backup og meta

โรคกลัวที่แคบ สาเหตุ อาการ และการรักษา

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 13/09/2023

    โรคกลัวที่แคบ สาเหตุ อาการ และการรักษา

    ทุกคนล้วนมีความกลัวอยู่ภายในจิตใจที่เก็บเป็นความลับเอาไว้ สำหรับบางคนอาจกลัวความมืดจนต้องเปิดไฟทั้งวันทั้งคืน บางคนมีอาการกลัวรูเพียงแค่เห็นภาพก็ชวนขนลุก รวมถึง โรคกลัวที่แคบ นี้ด้วย โรคเหล่านี้หลายคนอาจไม่ให้ความสำคัญทั้งที่จริงแล้วสามารถส่งผลกระทบต่อชีวิตในด้านอื่นๆ ได้ด้วย ควรหาวิธีรับมือกับโรครวมทั้งรักษาให้หายขาดเพื่อสุขภาพชีวิตที่ดี

    โรคกลัวที่แคบ (Claustrophobia) คือ

    โรคกลัวที่แคบ (Claustrophobia)  คือ กลุ่มอาการวิตกกังวลผิดปกติ เป็นโรคเฉพาะเจาะจงรายบุคคล เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกให้อยู่คนเดียวในบริเวณที่ปิดล้อม และในพื้นที่แออัด เช่น ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ หรืออยู่ในลิฟต์ที่เต็มไปด้วยคนเยอะๆ ซึ่งส่งผลให้รู้สึกไม่สบายใจ หายใจไม่สะดวก หรือเริ่มมีอาการหงุดหงิด เมื่อต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลี่ยงไม่ได้

    สาเหตุที่ทำให้เป็นโรคกลัวที่แคบ 

    สาเหตุสำคัญของการเป็นโรคกลัวที่แคบอาจเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของ อะมิกดะลา (Amygdala) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสมองที่ควบคุมความรู้สึกกลัวหวาดระแวง และอาจเกี่ยวข้องกับความทรงจำในอดีตที่ทำให้สะเทือนต่อจิตใจ

    บางครั้งความกลัวที่แคบสามารถเริ่มต้นได้จากเหตุการณ์ในวัยเด็กที่ทำให้ฝังใจ เนื่องจากตอเยาว์วัยจิตใจของเด็กนั้นค่อนข้างอ่อนไหวง่ายต่อสิ่งรอบข้าง เช่น

  • การถูกกลั่นแกล้ง
  • การถูกกักขัง
  • อุบัติเหตุที่ทำให้จำเป็นต้องติดในที่แคบแห่งนั้น เช่น ลิฟต์ค้าง
  • และยังส่งผลให้รู้สึกกลัวบริเวณที่มีพื้นที่จำกัดเมื่อพบเห็น ไม่ว่าจะเป็น ลิฟต์ อุโมงค์ ตู้เสื้อผ้า รถไฟได้ดิน ห้องเล็กๆ เป็นต้น

    อาการที่บ่งบอกว่าเป็นโรคกลัวที่แคบ

    • เหงื่อออก ตัวสั่น
    • อัตราการเต้นของหัวใจแรงขึ้น
    • ความดันโลหิตสูง
    • วิงเวียนศีรษะและมึนหัว
    • ริมฝีปากซีดแห้ง
    • แน่นหน้าอกหายใจไม่สะดวก
    • ท้องไส้ปั่นป่วน

    อาการข้างต้นสามารถหายเองได้ ภายใน 5-30 นาที หัดสังเกตอาการของตนเองให้ถี่ถ้วนว่าอยู่ในภาวะที่รุนแรงหรือไม่ เพื่อรับการรักษาได้ทันท่วงที

    วิธีรักษาให้หายขาดจากโรคกลัวที่แคบ

    • เข้ารับการรักษาด้วยการบำบัดจิตใจที่ผิดปกติ (CBT) : นักจิตวิทยาจะสอนให้รู้จักควบคุมอารมณ์ความรู้สึกและเปลี่ยนวิธีการคิดให้จากลบเป็นบวก การบำบัดนี้ยังเหมาะกับผู้ที่มีภาวะซึมเศร้าอีกด้วย
    • การบำบัดเชิงอารมณ์ด้วยเหตุและผล (REBT) : เป็นการบำบัดควบคู่กับ (CBT) ตามโปรแกรมการบำบัดของนักจิตวิทยา
    • ผ่อนคลายผ่านการมองเห็น : หารูปภาพหรือออกไปอยู่ในพื้นที่ที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ เช่น การมองรูปภาพหรือมองออกข้างนอกที่มีวิวทิวทัศน์กว้างขวาง
    • การรับประทานยาตามที่จำหน่ายโดยแพทย์ : ยาแก้โรคซึมเศร้า

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 13/09/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา