดยาสูงสุด 50 กรัม สวนยาเข้าทางทวารหนักทุกๆ 6 ชั่วโมง
คำแนะนำ
การใช้งาน เพื่อรักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง
การปรับขนาดยา
ความเข้มข้นของการรักษาและระยะเวลาการรักษาควรขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงและความต้านทานของภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการให้ยา
การเก็บรักษา
เทคนิคการคืนรูปยาหรือการเตรียมยา
ทั่วไป
การเฝ้าระวัง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
ขนาดยาโซเดียม พอลิสไตรีน ซัลโฟเนตสำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง
การคำนวณขนาดยานั้นขึ้นอยู่กับโพแทสเซียม 1 มิลลิอิควิวาเลนท์ ต่อเรซิน 1 กรัม
คำแนะนำ
การใช้งาน เพื่อรักษาภาวะโพแทสเซียมในเลือดสูง
ข้อควรระวัง
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของยานี้กับผู้ป่วยเด็กที่อายุน้อยกว่า 1 เดือน (ยาสำหรับรับประทาน) ยังไม่มีการพิสูจน์ประสิทธิภาพของยานี้กับผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 18 ปี
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย