
กาแฟนั้นเป็นหนึ่งในเครื่องดื่ม ที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั่วโลก หลายคนที่ดื่มกาแฟนั้นไม่ได้เพียงแค่หวังผลจากคาเฟอีนที่ช่วยให้ตื่นตัว แต่ยังอาจดื่มเพราะชื่นชอบในรสชาติของกาแฟอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม คนบางคนอาจจะไม่สามารถดื่มกาแฟได้ เพราะดื่มทีไร ก็ต้องรู้สึกคลื่นไส้ตามมาทุกที วันนี้ Hello คุณหมอ จะมาช่วยไขข้อข้องใจ ว่าทำไมบางคนถึงมีอาการ ดื่มกาแฟแล้วคลื่นไส้ กันแน่นะ
สาเหตุที่ทำให้เรา ดื่มกาแฟแล้วคลื่นไส้
สาเหตุที่ทำให้เรามีอาการคลื่นไส้เมื่อดื่มกาแฟ สามารถแยกออกได้เป็นสาเหตุหลักๆ ดังนี้
คาเฟอีน
หนึ่งในสาเหตุที่พบได้บ่อยของอาการคลื่นไส้จากการดื่มกาแฟ เป็นเพราะคาเฟอีนที่มีอยู่มากในกาแฟนั่นเอง ร่างกายของคนเรานั้น จะมีความไวต่อคาเฟอีน (Caffeine sensitivity) ไม่เท่ากัน บางคนอาจจะสามารถดื่มกาแฟได้เยอะๆ โดยที่ไม่ได้รู้สึกถึงผลข้างเคียงที่มาจากคาเฟอีนเลย ในขณะที่บางคน แค่จิบกาแฟเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะเกิดใจสั่น ปวดหัว และคลื่นไส้ได้
ความไวต่อคาเฟอีนนั้น อาจทำให้ผู้ที่ได้รับคาเฟอีนแม้เพียงเล็กน้อย ก็สามารถเกิดอาการคล้ายกับผู้ที่บริโภคคาเฟอีนมากเกินขนาด (Caffeine Overdose)
อาการของการบริโภคคาเฟอีนเกินขนาดนั้น อาจมีตั้งแต่ อาการเบาๆ ที่ไม่เป็นอันตราย อย่างเช่น
- วิงเวียน
- กระหายน้ำ
- นอนไม่หลับ
- ปวดหัว
- ท้องเสีย
- คลื่นไส้
ไปจนถึงอาการที่รุนแรง และควรติดต่อรับการรักษาในทันที เช่น
- หายใจไม่ออก
- อาเจียน
- มองเห็นภาพหลอน
- สับสน
- เจ็บหน้าอก
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- ชัก
การป้องกัน หนทางในการป้องกันอาการคลื่นไส้ที่มาจากคาเฟอีนในกาแฟ คือการบริโภคกาแฟในปริมาณที่พอเหมาะ และอย่าดื่มกาแฟปริมาณมากๆ ในคราวเดียว หรือหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟขณะท้องว่าง เพราะเมื่อเราท้องว่าง เราก็จะสามารถดูดซึมคาเฟอีนในกาแฟได้มากกว่าปกติ
ส่วนผู้ที่มีความไวต่อคาเฟอีนมาก แต่ยังอยากดื่มกาแฟ ก็อาจมองหาทางเลือกเป็นกาแฟที่ไม่มีคาเฟอีน หรืออาจจะรับประทานอาหารให้พลังงานในรูปแบบอื่นๆ เช่น อาหารที่ให้คาร์โบไฮเดรตสูง ก็สามารถทำให้เรารู้สึกสดชื่นได้ โดยไม่ต้องระวังผลข้างเคียงจากคาเฟอีน
กรดเกินในกระเพาะ
จริงๆ แล้ว กาแฟนั้นมีความเป็นกรดมากกว่าที่หลายคนคิด เมื่อความเป็นกรดในกาแฟนั้นไปเจอกับกรดในกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะหากเราดื่มกาแฟในขณะที่หิวจัด หรือท้องว่าง อาจจะทำให้ในระบบทางเดินอาหารมีกรดมากจนเกินไป ทำให้เกิดความระคายเคืองในทางเดินอาหาร แล้วอาจนำไปสู่อาการต่างๆ ได้ เช่น
- คลื่นไส้
- อาเจียน
- ท้องไส้ปั่นป่วน
- แสบร้อนกลางอก
- กรดไหลย้อน
การป้องกัน การป้องกันไม่ให้ในทางเดินอาหารมีกรดมากเกินไปจากการดื่มกาแฟ คือควรพยายามหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟขณะท้องว่าง แต่ควรมีอาหารรองท้องเช่น ขนมปัง หรือเค้ก อยู่ก่อนแล้วแล้วจึงค่อยดื่มกาแฟ นอกจากนี้ก็ควรค่อยๆ จิบกาแฟอย่างช้าๆ ไม่ใช่ดื่มพรวดเดียวจนหมด เพื่อให้ร่างกายสามารถรับมือกับกรดที่อยู่ในกาแฟได้อย่างเหมาะสม
ภาวะการย่อยน้ำตาลแลคโตสผิดปกติ (Lactose intolerance)
โดยส่วนใหญ่แล้ว คนไทยมักจะนิยมดื่มกาแฟเย็นที่มีส่วนผสมของนม เพื่อช่วยเจือจางไม่ให้กาแฟมีรสเข้มจนเกินไป แต่นมที่อยู่ในกาแฟนั้นก็อาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เราเกิดอาการคลื่นไส้ได้เช่นกัน
แลคโตส (Lactose) หรือที่บางคนเรียกว่าน้ำตาลนม เป็นน้ำตาลที่สามารถพบในน้ำนมของสัตว์ต่างๆ เช่น นมวัว หรือนมแพะ โดยปกติแล้วร่างกายของเราจะสามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสได้ โดยใช้เอนไซม์ที่สามารถพบได้ในลำไส้ แต่หลายๆ คนอาจจะมีภาวะการย่อยน้ำตาลแลคโตสผิดปกติ ทำให้ร่างกายไม่สามารถย่อยน้ำตาลแลคโตสได้ หรือย่อยได้ไม่ดีพอ
อาการที่พบได้บ่อยของภาวะการย่อยน้ำตาลแลคโตสผิดปกติคือ
- คลื่นไส้
- ท้องเสีย
- อาเจียน
- ท้องอืด
- เรอเปรี้ยว
- ปวดท้อง
การป้องกัน การป้องกันอาการคลื่นไส้ที่มาจากภาวะการย่อยน้ำตาลแลคโตสผิดปกติเมื่อดื่มกาแฟ คือการเลือกดื่มกาแฟดำที่ไม่ใส่นม หรืออาจจะเลือกนมใส่กาแฟที่ไม่มีน้ำตาลแลคโตส ที่สามารถพบซื้อได้ทั่วไปตามร้านสะดวกซื้อ การดื่มกาแฟพร้อมกับขนมปัง หรืออาหารรองท้อง ก็สามารถช่วยลดอาการคลื่นไส้ได้เช่นกัน
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด