โภชนาการเพื่อสุขภาพ

"You are what you eat" อาหารที่คุณรับประทาน มีความสำคัญอย่างมาก ต่อสุขภาพร่างกายของคุณ แต่น่าเสียดายที่ยังคงมีความเชื่อผิด ๆ เกี่ยวกับ โภชนาการเพื่อสุขภาพ อยู่มากมาย ดังนั้น การแยกแยะข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ

เรื่องเด่นประจำหมวด

โภชนาการเพื่อสุขภาพ

สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม

สมุนไพรลดน้ำหนัก เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยดี ๆ สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะสารสกัดในสมุนไพรบางชนิดอาจช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ร่างกายเผาผลาญไขมันที่สะสมได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดและปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคทุกครั้ง [embed-health-tool-bmi] สมุนไพรลดน้ำหนัก ตัวช่วยดี ๆ สำหรับคนอยากผอม ขมิ้นชัน สรรพคุณ สารเคอร์คูมิน (Curcumin) ในขมิ้นชัน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล มีสรรพคุณช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญภายในร่างกาย ทำให้ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น สมุนไพรขมิ้นชันจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนัก ผลข้างเคียง หากรับประทานขมิ้นชันในปริมาณสูงติดต่อกัน อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย คลื่นไส้และอาเจียน  ขิง สรรพคุณ สารซิงเจอโรน (Zingerone) ในขิง เป็นสารประกอบที่มีรสชาติเผ็ดร้อน ดังนั้นจึงมีความสามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมได้ อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบเผาผลาญภายในร่างกาย นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยลดความอยากอาหาร ทำให้สามารถควบคุมปริมาณในแต่ละวันได้อย่างเหมาะสม ผลข้างเคียง ขิงเป็นสมุนไพรฤทธิ์ร้อน หากรับประทานในปริมาณที่มากเกินไป อาจส่งผลต่อระบบทางเดินอาหารได้  แนะนำรับประทานไม่เกินวันละ 4 กรัม และในสตรีมีครรภ์ไม่เกินวันละ 1 กรัม  ส้มแขก สรรพคุณ หลายคนมักรับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่มีสารสกัดจากส้มแขก เนื่องจากส้มแขกมีกรดมีกรดไฮดรอกซีซิตริก (Hydroxycitric Acid: HCA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการเผาผลาญไขมันภายในร่างกาย และยังมีสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ทำให้รู้สึกหิวน้อยลง  ผลข้างเคียง เวียนศีรษะ ปากแห้ง ปวดศีรษะ ปวดท้อง ท้องเสีย  เม็ดแมงลัก […]

หมวดหมู่ โภชนาการเพื่อสุขภาพ เพิ่มเติม

สำรวจ โภชนาการเพื่อสุขภาพ

ข้อมูลโภชนาการ

หัวปลี สารอาหารสำคัญ สรรพคุณทางยา และประโยชน์ของหัวปลี

หัวปลี เป็นส่วนดอกของต้นกล้วย เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ปลีกล้วย คนไทยมักจะนำหัวปลีมาประกอบเป็นเมนูอาหารต่าง ๆ ช่วยเสริมรสชาติให้กับเมนูอาหาร ทั้งยังอุดมด้วยคุณประโยชน์มากมาก และมีสรรพคุณทางยาที่ดีต่อสุขภาพอีกด้วย [embed-health-tool-bmi] สารอาหารสำคัญใน หัวปลี ปลีกล้วยหรือหัวปลี มีสารอาหารสำคัญ ดังนี้ แคลเซียม  ธาตุเหล็ก  ฟอสฟอรัส  แมกนีเซียม  โปรตีน  วิตามินซี  เบตาแคโรทีน ประโยชน์จากหัวปลี หัวปลีเป็นส่วนที่มีประโยชน์ต่อร่างกายทุกเพศทุกวัย เช่น  ปลีกล้วยมีสารซาโปนิน (Saponins) และแทนนิน(Tannins) ช่วยเพิ่มระดับฮอร์โมนโปรแลคติน ในทางการแพทย์แผนไทย  อุดมด้วยแคลเซียม ที่มากกว่ากล้วยสุกถึง 4 เท่า ดีต่อกระดูกและฟัน อาจช่วยบรรเทาอาการของโรคกระเพาะอาหารและลำไส้ หัวปลีเป็นผักฤทธิ์เย็น ดีต่อสุขภาพในช่วงหน้าร้อน ปรับสมดุลร่างกายให้เย็นขึ้น ช่วยแก้อาการร้อนในได้ มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงการเกิดโรคมะเร็ง ดีต่อผิวพรรณ ชะลอการเกิดริ้วรอย มีสารแมกนิเซียมที่ช่วยปรับสมดุลของสภาวะทางอารมณ์ ช่วยบรรเทาอาการเศร้า  มีสารเอทานอล ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและเชื้อโรคได้ ประโยชน์ที่สำคัญของหัวปลียังดีต่อแม่ตั้งครรภ์และแม่หลังคลอด ดังนี้  ช่วยในการบำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์หรือคุณแม่หลังคลอด มีสรรพคุณทางยา กระตุ้นต่อมน้ำนม ให้ร่างกายแม่ตั้งครรภ์สร้างน้ำนมหลังคลอด จึงควรรับประทานเมนูหัวปลีหลังคลอดเพื่อช่วยขับน้ำนม ตัวอย่างเมนูจากหัวปลี หัวปลีมีรสฝาด สามารถกินสด ๆ ได้ […]


ข้อมูลโภชนาการ

เลือดจาง กิน วิตามิน อะไร เพื่อบำรุงและกระตุ้นการไหลเวียนเลือด

ผู้ที่มีปัญหาเลือดจาง อาจต้องการทราบว่า เลือดจาง กิน วิตามิน อะไร จึงจะช่วยบำรุงเซลล์เม็ดแดงให้แข็งแรง โดยทั่วไป โรคเลือดจางจากการขาดวิตามิน มักเกิดจากการขาดวิตามินบี 12 ซึ่งเป็นวิตามินที่ละลายในน้ำซึ่งพบอยู่ในอาหารบางชนิด ผู้ที่เป็นโรคเลือดจางจึงควรรับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์ นม ไข่ โยเกิร์ต เครื่องในสัตว์ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ ควรรับประทานอาหารที่หลากหลายและถูกหลักโภชนาการเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายและระบบภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงเป็นโรคอื่น ๆ ได้ด้วย [embed-health-tool-bmr] โรคเลือดจางเกิดจากอะไร โรคเลือดจาง (Anaemia) เกิดขึ้นเมื่อร่างกายมีปริมาณเซลล์เม็ดเลือดแดงที่แข็งแรงไม่เพียงพอหรือมีปริมาณฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงต่ำผิดปกติ ส่งผลให้ไม่สามารถนำพาออกซิเจนและสารอาหารไปยังอวัยวะต่างๆ ของร่างกายได้ตามปกติ ซึ่งเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การขาดธาตุเหล็ก การขาดวิตามินบี 12 การติดเชื้อ ไขกระดูกไม่สามารถสร้างเม็ดเลือดได้อย่างเหมาะสม โดยทั่วไป อาการของโรคเลือดจางแตกต่างกันไปตามสาเหตุและความรุนแรงของโรค สำหรับโรคเลือดจางจากการขาดวิตามินบี 12 หรือโฟเลต (Folate) เกิดจากร่างกายขาดวิตามินบี 12 จนส่งผลให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดแดงขนาดใหญ่มากผิดปกติจนเซลล์เม็ดเลือดแดงไม่สามารถทำงานได้ โรคเลือดจาง มีอาการอย่างไร ผู้ที่เป็นโรคเลือดจางจากการขาดวิตามินบี 12 หรือโฟเลต มักมีอาการดังต่อไปนี้ อ่อนเพลียรุนแรง ไม่มีแรงทำอะไร รู้สึกชาเหมือนถูกเข็มทิ่ม เจ็บลิ้น ลิ้นแดง ปากมีแผลเปื่อย กล้ามเนื้ออ่อนแรง ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต เช่น […]


ข้อมูลโภชนาการ

ปากนกกระจอกขาดวิตามินอะไร ควรรับประทานอาหารแบบไหน

ปากนกกระจอกขาดวิตามินอะไร ? โดยทั่วไป นอกจากจะมีสาเหตุจากการติดเชื้อราหรือแบคทีเรียบางชนิดแล้ว ปากนกกระจอกเกิดได้จากการขาดวิตามินบี 2 ซึ่งทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน สุขภาพผิวหนัง และเส้นผม หากเป็นปากนกกระจอก ควรรับประทานอาหารประเภทไข่ ผลิตภัณฑ์จากนม เนื้อสัตว์ ผักใบเขียว และธัญพืช เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็นและเพียงพอ [embed-health-tool-bmi] ปากนกกระจอก คืออะไร โรคปากนกกระจอก (Angular Cheilitis) เป็นปัญหาสุขภาพผิวที่เกิดจากผิวหนังอักเสบ ทำให้บริเวณมุมปากมีแผลเปื่อย มีรอยแดง แห้งแตก ลอก คัน หรือบวมร่วมด้วย จนรู้สึกเจ็บ อาจเป็นด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้ง 2 ด้าน ผู้ที่เป็นปากนกกระจอกจะรู้สึกว่าปากแห้งมาก บางครั้งรู้สึกแสบร้อน หรือมีรสชาติแปลก ๆ อยู่ในปาก ในบางรายที่แผลมีอาการรุนแรง เช่น มีเลือดออก อาจทำให้ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ จนถึงขั้นไม่อยากอาหาร ส่งผลให้ร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ หรือน้ำหนักลดลงได้ ปากนกกระจอกขาดวิตามินอะไร โรคปากนกกระจอกที่มีสาเหตุมาจากการขาดวิตามิน มักเกิดจากร่างกายขาดวิตามินบี 2 ซึ่งเป็นวิตามินที่มีบทบาทในการสร้างพลังงาน ช่วยในการทำงานของเซลล์ ส่งเสริมการเจริญเติบโตและพัฒนาการของร่างกาย การให้นมบุตร การสืบพันธุ์ รวมทั้งช่วยในการเผาผลาญไขมัน ยา และสเตียรอยด์ แหล่งอาหารที่มีวิตามินบี 2 ตัวอย่างอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี 2 มีดังนี้ […]


ข้อมูลโภชนาการ

ภูมิแพ้ผิวหนัง กิน วิตามิน อะไร เพื่อบำรุงผิวและบรรเทาอาการ

ภูมิแพ้ผิวหนัง กิน วิตามิน อะไร เพื่อช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรงและลดการอักเสบ คัน ระคายเคือง คำตอบคือ ควรกินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามินซี วิตามินดี โดยวิตามินซีมักพบมากในผักตระกูลกะหล่ำ ผลไม้ตระกูลส้ม มะเขือเทศ มะขามป้อม ส่วนวิตามินดีมักพบมากน้ำมันตับปลา ตับวัว ไข่แดง [embed-health-tool-bmi] ภูมิแพ้ผิวหนัง กิน วิตามิน อะไร ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ผิวหนัง ควรกินวิตามินวิตามินซีและวิตามินดี สำหรับวิตามินซี ถือเป็นวิตามินที่ช่วยลดการหลั่งฮิสตามีน (Histamine) ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสร้างขึ้นและก่อให้เกิดการอักเสบและอาการภูมิแพ้เพื่อตอบสนองต่อสารแปลกปลอม ในขณะที่วิตามินดีจะช่วยควบคุมการติดเชื้อและลดการอักเสบของผิวหนังได้ หากร่างกายได้รับวิตามินต่าง ๆ อย่างเพียงพอจากการกินอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินชนิดต่าง ๆ และทาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมจากวิตามินที่มีประโยชน์ต่อผิวจะช่วยบำรุงผิวให้แข็งแรง และอาจช่วยบรรเทาอาการภูมิแพ้ผิวหนังให้ดีขึ้นได้ งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Evidence-Based Complementary and Alternative Medicine เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2562 ศึกษาเกี่ยวกับการประเมินประสิทธิผลของวิตามินเสริมในการรักษาโรคภูมิแพ้ผิวหนัง พบว่า วิตามินมีบทบาทสำคัญในการรักษาการทำงานของร่างกายให้เป็นปกติ ตัวอย่างเช่น วิตามินดี โดยเฉพาะวิตามินดี 3 หากร่างกายขาดวิตามินชนิดนี้จะเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดปัญหาผิวหนังได้ นอกจากนี้ วิตามินอื่น ๆ เช่น วิตามินอี วิตามินซี […]


ข้อมูลโภชนาการ

ส้มป่อย สมุนไพรไทยมากประโยชน์ มีสรรพคุณอย่างไรบ้าง

ส้มป่อย หรือชื่อทางวิทยาศาสตร์  Acacia Concinna (Wild.) D.C. เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้ได้หลายส่วน มีลักษณะเป็นไม้เถาเนื้อแข็ง หรือไม้พุ่มรอเลื้อย มีหนามตามลำต้น กิ่ง ก้านและใบ พืชชนิดนี้พบมากตามเขตร้อนในเอเชีย ทุกภาคของประเทศไทย เช่น ป่าละเมาะ ป่าเต็งรัง ป่าผสม และป่าดิบแล้งโปร่ง ส้มป่อย มีสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจและอาจใช้รักษาอาการได้หลายประเภท ทั้งสรรพคุณจาก ฝักส้มป่อย และ ใบส้มป่อย ซึ่งนำมาต้มเป็นน้ำดื่มหรืออาจใช้ทำลูกประคบได้ [embed-health-tool-bmi] ลักษณะของฝักส้มป่อยและองค์ประกอบทางเคมี ฝักส้มป่อยจะแห้งแบน มีสีน้ำตาลแดงหรืออาจมีสีดำ ผิวย่นเป็นลอน เมล็ดภายในสีน้ำตาลดำ รสเปรี้ยว สำหรับฝักส้มป่อยมีสารเคมีหลายชนิดที่สำคัญ ได้แก่  สารกลุ่มแซโพนิน (Saponins) เช่น อะเคซินินซี (Acacinin C) อะเคซินินดี (Acacinin D) อะเคซินินอี (Acacinin E)  แซโพนินไกลโคไซด์ (Saponin Glycosides) เช่น คินมูนโนไซด์เอ (Kinmoonoside A) คินมูนโนไซด์บี (Kinmoonoside B) คินมูนโนไซด์ซี […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

คํานวณ BMR ง่าย ๆ ด้วยเครื่องคำนวณอัตราการเผาผลาญพลังงาน

BMR คือ ปริมาณพลังงานที่ร่างกายต้องการเพื่อรักษาน้ำหนักตัวให้สมดุลและทำให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติแม้ไม่ได้ทำกิจกรรมใด ๆ ก็ตาม การ คํานวณ BMR ด้วยเครื่องคำนวณอัตราการเผาผลาญพลังงาน อาจช่วยให้ผู้ที่ต้องการรักษาน้ำหนักตัวให้สมดุลหรือกำลังลดน้ำหนักสามารถวางแผนการรับประทานอาหารในแต่ละวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การใช้ชีวิตที่เคลื่อนไหวร่างกายอยู่เสมอ (Active lifestyle) เช่น ออกกำลังกายเป็นประจำ รวมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง ก็อาจช่วยให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้เร็วยิ่งขึ้น BMR คืออะไร BMR หรือ Basal Metabolic Rate เป็นอัตราการวัดปริมาณพลังงานขั้นต่ำที่ร่างกายต้องการเพื่อช่วยให้ระบบพื้นฐานของร่างกายทำงานได้ตามปกติ ไม่ว่าจะเป็น การหายใจ การสร้างเซลล์ การย่อยและดูดซึมอาหาร การเจริญเติบโตของผมและผิวหนัง การรักษาอุณหภูมิร่างกายให้สมดุล การรักษาระดับของสารเคมีต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเครื่อง BMR เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน โดยพิจารณาจากข้อมูลสุขภาพต่าง ๆ เช่น เพศ อายุ ส่วนสูง น้ำหนัก ทั้งนี้ อาจมีความสับสนระหว่าง BMR กับ RMR หรือ Resting Metabolic Rate ซึ่งเป็นอัตราการเผาผลาญพลังงานขณะพักจากการทำกิจกรรมหรืออยู่กับที่เฉย ๆ การคำนวณ RMR ถือว่าเป็นวิธีที่แม่นยำหากต้องการวัดอัตราการเผาผลาญพลังงานจากกิจกรรมที่ใช้แรงน้อย […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

เครื่องคำนวณ หาค่า BMI หรือดัชนีมวลกาย ใช้งานอย่างไร

ค่า BMI หรือ Body Mass Index คือ ค่าดัชนีมวลกาย เป็นสูตรคำนวณค่ามาตรฐานของน้ำหนักตัวเพื่อประเมินปริมาณไขมันในร่างกาย การ หาค่า BMI ทำได้ด้วยการใช้เครื่องคำนวณหาค่าดัชนีมวลกาย ที่ใช้งานง่ายและใช้เวลาเพียงไม่นาน หรืออาจคำนวณด้วยตัวเองโดยการคำนวณอัตราส่วนของส่วนสูงต่อน้ำหนัก การทราบถึงค่า BMI จะช่วยให้วางแผนควบคุมน้ำหนักและดูแลสุขภาพโดยรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับการใช้ประเมินภาวะสุขภาพของผู้ที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป [embed-health-tool-bmi] ค่า BMI คืออะไร ค่า BMI หรือ ค่าดัชนีมวลกาย เป็นเครื่องมือที่ใช้ประเมินปริมาณไขมันในร่างกายจากน้ำหนักและส่วนสูง ซึ่งจะทำให้ทราบว่าสภาวะร่างกายมีความสมดุลและมีน้ำหนักที่อยู่ในเกณฑ์เหมาะสมหรือไม่ นอกจากนี้ ยังใช้เพื่อประเมินความเสี่ยงของภาวะสุขภาพได้ แต่ไม่สามารถใช้เพื่อวินิจฉัยสุขภาพได้ การ ทั้งนี้ การหาค่า BMI ยังเป็นเครื่องมือที่บุคลากรทางการแพทย์ใช้ประเมินภาวะสุขภาพและความเสี่ยงของโรคร่วมกับการใช้เครื่องมือและแบบทดสอบอื่น ๆ อีกด้วย โดยระดับค่า BMI สามารถแบ่งออกเป็น 5 ระดับ ได้แก่ น้ำหนักน้อย น้ำหนักปกติ น้ำหนักเกิน โรคอ้วนระดับที่ 1 โรคอ้วนระดับที่ 2 วิธีใช้เครื่องคำนวณ หาค่า BMI เครื่องคำนวณ หาค่า BMI เป็น […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

สารปนเปื้อนในอาหาร ที่พบได้บ่อยและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

สารปนเปื้อนในอาหาร เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นสารปนเปื้อนตามธรรมชาติ สารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม สารปนเปื้อนที่เกิดขึ้นระหว่างขั้นตอนการผลิต การแปรรูป การเก็บรักษา และการเตรียมอาหาร ซึ่งหากบริโภคเข้าไปอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ ทุกคนจึงควรระมัดระวังในการเลือกแหล่งวัตถุดิบหรือแหล่งจำหน่ายสินค้า โดยควรเลือกแหล่งที่สะอาด น่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน และควรล้างเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ให้สะอาดทุกครั้งก่อนบริโภคหรือนำมาประกอบอาหาร [embed-health-tool-bmi] สารปนเปื้อนในอาหาร คืออะไร สารปนเปื้อนในอาหาร (Food Contaminants) คือ สารอันตรายใด ๆ ที่อยู่ในอาหาร ไม่ว่าจะเป็นจุลินทรีย์จากแหล่งธรรมชาติอย่างแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา ปรสิต เป็นต้น สารปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อมอย่างปรอท ตะกั่ว สารพิษจากหอย เป็นต้น รวมไปถึงสารปนเปื้อนในกระบวนการผลิตอาหารที่เกิดขึ้นระหว่างการผลิต การบรรจุ การขนส่ง นอกจากนี้ การใช้สารเติมแต่งที่ไม่ได้รับอนุญาตหรือใช้ในปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนในอาหารได้เช่นกัน ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพของอาหารให้ลดลง และหากร่างกายได้รับในปริมาณมากอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ สารปนเปื้อนในอาหาร ที่พบได้บ่อย สารปนเปื้อนในอาหาร ที่พบได้บ่อย มีดังนี้ ฟอร์มาลีน เป็นสารอันตรายที่ไม่ควรใช้กับอาหารแต่มักมีการใช้เพื่อยืดอายุอาหารที่เน่าเสียง่ายให้อยู่นานขึ้นเช่น ผักสด เครื่องในสัตว์ อาหารทะเลสด โดยเฉพาะปลาหมึก แมงกะพรุน สารชนิดนี้เป็นอันตรายต่อร่างกายและก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ เช่น ปากและคอแห้ง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะรุนแรง หากได้รับต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานจะทำให้ร่างกายอ่อนแอและเจ็บป่วย […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

ของทอด กินอย่างไรให้ปลอดภัยต่อสุขภาพ

ของทอด มักเป็นอาหารที่มีปริมาณโซเดียม ไขมัน และน้ำตาลสูง เช่น ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ นักเก็ต พิซซ่า รวมไปถึงอาหารว่างอย่างหนังไก่กรอบ กล้วยทอด ลูกชิ้นทอด ผักทอด แมลงทอด โดยส่วนใหญ่มักนิยมกินคู่กับเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูงอย่าง น้ำอัดลม เบียร์ น้ำหวาน ชานมไข่มุก ซึ่งล้วนแต่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ทั้งนี้ หากกินของทอดในปริมาณที่พอดี เน้นกินพวกธัญพืช ผัก ผลไม้ ในสัดส่วนที่มากกว่า อีกทั้งเลือกกินของทอดที่ใช้น้ำมันดีอย่างน้ำมันมะกอก น้ำมันรำข้าว หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมันทอดซ้ำ อาจช่วยลดความเสี่ยงผลเสียต่อสุขภาพได้ [embed-health-tool-bmi] ของทอด ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างไร สาเหตุที่ของทอดอาจก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพนั้นยังไม่สามารถระบุได้แน่ชัด แต่อาจเกิดจากกปริมาณไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ในของทอด ซึ่งเมื่อบริโภคมากเกินไปจะเข้าไปเป็นไขมันส่วนเกินสะสมอยู่ทั่วร่างกาย ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ทั้งยังเข้าไปสะสมเป็นคราบจุลินทรีย์ในหลอดเลือดแดง เกิดการอุดตันและกระตุ้นให้เกิดกระบวนการอักเสบซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โรคอ้วน เป็นต้น นอกจากนั้น การประกอบอาหารด้วยการทอดยังกระตุ้นการสร้างสารเคมีที่ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบได้ และยังมีกรดไขมันทรานส์ที่เกิดจากการใช้ความร้อนในการปรุงอาหาร ทำให้ไขมันไม่ดีในเลือด (LDL) ไตรกลีเซอไรด์ (Triglyceride) เพิ่มขึ้น และปริมาณไขมันดี (HDL) ที่ช่วยลดคราบไขมันในผนังหลอดเลือดลดลง งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร BMJ เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. […]


โภชนาการเพื่อสุขภาพ

กินทุเรียนกับเบียร์ เป็นอันตรายต่อสุขภาพจริงหรือไม่

หลายคนคงเคยได้ยินความเชื่อที่ว่า ไม่ควร กินทุเรียนกับเบียร์ เพราะจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ และในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้น เนื่องจากทั้งทุเรียนและเบียร์ต่างก็เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง อาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงได้ อีกทั้งทุเรียนยังอาจไปยับยั้งเอนไซม์ที่ทำหน้าที่สลายแอลกอฮอล์ ส่งผลให้มีแอลกอฮอล์สะสมในระดับที่ร่างกายรับไม่ไหว ยิ่งกินทุเรียนกับเบียร์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อื่น ๆ ในปริมาณมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้อาการไม่พึงประสงค์รุนแรงขึ้นเท่านั้น จนอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ [embed-health-tool-bmi] กินทุเรียนกับเบียร์ อันตรายต่อสุขภาพหรือไม่ การ กินทุเรียนกับเบียร์ ไม่ว่าจะกินพร้อมกันหรือกินในเวลาใกล้เคียงกัน เป็นเรื่องที่ไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากทุเรียนมีสารประกอบซัลเฟอร์ (Sulfur) หรือกำมะถัน ในปริมาณมาก และกำมะถันจะไปขัดขวางกระบวนการเผาผลาญแอลกอฮอล์ของร่างกาย ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถทำลายแอลกอฮอล์ได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้มีสารอะเซตาดีไฮด์ (Acetaldehyde) ตกค้างอยู่ในร่างกาย ตามปกติแล้วสารอะเซตาดีไฮด์เป็นสารตัวกลางที่ถูกเปลี่ยนมาจากแอลกอฮอล์ และจะเปลี่ยนไปเป็นน้ำและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อขับออกจากร่างกาย แต่เมื่อกระบวนการทำลายแอลกอฮอล์หยุดชะงักจะส่งผลให้มีสารอะเซตาดีไฮด์ตกค้างอยู่ สารนี้มีพิษและจะส่งผลให้เกิดอาการผิดปกติ เช่น วิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน หน้าแดง หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว สำหรับผู้ที่มีอาการข้างเคียงรุนแรงจากการ กินทุเรียนกับเบียร์ อาจทำให้เกิดภาวะหายใจลำบาก ภาวะหัวใจล้มเหลว หรือถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้ ทุเรียนกับเบียร์ ยังเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงทั้งคู่ ทุเรียนเป็นผลไม้ธาตุร้อนที่มีแก๊ส ไขมันและน้ำตาลเยอะ ร่างกายจะเผาผลาญพลังงานอย่างรวดเร็วและทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น เมื่อมีน้ำตาลในเลือดเยอะ ร่างกายจะดึงน้ำจากเซลล์เพื่อมาลดระดับน้ำตาล ทำให้สูญเสียน้ำในร่างกายมากขึ้น เมื่อรวมกับแอลกอฮอล์ที่มีฤทธิ์ขับปัสสาวะ อาจนำไปสู่ภาวะขาดน้ำ หากรับน้ำมาทดแทนไม่ทัน […]

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ชุมชน