โปรดแจ้งให้ทราบหากข้อมูลไม่ถูกต้อง
โปรดแจ้งให้ทราบหากข้อมูลไม่ครบถ้วน
แม้ว่าเราอาจไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรค แต่เราก็พร้อมรับฟังความคิดเห็นของท่าน โปรดแสดงความคิดเห็นในกล่องข้อความด้านล่าง
ภูมิแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็ง (Shellfish Allergy) เป็นการตอบสนองที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ต่อโปรตีนในสัตว์ทะเลบางชนิด สัตว์ทะเลเปลือกแข็งคือสัตว์ทะเลที่มีเปลือกเช่น กุ้ง ปู หอยนางรม และกุ้งมังกร รวมถึงปลาหมึกยักษ์ ปลาหมึก และหอยเชลล์
บางคนที่แพ้อาหารทะเลเปลือกแข็งจะแพ้สัตว์ทะเลเปลือกแข็งทั้งหมด ในขณะที่บางคนอาจมีอาการแพ้สัตว์ทะเลเปลือกแข็งบางชนิด ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้น มีตั้งแต่อาการที่ไม่รุนแรง เช่น ลมพิษ หรือคัดจมูก จนถึงอาการที่รุนแรง และแม้กระทั่งเป็นอันตรายต่อชีวิต
หากคุณคิดว่าคุณแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็ง คุณควรปรึกษาแพทย์ การตรวจอาจช่วยให้คุณทราบว่าคุณแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็ง ดังนั้น คุณจึงอาจทำตามขั้นตอนเพื่อหลีกเลี่ยงอาการแพ้ในอนาคต
อาหารทะเลเปลือกแข็งเป็นหนึ่งในการแพ้อาหารที่พบมากที่สุด และยังเป็นแบบที่อันตรายที่สุด ทำให้ผู้ที่แพ้อาหารต้องเข้าห้องฉุกเฉินที่โรงพยาบาลมากกว่าอาการแพ้อาหารชนิดอื่น โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ภูมิแพ้อาจก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่เฉียบพลัน รุนแรง และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต (Anaphylaxis) ได้ อาการแพ้สัตว์ทะเลเปลือกแข็งหรืออย่างอื่นในกรณีที่รุนแรง เป็นกรณีฉุกเฉินที่ต้องได้รับการรักษาอย่างทันที ด้วยการฉีดสารเอพิเนฟรีน (Epinephrine) หรือที่เรียกว่าฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) และต้องเข้าห้องฉุกเฉิน
สัญญาณและอาการของอาการแพ้รุนแรงรวมถึง
อาจมีอาการที่ไม่ได้ระบุถึงข้างต้น หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอาการ โปรดปรึกษาแพทย์
คุณควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้ หากคุณแพ้อาหารหลังจากรับประทานไม่นาน เข้ารับการรักษาฉุกเฉิน หากคุณมีสัญญาณหรืออาการของอาการแพ้อย่างเฉียบพลันและรุนแรง
ภูมิแพ้อาหารทั้งหมดเกิดจากการตอบสนองที่มากเกินไปของระบบภูมิคุ้มกัน ระบบภูมิคุ้มกันจะระบุว่าโปรตีนบางชนิดจากสัตว์ทะเลเปลือกแข็งเป็นอันตราย และกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันต่อโปรตีนจากสัตว์ทะเลเปลือกแข็ง (สารก่อภูมิแพ้) ครั้งต่อไปที่คุณสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ ระบบภูมิคุ้มกันจะปล่อยสารฮิสตามีน (Histamine) และสารเคมีชนิดอื่นที่ทำให้เกิดอาการแพ้
ประเภทของสัตว์ทะเลเปลือกแข็ง
สัตว์ทะเลเปลือกแข็งมีหลายชนิด แต่ละชนิดต่างมีโปรตีนต่างกัน
บางคนแพ้สัตว์ทะเลเปลือกแข็งเพียงชนิดเดียว และสามารถรับประทานชนิดอื่นได้ตามปกติ แต่บางคนที่แพ้อาจต้องหลีกเลี่ยงสัตว์ทะเลเปลือกแข็งทั้งหมด
คุณเสี่ยงจะเป็น ภูมิแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็ง เพิ่มขึ้น หากอาการแพ้ดังกล่าวถือเป็นเรื่องปกติในครอบครัวของคุณ แม้ว่าผู้คนทุกวัยอาจแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็งได้ แต่อาการนี้เกิดขึ้นบ่อยกับผู้ใหญ่ และเป็นอาการที่เกิดขึ้นบ่อยกับผู้หญิง แต่เมื่อพิจารณาอาการในเด็ก ภูมิแพ้ทะเลเปลือกแข็งเกิดขึ้นบ่อยกว่ากับเด็กผู้ชาย
ข้อมูลนี้ไม่สามารถใช้แทนคำแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยภูมิแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็ง อาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนพอๆ กับอาการทางการแพทย์ อาการอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ผู้ป่วยแต่ละคนอาจไม่ได้มีอาการอย่างเดียวกันในทุกๆ อาการแพ้ที่เกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น คนที่แพ้อาหารทะเลเปลือกแข็งไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารถึงจะเกิดอาการแพ้ พวกเขาอาจแพ้เนื่องจากสูดดมควันจากอาหาร หรืออาการที่พวกเขารับประทานสัมผัสกับอาหารทะเลเปลือกแข็งมาก่อน
การแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็งอาจส่งผลต่อผิวหนัง ทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร หรือระบบหัวใจและหลอดเลือด แม้ว่าภูมิแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็งส่วนมากจะไม่ค่อยปรากฏขึ้นกระทั่งเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ แต่ไม่ว่ากลุ่มวัยใดก็อาจเป็นโรคนี้ได้
หากคุณสงสัยว่าเป็นโรคภูมิแพ้อาหาร สิ่งสำคัญคือปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ ซึ่งสามารถเจาะจงการทดสอบรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งให้แก่คุณ และตัดสินว่าเป็นภูมิแพ้หรือไม่ รวมถึงปรึกษาผู้ป่วยเพื่อจัดการกับปัจจัยเสี่ยงและอาการ เมื่อมีการยืนยันแล้วว่าผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้
เพื่อจะวินิจฉัย แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้จะถามรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติอาการแพ้ เตรียมพร้อมที่จะตอบคำถามว่าคุณรับประทานอาหารอะไร และมากเท่าไร นานแค่ไหนกว่าจะเกิดอาการ อาการอะไรที่คุณกำลังเป็นอยู่ และอาการเหล่านั้นเกิดขึ้นนานแค่ไหน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้มักจะให้คุณตรวจเลือด เช่น การทดสอบโดยใช้สารบางชนิดเพื่อกระตุ้นภูมิแพ้ (ImmunoCAP test) หรือการทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วยการสะกิด (skin-prick test) เพื่อหาว่าแอนติบอดีชนิดอิมมูโนโกลบูลินที่จำเพาะต่ออาหาร (food-specific immunoglobulin E หรือ IgE) แบบไหนที่อยู่ในร่างกาย
การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วยการสะกิด จะทำในโรงพยาบาลและใช้เวลาเพื่อรอผล 15-30 นาที ของเหลวที่มีสารที่ต้องสงสัยว่าจะก่อภูมิแพ้ 1 หยด จะถูกหยดลงบนแขนหรือหลังของผู้ป่วย ผิวหนังจะถูกสะกิดด้วยหมุดขนาดเล็ก และผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว เพื่อให้ของเหลวไหลซึมเข้าใต้ผิว การทดสอบนี้ไม่ได้ทำให้เจ็บปวดแต่อาจทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบาย แพทย์พิจารณาว่าการทดสอบนี้เป็นบวก หากมีรอยแดง (ที่คล้ายกับตุ่มเมื่อยุงกัด) เกิดขึ้นในบริเวณที่ได้หยดของเหลวลงไป
การตรวจเลือด ซึ่งทำให้ผิวหนังระคายเคืองน้อยกว่า การทดสอบภูมิแพ้ทางผิวหนังด้วยการสะกิด แพทย์จะตรวจเลือดเพื่อวัดจำนวนของจำนวนแอนติบอดีอิมมูโนโกบูลินอี ที่ทำปฏิกิริยิากับอาหารบางชนิด ผลตรวจมักจะออกภายใน 1-2 อาทิตย์ และจะรายงานด้วยค่าที่เป็นตัวเลข (numerical value)
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้จะตีความผล และใช้ผลเพื่อช่วยในการวินิจฉัย แม้ว่าทั้ง 2 วิธีจะแสดงให้เห็นถึงสัญญาณของภูมิแพ้อาหาร แต่ทั้ง 2 วิธีกลับพิสูจน์ไม่ได้อย่างแน่ชัด ผลของการทดสอบที่เป็นบวกต่ออาหารบางชนิด ไม่ได้หมายความว่า ผู้ป่วยจะมีปฏิกิริยาต่ออาหารเมื่อรับประทาน ผลของการทดสอบที่เป็นลบ กลับช่วยในการตัดอาการแพ้ที่ผู้ป่วยไม่ได้เป็นออกไป แต่ทั้ง 2 วิธีไม่อาจคาดการณ์ความรุนแรงของปฏิกิริยาแพ้ที่มีต่อสัตว์ทะเลเปลือกแข็งได้ แม้จะมีระดับของแอนติบอดีอิมมูโนโกบูลินชนิดอีหรือขนาดของรอยแดงก็ตาม
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคภูมิแพ้ อาจใช้การทดสอบเหล่านี้ และประวัติผู้ป่วย เพื่อวินิจฉัยโรคภูมิแพ้อาหาร เพื่อการวินิจฉัยที่แน่นอน แพทย์อาจต้องการที่จะทดสอบการแพ้อาหารด้วยการรับประทาน (oral food challenge) ซึ่งก็คือผู้ป่วยจะรับประทานอาหารที่สงสัยว่า ก่อให้เกิดภูมิแพ้ในปริมาณที่น้อย ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มปริมาณขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป การทดสอบดังกล่าวอยู่ในการควบคุมอย่างเข้มงวด จำเป็นต้องเตรียมพร้อมเวชศาสตร์และอุปกรณ์ฉุกเฉินระหว่างการทดสอบนี้
เฉพาะการทดสอบด้วยการรับประทานที่อาจทำได้เพื่อชี้ชัดว่า ผู้ป่วยเป็นภูมิแพ้อาหารชนิดใด
วิธีที่แน่นอนเพียงวิธีเดียวที่จะป้องกันปฏิกิริยาแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็งคือหลีกเลี่ยงการรับประทาน แต่แม้ว่าคุณจะพยายามแค่ไหน คุณก็อาจจะสัมผัสกับสัตว์ทะเลเปลือกแข็งได้เช่นกัน
แพทย์อาจแนะนำให้คุณรักษาอาการภูมิแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็งที่ไม่รุนแรงด้วยยา อย่าง ยาต้านฮีสตามีน (Antihistamine) เพื่อลดสัญญาณและอาการ เช่น อาการผื่นและคัน
หากคุณมีอาการแพ้อาหารทะเลที่มีเปลือกแข็งอย่างรุนแรง คุณควรได้รับการฉีดสารเอพิเนฟรีน (Epinephrine) เช่น EpiPen, Auvi-Q หรืออื่นๆ หรือฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) หากคุณมีความเสี่ยงที่จะแพ้อย่างรุนแรง พกหลอดฉีดเอพิเนฟรีน ติดตัวคุณตลอดเวลา หากคุณเสี่ยงที่จะแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็งอย่างรุนแรง แพทย์อาจแนะนำให้คุณใช้สารเอพิเนฟรีนตั้งแต่ตอนแรกที่มีอาการแพ้เกิดขึ้น หลังจากคุณใช้สารเอพิเนฟรีน โปรดเข้ารับการรักษาพยาบาลฉุกเฉิน
ไลฟ์สไตล์และการเยียวยาตนเองต่อไปนี้ อาจช่วยป้องกันไม่ให้คุณเป็นโรคภูมิแพ้อาหารทะเลเปลือกแข็ง
คุณควรพกหลอดฉีดเอพิเนฟรีนอยู่เสมอและมั่นใจว่าหลอดฉีดนั้นไม่ได้หมดอายุ คุณหรือบุตรของคุณควรสวมสร้อยข้อมือหรือสร้อยคอที่มีข้อมูลการแพ้ของคุณ
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติม โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อให้ได้ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
Hello Health Groupไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
Shellfish Allergies. https://www.healthline.com/health/allergies/shellfish. Accessed December 12, 2017.
Shellfish Allergy. http://acaai.org/allergies/types/food-allergies/types-food-allergy/shellfish-allergy. Accessed December 12, 2017.
Shellfish allergy. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/shellfish-allergy/symptoms-causes/syc-20377503. Accessed December 12, 2017.