backup og meta

เช็คเบาหวานด้วยตัวเอง ทำอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์ · โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 16/03/2023

    เช็คเบาหวานด้วยตัวเอง ทำอย่างไร

    โรคเบาหวาน คือ ภาวะที่เกิดจากร่างกายผลิตอินซูลินได้ไม่เพียงพอ หรือไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง อาจนำไปสู่การเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น เส้นประสาทส่วนปลายเสื่อม ต้อกระจก ต้อหิน โรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ดังนั้น การ เช็คเบาหวานด้วยตัวเอง จึงอาจช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เลือกรับประทานอาหาร รวมถึงปฏิบัติตัวได้อย่างเหมาะสม ซึ่งอาจช่วยควบคุมอาการ รวมถึงป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้

    เช็คเบาหวานด้วยตัวเอง มีประโยชน์อย่างไร

    การเช็คเบาหวานด้วยตัวเองทำให้ทราบถึงความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานตั้งเเต่ระยะเเรกเริ่ม เพื่อจะได้เข้ารับการรักษาโรครวมทั้งปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานรุนแรงที่อาจตามมา ได้แก่

    • โรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่่ทำให้หลอดเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงหัวใจและหลอดเลือดสมองอุดตัน ซึ่งเป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด มีอาการเจ็บเเน่นหน้าอก  หัวใจวาย และ อัมพฤกษ์ อัมพาต  
  • เบาหวานขึ้นตา เมื่อร่างกายมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเรื้อรังจะทำให้เส้นเลือดที่บริเวณจอประสาทตาเสือม รวมถึงทำให้เลนส์ตาบวม ส่งผลให้เกิดอาการ ตาพร่ามัว และอาจเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจก ต้อหิน และ ตาบอดได้
  • เส้นประสาทเสื่อม ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงทำให้หลอดเลือดและเส้นประสาทบริเวณปลายมือเเละเท้าเสียหาย ส่งผลให้เกิดอาการชา หรือในบางรายมีอาการปวดแสบร้อน และหากมีแผลยังทำให้แผลหายช้าอีกด้วย
  • วิธีเช็คเบาหวานด้วยตัวเอง

    วิธีตรวจเบาหวานง่าย ๆ เบื้องต้น สามารถทำได้โดยหมั่นสังเกตสุขภาพของตนเอง โดยผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงอาจมีอาการดังต่อไปนี้

    • กระหายน้ำบ่อย
    • หิวบ่อย
    • ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะตอนกลางคืน
    • น้ำหนักลดผิดสังเกต
    • เหนื่อยล้า อ่อนเพลียง่าย รู้สึกไม่สดชื่น
    • แผลหายช้า
    • ตามัว มองเห็นไม่ชัดเจน
    • ชาปลายมือ ปลายเท้า

    นอกจากการสังเกตอาการเเล้ว อาจทำการตรวจระดับน้ำตาลเบื้องต้นเองด้วยเครื่องตรวจน้ำตาลปลายนิ้ว ซึ่งจะทำให้ทราบค่าระดับน้ำตาลว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่

    วิธีตรวจระดับน้ำตาลในเลือดด้วยเครื่องตรวจน้ำตาลปลายนิ้ว

    การตรวจน้ำตาลในเลือดด้วยชุดเครื่องตรวจน้ำตาลปลายนิ้ว สามารถทำได้ ดังนี้

    1. ล้างมือให้สะอาด และเช็ดให้แห้ง
    2. เปิดเครื่องตรวจน้ำตาลปลายนิ้วและนำแถบแบบทดสอบระดับน้ำตาลสอดเข้ากับเครื่องตรวจ
    3. ทำความสะอาดนิ้วปลายนิ้วที่จะเจาะเลือด ด้วยแอลกอฮอล์
    4. ใช้ชุดเข็มสำหรับเจาะเลือดปลายนิ้ว เจาะเลือดที่ปลายนิ้วมือและบีบปลายนิ้วเบา ๆ ให้เลือดหยดลงบนแถบกระดาษทดสอบ
    5. ทำความสะอาดปลายนิ้วมือที่เจาะเลือดและปิดแผลเบา ๆ เพื่อห้ามเลือด
    6. ค่าระดับน้ำตาลในเลือดจะปรากฏขึ้นบนจอ
    7. แนะนำให้ทำการจดบันทึกค่าน้ำตาลในเเต่ละครั้ง รวมถึงช่วงเวลาที่ทำการตรวจ เช่น ก่อน/หลังจากรับประทานอาหาร หลังการออกกำลังกาย เพิ่อเป็นข้อมูลเพิ่มเติมประกอบการพิจารณา เมื่อไปพบคุณหมอ

    การแปลผลอ่านค่าระดับน้ำตาลในเลือด

    การแปลผลค่าระดับน้ำตาลในเลือด อาจแตกต่างกันออกไปตามวิธีการตรวจ ดังนี้

    • การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดแบบสุ่ม เป็นการตรวจโดยที่ไม่ต้องงดอาหารและเครื่องดื่ม สามารถตรวจในช่วงเวลาใดก็ได้ หากค่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร แสดงถึงมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นหนึ่งในเกณฑ์การวินิจจัยโรคเบาหวาน
    • การตรวจระดับน้ำตาลในเลือดแบบอดอาหาร การตรวจวิธีนี้ผู้ที่เข้ารับการตรวจจะต้องงดอาหารและเครื่องดื่มที่ให้พลังงานเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง โดยสามารถแปลผลได้ 3 ระดับคือ 
      • ระดับปกติ – ค่าระดับน้ำตาลน้อยกว่า 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
      • ภาวะก่อนเบาหวาน/เสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน – ค่าระดับน้ำตาลอยู่ระหว่าง 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
      • โรคเบาหวาน –  ค่าระดับน้ำตาลสูงตั้งเเต่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เป็นต้นไป

    การป้องกันโรคเบาหวาน

    การป้องกันโรคเบาหวาน สามารถทำได้ดังนี้

    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ เน้นการรับประทานผัก ผลไม้ พืชตระกูลถั่ว ธัญพืชไม่ขัดสี ไขมันดี เช่น มะเขือเทศ พริก บร็อคโคลี่ หัวกะหล่ำ ขนมปังโฮลวีต เมล็ดทานตะวัน อัลมอนด์ ปลาแซลมอน ปลาทู และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีน้ำตาลสูง เช่น โดนัท น้ำอัดลม เค้ก มันฝรั่ง ไอศกครีม ขนมปังขาว ฟักทอง แตงโม
    • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที หรือ 150 นาที/สัปดาห์ โดยเเนะนำให้การออกกำลังกายแบบแอโรบิค ที่มีความเหนื่อยระดับกลาง เช่น เดิน วิ่งเหยาะๆ ปั่นจักรยาน เพราะ นอกจากการออกกำลังกายช่วยทำให้ร่างกายเเข็งเเรงโดยรวมเเล้ว ยังช่วยเพิ่มความไวต่ออินซูลิน ทำให้สามารถจัดการกับน้ำตาลในเลือดได้ดียิ่งขึ้นด้วย
    • หมั่นตรวจระดับน้ำตาลในเลือด และควรเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์

    โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 16/03/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา