ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ไพราซินาไมด์ (Pyrazinamide) ใช้ร่วมกับยาอื่นเพื่อรักษาวัณโรค ยานี้เป็นยาปฏิชีวนะและทำงานโดยการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ยาปฏิชีวนะนี้ใช้เพื่อรักษาและป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ใช้ไม่ได้ผลกับการติดเชื้อไวรัส เช่น โรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น หรือใช้อย่างไม่ถูกต้อง อาจทำให้ประสิทธิภาพลดลงได้
ยาไพราซินาไมด์ สามารถรับประทานพร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหากก็ได้ โดยปกติสามารถรับประทานยาวันละครั้งหรือสัปดาห์ละสองครั้ง หรือตามที่แพทย์กำหนด โดยขนาดยาที่รับประทาน ขึ้นอยู่กับอายุ น้ำหนักตัว สภาวะทางการแพทย์ และการตอบสนองต่อการรักษาเพื่อผลที่ดีที่สุด ควรใช้ยาปฏิชีวนะโดยเว้นช่วงที่เท่ากัน หากคุณใช้ยานี้ทุกวัน ควรรับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวัน หากคุณใช้ยาทุกสัปดาห์ ควรใช้ยาในวันเดียวกันของทุกสัปดาห์ และในเวลาเดียวกันของแต่ละวัน ควรทำเครื่องหมายเตือนวันและเวลาที่คุณควรใช้ยา ที่สำคัญควรใช้ยานี้และยารักษาวัณโรคอื่นๆ อย่างต่อเนื่องจนครบกำหนด แม้ว่าอาการจะหายไปแล้ว
แจ้งให้แพทย์ทราบ หากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง
ยาไพราซินาไมด์ ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาไพราซินาไมด์บางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาไพราซินาไมด์ลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำเว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ควรใช้ยานี้ และยารักษาวัณโรคอื่นๆ อย่างต่อเนื่องจนครบกำหนด แม้ว่าอาการจะหายไปแล้วก็ตาม การหยุดใช้ยาเร็วเกินไป หรือข้ามมื้อยา อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโตต่อไป ส่งผลให้การติดเชื้อกำเริบ และทำให้รักษาการติดเชื้อนั้นได้ยากขึ้นและมีอาการดื้อยา
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาไพราซินาไมด์จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
เมื่อรับประทานยา ไพราซินาไมด์ อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร หรือมีอาการปวดที่กล้ามเนื้อหรือข้อต่อระดับเบา หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้น โปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากคำนวณแล้วว่า ยามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่ไม่ค่อยจะเกิดขึ้นแต่รุนแรงดังต่อไปนี้ ได้แก่ มีอาการของโรคตับ เช่น คลื่นไส้ อาเจียนบ่อยครั้ง เหนื่อยล้าหรืออ่อนแรงผิดปกติ ปวดท้องอย่างรุนแรง ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง ปัสสาวะสีคล้ำ มีอาการปวดหรือบวมที่ข้อต่อ
ควรรีบแจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่หายากแต่รุนแรงมากดังต่อไปนี้ ได้แก่ สัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต เช่น ปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง มีรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย หัวใจเต้นเร็ว
อาการแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้คือ เป็นไข้ไม่ยอมหาย มีอาการต่อมน้ำเหลืองบวมครั้งใหม่หรือรุนแรงขึ้น ผดผื่น คันหรือบวมโดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยานี้อาจส่งผลกระทบต่อผลการตรวจในห้องแล็บบางชนิด รวมถึงการตรวจคีโตนในปัสสาวะ และอาจทำให้เกิดผลเป็นเท็จได้ ควรแจ้งให้บุคลากรในห้องแล็บและแพทย์ของคุณทุกคนทราบว่า คุณกำลังใช้ยานี้
ยาไพราซินาไมด์อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาไพราซินาไมด์อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาไพราซินาไมด์อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาวัณโรค – มีอาการ
15 ถึง 30 มก./กก. (สูงสุด 2 กรัม) รับประทานวันละครั้ง ร่วมกับยาต้านวัณโรคอื่นอีก 3 ชนิด ในระยะเริ่มแรก 2 เดือน ของระยะเวลาการรักษา 6 เดือน หรือ 9 เดือน จะกว่าจะทราบผลการทดสอบความไวต่อยา สูตรยาอีกทางเลือกหนึ่งคืออาจใช้ 50 ถึง 75 มก./กก. (สูงสุด 3 กรัม) รับประทานสัปดาห์ละสองครั้ง หลังจากรักษาด้วยการมห้ยาทุกวัน 2 สัปดาห์ เพื่อเพิ่มการให้ความร่วมมือของผู้ป่วย
อีกทางเลือกหนึ่ง ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ (CDC) สมาคมทรวงอกแห่งอเมริกา (The American Thoracic Society) และสมาคมโรคติดเชื้อแห่งอเมริกา (the Infectious Diseases Society of America) แนะนำขนาดยาดังต่อไปนี้โดยขึ้นอยู่กับน้ำหนักร่างกายโดยประมาณ:
ขนาดยาสำหรับทุกวัน
ขนาดยาสำหรับสัปดาห์ละสองครั้ง
ขนาดยาสำหรับสัปดาห์ละสองครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาวัณโรค – ระยะแฝง
ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญแพทย์สาธารสุขก่อนการใช้ยาร่วมกับยาไรแฟมพิน
15 ถึง 20 มก./กก. ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวตามจริง (ไม่มีไขมัน) รับประทานวันละครั้ง (สูงสุด 2 กรัม) เป็นเวลา 2 เดือน อีกทางเลือกหนึ่งคืออาจให้ยาในขนาด 50 มก./กก. รับประทานสัปดาห์ละสองครั้ง (สูงสุด 4 กรัม)
การปรับขนาดยาสำหรับไต
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
ควรเฝ้าระวังผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
การปรับขนาดยา
โดยทั่วไปแล้วควรระมัดระวังการเลือกขนาดยาสำหรับผู้สูงอายุ มักจะเริ่มต้นที่ขนาดยาในช่วงท้ายของช่วงขนาดยา โดยคำนึงถึงความถี่ที่มากกว่าในการเกิดสมรรถภาพของตับ ไต หรือหัวใจลดลง และโรคที่เกิดขึ้นพร้อมกัน หรือการรักษาด้วยยาอื่นๆ
ยาเชื้อนั้นมีปฏิกิริยาไวต่อยาไอโซไนอาซิด (isoniazid) และยาไรแฟมพิน (rifampin) ควรใช้ยาไพราซินาไมด์ต่อเนื่องเป็นเวลา 2 เดือนแรกของสูตรการรักษา 6 เดือน (9 เดือนหากมีเชื้อเอชไอวี) หากแสดงให้เห็นถึงการดื้อยาแบบปฐมภูมิ ควรปรับขนาดยาเท่าที่จำเป็น และดำเนินการรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 6 เดือน หรือ 3 เดือน หลังผลการเพาะเชื้อเป็นลบ (9 เดือน หรือ 6 เดือนหลังผลการเพาะเชื้อเป็นลบ หากมีเชื้อเอชไอวี) หากพบว่าดื้อต่อยาหลายชนิด ควรดำเนินการรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 12 ถึง 24 เดือน หลังผลการเพาะเชื้อเป็นลบ
ข้อควรระวัง
การฟอกไต (Dialysis)
ยานี้จะถูกกำจัดออกหากมีการฟอกไต ดังนั้นควรให้ยาหลังจากการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม
คำแนะนำอื่นๆ
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาวัณโรค – มีอาการ
วัณโรค
(ใช้เป็นส่วนหนึ่งของสูตรยาหลายชนิด สูตรการรักษาประกอบด้วยระยะเริ่มแรก 2 เดือน ตามด้วยระยะต่อเนื่อง 4 หรือ 7 เดือน ความถี่ในการใช้ยาขึ้นอยู่กับระยะของการรักษา)
ทารกหรือเด็กที่น้ำหนักน้อยกว่า 40 กก. และวัยรุ่นที่อายุไม่เกิน 14 ปีและมีน้ำหนักน้อยกว่า 40 กก.
ผู้ป่วยที่ไม่ติดเชื้อเอชไอวี
การบำบัดทุกวัน: 15 ถึง 30 มก./กก./ครั้ง (สูงสุด: 2 กรัม/ครั้ง) วันละครั้ง
การรักษาภายใต้การสังเกตอย่างใกล้ชิด (Directly observed therapy): 50 มก./กก./ครั้ง (สูงสุด: 2 กรัม/ครั้ง) สัปดาห์ละสองครั้ง
ผู้ป่วยที่เปิดรับเชื้อหรือติดเชื้อเอชไอวี
การบำบัดทุกวัน: 20 ถึง 40 มก./กก./ครั้ง วันละครั้ง (สูงสุด: 2 กรัม/ครั้ง)
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย