3. ถุงยางอาจมีรูรั่ว หรือผลิตมาไม่ดี
ถุงยางอนามัยถือเป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ประเภท 2 (Class II Medical Devices) ซึ่งหมายความว่า การผลิตถุงยางอนามัยได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด ดังนั้น ถุงยางอนามัยจึงต้องได้มาตรฐานอุตสาหกรรมซึ่งรับรองจากองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ ถุงยางอนามัยยังต้องได้รับการทดสอบรูรั่วและข้อบกพร่องอื่น ๆ ในขั้นตอนการผลิต ปัญหาถุงยางมีรูรั่วหรือผลิตมาไม่ดีนั้นพบได้ยากเพราะโดยปกติแล้วปัญหาถุงยางรั่วซึมมักเกิดจากถุงยางหมดอายุหรือเก็บไว้ในที่ร้อนจัด
4. ถุงยางอนามัยใช้ยาก และทำให้ไม่สะดวก
มีความเชื่อว่าถุงยางอนามัยใช้ยากและอาจส่งผลต่อให้การมีเพศสัมพันธ์ต้องสะดุด แต่ความจริงแล้ว การใช้ถุงยางอนามัยไม่ได้รบกวนช่วงเวลาแห่งความสุข เนื่องจาก ถุงยางอนามัยมีหลายลักษณะให้เลือกใช้ ทั้งสี ผิวสัมผัส รวมถึงรสชาติต่าง ๆ ซึ่งมักช่วยสร้างความพึงพอใจและเพิ่มความสุขขณะมีเพศสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม หากสวมใส่ถุงยางอนามัยแล้วรู้สึกอึดอัด อาจเป็นเพราะเลือกถุงยางอนามัยผิดขนาด สิ่งสำคัญคือ ควรฝึกใส่ถุงยางให้ถูกวิธีเพื่อประสิทธิภาพการใช้งานสูงสุด
5. ถุงยางอนามัยป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์
ความจริงแล้วไม่มีวิธีการคุมกำเนิดใดที่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ แต่การใช้ถุงยางอนามัยถือว่าเป็นอุปกรณ์การคุมกำเนิดที่มีประสิทธิภาพสูงและอาจช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ อย่างไรก็ตาม ควรซื้อถุงยางอนามัยจากยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ และควรตรวจสอบรายละเอียดถุงยางก่อนใช้งาน ดังนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย