backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

โรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด อาการ สาเหตุ วิธีรักษาและวิธีดูแล

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอนงค์พร ผาภูมิ · พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 29/09/2022

โรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด อาการ สาเหตุ วิธีรักษาและวิธีดูแล

โรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด เป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงชนิดหนึ่งที่พบมากในทารกคลอดก่อนกำหนด หรือทารกที่มีน้ำหนักตัวน้อย อย่างไรก็ตาม การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิดให้มากขึ้น ทั้งอาการที่ควรสังเกต สาเหตุ วิธีรักษาและดูแลที่เหมาะสม อาจช่วยคลายความกังวลให้กับคุณพ่อคุณแม่ได้

โรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด คืออะไร

โรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด (Bronchopulmonary dysplasia : BPD) เป็นโรคที่เกี่ยวกับปัญหาการหายใจและปอดในระยะยาว จัดเป็นภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่เกิดจากปอดของทารกยังพัฒนาไม่เต็มที่ โรคนี้มักพบในทารกที่มีน้ำหนักตัวน้อย ทารกที่คลอดก่อนกำหนด หรือทารกที่มีภาวะหายใจลำบาก (Respiratory distress syndrome : RDS) โดยความรุนแรงของโรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิดมีตั้งแต่ระดับเบาไปจนถึงรุนแรงมาก

ทารกที่เป็นโรคปอดเรื้อรังอาจพบภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ได้

  • ปัญหาสุขภาพที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจต่อเนื่อง
  • เสี่ยงเกิดโรคไข้หวัดธรรมดา โรคไข้หวัดใหญ่ และการติดเชื้ออื่น ๆ ได้ง่าย
  • ปัญหาการกลืน
  • ปัญหาการเจริญเติบโตและพัฒนาการล่าช้า
  • ปัญหาการหายใจในวัยเด็ก และอาจเรื้อรังไปจนถึงวัยผู้ใหญ่

อาการ โรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด

อาการที่พบได้บ่อย มีดังนี้

  • ปัญหาการหายใจ เช่น หายใจเร็ว หายใจสั้น มีเสียงเมื่อหายใจ หน้าอกมีการหดและขยายอย่างชัดเจน
  • อาจหยุดหายใจชั่วขณะ
  • ปีกจมูกขยับแรงกว่าปกติขณะหายใจ
  • อาจมีอาการหายใจหอบ
  • ผิวปลายมือปลายเท้าหรือริมฝีปากมีสีเขียว
  • ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจเพื่อให้ออกซิเจนอย่างต่อเนื่องหลังจากทารกคลอดก่อนกำหนด มีอายุประมาณ 36 สัปดาห์

สาเหตุของโรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด

  • ปัญหาสุขภาพ เช่น ภาวะหายใจลำบาก ภาวะปอดติดเชื้อ ภาวะเลือดออกในปอด
  • การคลอดก่อนกำหนด ทารกที่คลอดก่อนกำหนดยังพัฒนาปอดอย่างไม่เต็มที่ จึงทำให้ปอดอ่อนแอกว่าปกติและอาจบาดเจ็บได้ง่าย เช่น เซลล์ปอดเสียหาย ปอดบาดเจ็บ เนื้อเยื่อภายในปอดอักเสบ เนื้อเยื่อแตกตัวจนเกิดแผลเป็น และเมื่อปอดของทารกมีแผลเป็นก็อาจทำให้หายใจลำบาก
  • สารลดแรงตึงผิวปริมาณต่ำ เป็นสารที่มีหน้าที่ช่วยให้ปอดหดและขยายได้อย่างปกติ ในทารกที่คลอดก่อนกำหนดปอดอาจยังผลิตสารลดแรงตึงผิวไม่เพียงพอ
  • การให้ออกซิเจน การได้รับออกซิเจนในปริมาณมากเกินไปอาจเป็นอันตรายต่อเซลล์ในปอด
  • เครื่องช่วยหายใจ แรงดันจากเครื่องช่วยหายใจอาจเป็นอันตรายต่อปอดของทารกได้

ปัจจัยเสี่ยง ปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด

ปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้ทารกเป็นโรคปอดเรื้อรัง มีดังนี้

  • ทารกคลอดก่อนกำหนด ยิ่งทารกคลอดก่อนกำหนดเร็วเท่าไหร่ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากเท่านั้น
  • น้ำหนักแรกเกิดต่ำ
  • ทารกหายใจลำบากเนื่องจากสารลดแรงตึงผิวมีปริมาณน้อย
  • ภาวะถุงลมโป่งพองในปอด (Pulmonary interstitial emphysema : PIE)
  • โรคหลอดเลือดหัวใจเกิน (Patent ductus arteriosus : PDA)
  • คุณแม่ติดเชื้อขณะตั้งครรภ์ ขณะคลอด หรือหลังคลอด
  • กรรมพันธุ์

การวินิจฉัยโรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด

การวินิจฉัยสามารถทำได้เมื่อทารกคลอดก่อนกำหนดมีอายุครบ 28 วัน ด้วยวิธีดังนี้

  • การเอกซเรย์ทรวงอก เพื่อตรวจสุขภาพของปอด
  • การตรวจเลือด เพื่อตรวจสอบออกซิเจนในเลือดของทารก
  • การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และใช้คลื่นเสียงเพื่อสร้างภาพเคลื่อนไหวของหัวใจ วิธีนี้สามารถแยกแยะข้อบกพร่องของหัวใจ ที่เป็นสาเหตุของปัญหาการหายใจ

การรักษาโรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด

คุณหมอจะต้องประเมินโรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิดที่เกิดขึ้นกับทารกก่อน โดยพิจารณาจากอายุครรภ์ ขอบเขตความรุนแรงของโรค ความอดทนต่อยาของทารก และประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย จากนั้นจึงฟื้นฟูความเสียหายของปอด และรักษาโรคปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิดด้วยวิธีดังต่อไปนี้

  • ใช้เครื่องช่วยหายใจ เพื่อช่วยให้ทารกได้รับออกซิเจนอย่างเพียงพอ
  • ใช้ยา ดังนี้
    • ยาขยายหลอดลม เพื่อช่วยเปิดทางเดินหายใจ
    • ยาสเตียรอยด์ เพื่อช่วยลดอาการอักเสบ
    • ยาขับปัสสาวะ เพื่อช่วยลดของเหลวส่วนเกินในปอด
    • ยาขยายหลอดเลือด เพื่อช่วยลดความดันโลหิตในปอด
    • ยาปฏิชีวนะ เพื่อต่อสู้กับการติดเชื้อ
  • รักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง เช่น กรดไหลย้อน ภาวะความดันโลหิตสูงในปอด
  • ใช้เครื่องอุ่น เช่น เครื่องให้ความอบอุ่นทารกชนิดแผ่รังสี (Radiant Warmer) ตู้อบทารก (Infant Incubator) เพื่อให้ความอบอุ่นแก่ทารกและลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • ควบคุมโภชนาการ เพื่อช่วยให้ร่างกายและปอดของทารกเติบโต
  • สร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันการติดเชื้อในปอด เช่น ไวรัสระบบทางเดินหายใจ (Respiratory syncytial virus : RSV) ไข้หวัดใหญ่ และป้องกันแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อในปอด

การเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองที่ช่วยจัดการกับปอดเรื้อรังในทารกแรกเกิด

การดูแลครรภ์ของคุณให้มีสุขภาพดีอาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงการคลอดก่อนกำหนด หรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นกับทารกได้ ดังนี้

  • ฝากครรภ์และตรวจสุขภาพก่อนคลอดอย่างสม่ำเสมอ
  • รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ
  • ไม่สูบบุหรี่และอยู่ห่างจากควันบุหรี่
  • ไม่ดื่มสุราหรือใช้ยาเสพติด
  • ป้องกันการติดเชื้อ เช่น หมั่นล้างมือให้สะอาด อยู่ไกลผู้ที่ป่วยเป็นโรคติดเชื้ออย่างโรคหวัด โรคโควิด 19 เป็นต้น
  • หากคุณแม่มีปัญหาสุขภาพเรื้อรังหรือมีโรคประจำตัว ควรควบคุมโรคให้ดี
  • หากคุณแม่มีอาการไม่ปกติหรือคาดว่าจะคลอดก่อนกำหนด ควรรีบไปพบคุณหมอเพื่อตรวจครรภ์และรับการรักษาในขั้นต่อไป

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงอนงค์พร ผาภูมิ

พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 29/09/2022

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา