backup og meta

ตัดมดลูกทิ้ง ผลกระทบ ต่อร่างกาย มีอะไรบ้าง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 09/06/2023

    ตัดมดลูกทิ้ง ผลกระทบ ต่อร่างกาย มีอะไรบ้าง

    การผ่าตัดเอามดลูกออก (Hysterectomy) เป็นวิธีรักษาภาวะสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง  เช่น โรคมะเร็งทางนรีเวช ภาวะเนื้องอกมดลูก ที่ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่นได้ การ ตัดมดลูกทิ้ง มีผลกระทบต่อร่างกายหลายประการ จึงควรศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน และปรึกษาคุณหมอเกี่ยวกับการป้องกันและการรับมือกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างเหมาะสม

    ตัดมดลูกทิ้ง ทำในกรณีใดบ้าง

    การผ่าตัดมดลูกทิ้ง อาจใช้เมื่อมีปัญหาสุขภาพดังต่อไปนี้

    • เนื้องอกในมดลูก (เป็นกรณีที่พบบ่อยที่สุด)
    • โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis)
    • โรคมดลูกโตจากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ (Adenomyosis)
    • ปัญหาเกี่ยวกับอุ้งเชิงกราน เช่น ภาวะมดลูกหย่อน (Uterine prolapse) อาการปวดเชิงกรานเรื้อรัง
    • ภาวะเลือดออกผิดปกติจากโพรงมดลูก (Abnormal uterine bleeding)
    • โรคมะเร็งทางนรีเวช เช่น โรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งโพรงมดลูก โรคมะเร็งรังไข่ โรคมะเร็งมดลูก

    ประเภทของการผ่าตัดมดลูก

    ประเภทของการผ่าตัดมดลูก อาจแบ่งออกได้ดังนี้

    • การตัดมดลูกทั้งหมด (Total Hysterectomy) เป็นการตัดมดลูกและปากมดลูกทั้งหมดออก โดยยังเก็บส่วนของรังไข่เอาไว้
    • การตัดออกเฉพาะมดลูก (Supracervical Hysterectomy) เป็นการตัดเฉพาะส่วนบนของมดลูก โดยไม่ตัดปากมดลูกออกไปด้วย คุณหมออาจผ่าตัดเอาเฉพาะมดลูกออกผ่านหน้าท้องหรือทางช่องคลอด
    • การผ่าตัดนำมดลูก ปากมดลูก ท่อนำไข่ และปีกมดลูกทั้งหมด (Total Hysterectomy with Bilateral Salpingo-Oophorectomy) เป็นการผ่าตัดที่นำอวัยวะหลายส่วนในระบบสืบพันธุ์เพศหญิงออก ส่งผลต่อการทำงานของฮอร์โมนเพศหญิงและทำให้ไม่สามารถมีบุตรได้อีก ผู้ที่ยังไม่เข้าสู่ภาวะหมดประจำเดือน จะเริ่มมีอาการของภาวะหมดประจำเดือนหลังรับการผ่าตัดประเภทนี้
    • การตัดมดลูกแบบถอนราก (Radical Hysterectomy with bilateral salpingo-oophorectomy) เป็นการผ่าตัดนำมดลูก รังไข่ ท่อนำไข่ เนื้อเยื่อรอบ ๆ มดลูก รวมไปถึงต่อมน้ำเหลืองโดยรอบออก เพื่อรักษาโรคมะเร็งทางนรีเวชในระยะลุกลาม

    ตัดมดลูกทิ้ง ผลกระทบ ต่อร่างกาย มีอะไรบ้าง

    หลังการผ่าตัดมดลูก อาจมีอาการดังต่อไปนี้

  • มีของเหลวไหลออกจากช่องคลอด เป็นผลกระทบที่พบได้บ่อยที่สุดหลังผ่าตัด ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้นานถึง 6 สัปดาห์
  • แผลผ่าตัดระคายเคือง อาจมีอาการคัน ระคายเคืองบริเวณที่ผ่าตัด
  • มีภาวะหมดประจำเดือน ผู้ที่ผ่าตัดมดลูกทิ้งและตัดรังไข่ทั้ง 2 ข้างอาจจะมีอาการของภาวะหมดประจำเดือน เช่น ร้อนวูบวาบ ช่องคลอดแห้ง หมดอารมณ์ทางเพศ นอนไม่หลับ เนื่องจากร่างกายไม่มีรังไข่ที่หลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนอีกต่อไป คุณหมอจะพูดคุยกับผู้รับการผ่าตัดถึงทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสมเพื่อหลีกเลี่ยงอาการที่กล่าวมาข้างต้น
  • มีความเสี่ยงสุขภาพเพิ่มขึ้น สำหรับผู้ที่ผ่าตัดมดลูกทิ้งโดยไม่เก็บรังไข่ทั้ง 2 ข้างเอาไว้ อาจมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะสุขภาพบางประการเพิ่มขึ้นเนื่องจากขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน เช่น โรคหัวใจ โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) โรคไขมันในเลือดสูง โรคอัลไซเมอร์ ภาวะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่
  • นอกจากนี้ การผ่าตัดมดลูกทิ้ง ยังอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนบางประการซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้จากการผ่าตัดทั่วไป เช่น

    • การเกิดลิ่มเลือดอุดตัน
    • การติดเชื้อรุนแรง
    • ภาวะเลือดออกมาก
    • ภาวะลำไส้อุดตัน
    • แผลภายในฉีกขาด
    • การบาดเจ็บของระบบทางเดินปัสสาวะ
    • ปัญหาเกี่ยวกับการใช้ยาสลบ เช่น อาการเจ็บคอจากการใช้ท่อหายใจ ผลข้างเคียงของยาสลบอย่างอาการคลื่นไส้อาเจียน อาการสับสนมึนงง

    การพักฟื้นหลังตัดมดลูกทิ้ง

    ผู้เข้ารับการผ่าตัดมดลูกอาจต้องพักอยู่ในห้องพักฟื้นต่ออีกประมาณ 1-2 ชั่วโมง และต้องนอนค้างคืนที่โรงพยาบาลอย่างน้อย 2-3 คืน ระยะฟื้นตัวจากการผ่าตัดมดลูกของผู้ป่วยแต่ละคนอาจขึ้นอยู่กับวิธีรักษาและการดูแลตัวเอง โดยทั่วไป หลังผ่าตัดมดลูก ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการยกของหนัก พักผ่อนให้เพียงพอ และงดการมีเพศสัมพันธ์ เป็นเวลาอย่างน้อย 3-6 เดือน เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวจากการผ่าตัดได้ดีขึ้น

    ระยะฟื้นตัวหลังผ่าตัดมดลูก อาจมีดังนี้

    • การผ่าตัดทางหน้าท้อง อาจใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 4-6 สัปดาห์
    • การผ่าตัดทางช่องคลอด การผ่าตัดส่องกล้อง หรือการผ่าตัดด้วยหุ่นยนต์ อาจใช้เวลาฟื้นตัวประมาณ 3-4 สัปดาห์

    ทั้งนี้ การตัดมดลูกทิ้งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างต่อทั้งร่างกายและสภาพจิตใจ จึงควรปรึกษาคุณหมอเพื่อรับข้อมูลประกอบการตัดสินใจเพิ่มเติม และศึกษาผลกระทบของการผ่าตัดอย่างรอบด้าน ในบางกรณี การรักษาอาจทำได้ด้วยการไปพบคุณหมอตามนัดหมายเพื่อตรวจสอบว่าภาวะสุขภาพสามารถดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัดได้หรือไม่ บางรายก็อาจรอจนกระทั่งไม่ต้องการมีบุตรเพิ่มแล้วจึงค่อยเข้ารับการตัดมดลูก แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับภาวะสุขภาพของผู้ป่วยด้วยเช่นกัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 09/06/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา