backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin)

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 27/06/2023

ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin)

ไซโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ โดยเป็นยาที่จัดอยู่ในยาปฏิชีวนะกลุ่มควิโนโลน (quinolone) ออกฤทธิ์โดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย แต่ไม่สามารถใช้กับการติดเชื้อไวรัสได้ เช่น โรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ 

ข้อบ่งใช้

วิธีการใช้ยา ไซโปรฟลอกซาซิน

  • ยาไซโปรฟลอกซาซิน สามารถรับประทานพร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหากตามที่แพทย์สั่ง โดยปกติคือวันละ 1-2 ครั้งเวลาเช้า เย็น
  • เขย่าขวดยาประมาณ 15 วินาที ก่อนเทยา ควรตวงยาอย่างระมัดระวัง ด้วยถ้วยตวงสำหรับตวงยา อย่าใช้ช้อนธรรมดา เพราะอาจจะได้ขนาดยาที่ไม่ถูกต้อง และโปรดอย่าเคี้ยวยาที่มีลักษณะแขวนตะกอน
  • ห้ามใช้ยาแขวนตะกอนกับสายให้อาหาร เนื่องจากตัวยาอาจอุดตันในสายได้
  • ขนาดยา และระยะเวลาในการรักษา ขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ และการตอบสนองทางการรักษา ควรดื่มน้ำให้มากขณะที่กำลังใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์จะกำหนดเป็นอย่างอื่น
  • รับประทานยาไซโปรฟลอกซาซินอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อน หรือ 6 ชั่วโมงหลังจากใช้ยาอื่นที่อาจมาผูกติดกับยานี้ เพราะอาจทำให้ลดประสิทธิภาพของยานี้ลงได้
  • สอบถามแพทย์เกี่ยวกับยาอื่นที่กำลังใช้ เช่น ควินาพริล (quinapril) ซูคราลเฟต (sucralfate) รวมถึงอาหารที่เรารับประทานร่วม ดังนี้ วิตามิน แร่ธาตุ รวมถึงอาหารเสริมธาตุเหล็ก สังกะสี แมกนีเซียม อะลูมิเนียม และแคลเซียม โดยอาจสามารถอยู่ในนม โยเกิร์ต หรือแม้แต่อาหารเสริมต่าง ๆ
  • ยาปฏิชีวนะจะออกฤทธิ์ได้ดี เมื่อปริมาณยาในร่างกายอยู่ในระดับคงที่ ดังนั้น โปรดรับประทานยาในเวลาที่ห่างเท่า ๆ กัน เพื่อช่วยเตือนความจำ หรือรับประทานในเวลาเดียวกันของแต่ละวัน
  • ไม่ควรหยุดยา เพิ่ม และลดขนาดยาเอง จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากแพทย์
  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากยังคงมีอาการหรืออาการแย่ลง

การเก็บรักษา ยาไซโปรฟลอกซาซิน

  • ยาไซโปรฟลอกซาซิน ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง และหลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย
  • ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำ หรือช่องแช่แข็ง
  • ไม่ควรทิ้งยาไซโปรฟลอกซาซินลงในชักโครก หรือในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
  • เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็ก และสัตว์เลี้ยง

ยาไซโปรฟลอกซาซินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน หากมีข้อกังวล หรือข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้จากเภสัชกร และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอีกครั้งได้ในทันที

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา ไซโปรฟลอกซาซิน

ก่อนใช้ยาไซโปรฟลอกซาซิน

  • แจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีอาการผิดปกติ หรืออาการแพ้ต่อยานี้ หรือยาอื่น ๆ
  • โปรดระบุถึงโรคประจำตัว หรือประวัติทางการแพทย์ร่วมโดยเฉพาะ โรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นแพ้อาหาร แพ้สีย้อม แพ้สารกันบูด เป็นต้น อีกทั้งสำหรับผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อเอง ควรอ่านฉลากยา หรือส่วนประกอบอย่างระมัดระวังก่อนนำมาใช้งาน
  • แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาที่กำลังใช้อยู่ร่วมไม่ว่าจะเป็นยาที่แพทย์กำหนด หรือยาตามร้านขายยา รวมถึงสมุนไพร และอาหารเสริมต่าง ๆ

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ก่อนใช้ยาไซโปรฟลอกซาซิน จากอ้างอิงจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA) ยานี้จัดเป็นยากลุ่มเสี่ยงสำหรับสตรีมีครรภ์ประเภท C

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ ยาไซโปรฟลอกซาซิน

แจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ดังนี้

  • อาการแพ้
  • ลมพิษ
  • หายใจติดขัด
  • ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอบวม
  • วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง หมดสติ หัวใจเต้นเร็ว
  • อาการปวดกล้ามเนื้อ และข้อต่อฉับพลัน
  • รอยช้ำ บวม กดเจ็บ แข็งเกร็ง หรือสูญเสียการเคลื่อนไหวในข้อต่อส่วนใดส่วนหนึ่ง
  • ท้องเสีย อุจจาระมีเลือดปน
  • สับสน เห็นภาพหลอน ซีมเศร้า และพฤติกรรมที่ผิดปกติ
  • มีอาการชัก
  • หูอื้อ
  • มีปัญหาด้านการมองเห็น
  • ผิวซีด หรือเป็นสีเหลือง ปัสสาวะสีเข้ม เป็นไข้ อ่อนแรง
  • ปัสสาวะน้อยกว่าปกติหรือไม่ปัสสาวะเลย
  • เกิดรอยช้ำหรือมีเลือดออกได้ง่าย
  • มีอาการเหน็บชาหรืออาการปวดที่ผิดปกติขึ้นที่บางส่วนในร่างกาย
  • มีสัญญาณแรกของผดผื่นผิวหนัง ไม่ว่าจะเบาแค่ไหนก็ตาม
  • ปฏิกิริยาที่ผิวหนังอย่างรุนแรง ทำให้เกิดแผลพุพองและผิวลอก

ไม่ใช่ทุกคนที่จะแสดงอาการอันเนื่องมาจากผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจมีผลข้างเคียงอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากมีความกังวลเรื่องผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาไซโปรฟลอกซาซิน อาจมีปฏิกิริยากับยาอื่น ๆ ที่กำลังใช้ร่วมด้วย โดยอาจเปลี่ยนแปลงประสิทธิภาพการทำงานของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการมีปฏิกิริยาดังกล่าว ควรแจ้งรายชื่อยาทั้งหมดที่ใช้ให้แพทย์ทราบ ไม่ว่าจะเป็นยาที่ได้รับคำสั่งจากทางแพทย์ ยาที่หาซื้อเองโดยการจำหน่ายทางเภสัชกร ดังนี้

  • อะโกเมลาทีน (Agomelatine)
  • แอมิแฟมพริดีน (Amifampridine)
  • ซิซาไพรด์ (Cisapride)
  • โดรเนดาโรน (Dronedarone)
  • โลมิทาไพด์ (Lomitapide)
  • เมโซไรดาซีน (Mesoridazine)
  • พิโมไซด์ (Pimozide)
  • ไพเพอราควิน (Piperaquine)
  • สปาร์ฟลอกซาซิน (Sparfloxacin)
  • ไทโอริดาซีน (Thioridazine)
  • ทิซานิดีน (Tizanidine)

การใช้ยานี้กับยาดังต่อไปนี้ โดยปกติแล้วจะไม่แนะนำ แต่อาจจำเป็นต้องใช้ในบางกรณี หากได้รับสั่งยาทั้งสองร่วมกัน แพทย์อาจต้องเปลี่ยนขนาดยา ชนิดใดหนึ่ง หรือทั้งสองชนิด

  • อะคาร์โบส (Acarbose)
  • แอซีเคไนด์ (Acecainide)
  • อะซีโตเฮกซาไมด์ (Acetohexamide)
  • อัลฟูโซซิน (Alfuzosin)
  • อะโลกลิปทิน (Alogliptin)
  • อโลเซตรอน (Alosetron)
  • อะมิโอดาโรน (Amiodarone)
  • อะมิทริปไทลีน (Amitriptyline) และยาอื่น ๆ

การใช้ยานี้กับยาต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ แต่การใช้ยาทั้งสองชนิดร่วมกัน อาจเป็นการรักษาที่ดีที่สุด หากได้รับการจ่ายยาทั้งสองร่วมกัน บางครั้งแพทย์อาจต้องปรับเพิ่ม-ลดยาชนิดใดชนิดหนึ่ง หรือทั้งสองชนิด

  • อะลูมิเนียมคาร์บอเนต (Aluminum Carbonate)
  • อะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ (Aluminum Hydroxide)
  • อะลูมิเนียมฟอสเฟต (Aluminum Phosphate)
  • เบต้าเมทาโซน (Betamethasone)
  • แคลเซียม (Calcium)
  • คลอโรควิน (Chloroquine)
  • คอร์ติโซน (Cortisone)
  • โคซินโทรปิน (Cosyntropin)
  • โซลพิเดม (Zolpidem)

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาไซโปรฟลอกซาซินอาจอาจทำปฏิกิริยากับอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงรุนแรงอื่น ๆ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาไซโปรฟลอกซาซิน อาจส่งผลให้อาการโรคต่าง ๆ เหล่านี้ แย่ลง

  • โรคเบาหวาน
  • ท้องร่วง
  • อาการหัวใจขาดเลือดฉับพลัน
  • โรคหัวใจ จังหวะการเต้นของหัวใจมีปัญหา
  • ภาวะโพแทสเซียมในเลือดต่ำ (Hypokalemia)
  • ภาวะแมกนีเซียมในเลือดต่ำ (Hypomagnesemia)
  • โรคตับ
  • โรคลมชัก (epilepsy)
  • โรคหลอดเลือดสมอง
  • โรคไตขั้นรุนแรง
  • มีประวัติการปลูกถ่ายอวัยวะ เช่น หัวใจ ไต หรือปอด
  • มีประวัติการเกิดอาการผิดปกติของเส้นเอ็น เช่น โรคข้อรูมาตอยด์ (rheumatoid arthritis)

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาไซโปรฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ เพื่อป้องกันโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax)

  • ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ : 400 มก. ทุก ๆ 12 ชั่วโมง
  • รับประทาน : 500 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง
  • ควรเริ่มต้นการรักษาโดยเร็วที่สุดหลังจากต้องสงสัยหรือยืนยันแล้วว่าเปิดรับเชื้อ ระยะเวลาในการรักษาทั้งหมด (รวมทั้งการให้ยาทางหลอดเลือดดำและรับประทาน) คือ 60 วัน

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะติดเชื้อแบคทีเรียในกระแสเลือด (Bacteremia)

  • 400 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุก ๆ 12 ชั่วโมง
  • ควรดำเนินการรักษาอย่างต่อเนื่อง 7-14 วัน ขึ้นอยู่กับสภาวะและความรุนแรงของการติดเชื้อ

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)

อาการหลอดลมอักเสบเรื้อรังกำเริบฉับพลัน ระดับเบา-ปานกลาง

  • ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ : 400 มก. ทุก ๆ 12 ชั่วโมง
  • รับประทาน : 500 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง

ระดับรุนแรง/มีอาการแทรกซ้อน

  • ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ : 400 มก. ทุก ๆ 8 ชั่วโมง
  • รับประทาน : 750 มก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง
  • ระยะเวลาการรักษา : 7 ถึง 14 วัน

ขนาดยาไซโปรฟลอกซาซินสำหรับเด็ก

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันโรคแอนแทรกซ์ (Anthrax)

  • ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ : 10 มก./กก. ทุก ๆ 12 ชั่วโมง (ขนาดยาสูงสุด: 400 มก./ครั้ง)
  • รับประทาน : 15 มก./กก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง (ขนาดยาสูงสุด: 500 มก../ครั้ง)
  • ควรเริ่มต้นการรักษาโดยเร็วที่สุดหลังจากต้องสงสัยหรือยืนยันแล้วว่าเปิดรับเชื้อ ระยะเวลาในการรักษาทั้งหมด (รวมทั้งการให้ยาทางหลอดเลือดดำและรับประทาน) คือ 60 วัน

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection)

เด็กอายุ 1-18 ปี

  • ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ : 6-10 มก./กก. ทุก ๆ 8 ชั่วโมง (ขนาดยาสูงสุด 400 มก./ครั้ง)
  • รับประทาน : 10-20 มก./กก. รับประทานทุก ๆ 12 ชั่วโมง (ขนาดยาสูงสุด  750 มก./ครั้ง)
  • ระยะเวลาการรักษาทั้งหมด (รวมทั้งการให้ยาทางหลอดเลือดดำและรับประทาน) คือ 10-21 วัน

ยาไซโปรฟลอกซาซินไม่ใช่ตัวเลือกยาอันดับแรก เนื่องจากมีอัตราการเกิดอาการไม่พึงประสงค์สูงกว่า ดังนั้น จึงควรเข้ารับการตรวจสอบจากแพทย์อีกครั้ง เพราะอาจมียา หรือเทคนิคอื่น ๆ ที่เหมาะสมกว่าในการรักษา

รูปแบบของยา

ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาไซโปรฟลอกซาซิน รูปแบบเม็ดเคลือบแผ่นฟิล์ม 250 มก. 500 มก.
  • ยาไซโปรฟลอกซาซิน รูปแบบยาแขวนตะกอน 5% (100 มล.) 10% (100 มล.)

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉิน หรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งโรงพยาบาลใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

Duangkamon Junnet


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 27/06/2023

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา