backup og meta

ตกขาวเยอะ ท้องไหม สังเกตได้อย่างไรบ้าง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 20/02/2024

    ตกขาวเยอะ ท้องไหม สังเกตได้อย่างไรบ้าง

    ตกขาวเยอะ ท้องไหม อาจเป็นคำถามที่ผู้หญิงหลายคนสงสัย ส่วนใหญ่แล้ว การมีตกขาวเยอะอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์หรืออาจเกิดจากปัจจัยอื่น ๆ เช่น การตกไข่ การถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ช่องคลอดอักเสบ การติดเชื้อรา โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงควรสังเกตอาการที่เกิดขึ้นและเข้าพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรับการรักษาที่เหมาะสม

    ตกขาวเยอะ ท้องไหม

    ร่างกายผู้หญิงจะหลั่งตกขาวออกมาเพื่อขับสิ่งสกปรก แบคทีเรีย และเซลล์ที่ตายแล้วออกจากช่องคลอด ซึ่งถือเป็นกระบวนการตามธรรมชาติ โดยปกติ ตกขาวจะมีลักษณะเป็นเมือกใสบาง ๆ หรือเป็นน้ำ มีสีขาวข้นหรือสีซีด แต่หากกำลังตั้งครรภ์อาจสังเกตได้ว่าตกขาวมีปริมาณเยอะกว่าปกติ ตกขาวที่พบมักเป็นเมือกบางหรือหนา มีกลิ่นอ่อน ๆ มีสีขาวขุ่นเหมือนน้ำนม หรืออาจมีเลือดปนเล็กน้อย เนื่องจากปากมดลูกและผนังช่องคลอดนิ่มลง ร่างกายจึงต้องหลั่งตกขาวเพิ่มขึ้น เพื่อป้องกันการติดเชื้อในช่องคลอดจนเชื้อลุกลามไปยังมดลูก นอกจากนี้ ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นในช่วงตั้งครรภ์ก็อาจส่งผลให้มีตกขาวเยอะขึ้นได้เช่นกัน

    สาเหตุอื่น ๆ ที่ทำให้มีตกขาวเยอะ

    การมีตกขาวเยอะอาจเป็นสัญญาณของภาวะสุขภาพดังต่อไปนี้ได้เช่นกัน

    • การตกไข่ เป็นการเริ่มต้นของรอบเดือน ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้นอาจส่งผลให้หลั่งตกขาวเยอะขึ้น ทั้งยังอาจทำให้ตกขาวมีลักษณะเป็นเมือกใส ลื่น คล้ายไข่ขาว โดยปริมาณของตกขาวอาจจะลดลงหลังจากหมดรอบเดือน
    • ความไม่สมดุลของฮอร์โมน ที่อาจเกิดจากความเครียด การรับประทานอาหาร ความเหนื่อยล้า ภาวะถุงน้ำรังไข่หลายใบ การคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน อาจส่งผลให้ระดับฮอร์โมนเสียสมดุลจนหลั่งตกขาวเยอะขึ้นได้
    • การถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปยังอวัยวะเพศมากขึ้น จนหลอดเลือดขยายตัวและหลั่งเมือกใสออกมามากขึ้นเพื่อหล่อลื่นช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์ อีกทั้งการถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศยังอาจทำให้ผู้หญิงมีอาการหัวนมเต่ง หน้าอกบวม ใบหน้า คอและอกแดง หายใจถี่และหัวใจเต้นเร็วขึ้นด้วย
    • โรคพยาธิในช่องคลอด (Trichomoniasis) เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อปรสิต โดยผู้หญิงอาจเกิดโรคพยาธิในช่องคลอดได้จากการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่ป้องกัน ส่งผลทำให้มีอาการคัน แสบร้อนที่อวัยวะเพศ ตกขาวเยอะ สีของตกขาวเปลี่ยนไปเป็นสีขาวขุ่น สีเหลืองหรือสีเขียว มีกลิ่นเหม็นคาว
    • ช่องคลอดอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือการระคายเคืองจนช่องคลอดอักเสบ ทั้งยังอาจมีสาเหตุมาจากการแพ้สารหล่อลื่น การสวนล้างช่องคลอด การสวมกางเกงรัดเกินไป การใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นหรือผิวกายที่มีส่วนประกอบของน้ำหอม เป็นต้น พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้มีอาการคัน แสบร้อนที่อวัยวะเพศ ผิวอักเสบ บวมแดง เจ็บปวดเมื่อถ่ายปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ และมีตกขาวเยอะ มักเป็นตกขาวสีขาว สีเทา สีเหลืองหรือสีเขียว และมีกลิ่นเหม็น
    • ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เกิดจากเชื้อแบคทีเรียไม่ดีเจริญเติบโตในช่องคลอดมากเกินไปจนปริมาณแบคทีเรียในช่องคลอดเสียสมดุล อาจมีสาเหตุจากการมีเพศสัมพันธ์หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เมื่อช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรียจะทำให้มีอาการเจ็บปวดหรือแสบเมื่อถ่ายปัสสาวะ มีอาการแสบร้อนและคันในช่องคลอด ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศระคายเคือง มีตกขาวเยอะ ตกขาวเป็นสีขาวข้นหรือสีเทาและมีกลิ่นเหม็นคาว โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์
    • การติดเชื้อรา มีสาเหตุมาจากเชื้อราแคนดิดา (Candida) เติบโตในช่องคลอดมากเกินไป อาจทำให้มีอาการคันรุนแรง แสบบริเวณช่องคลอด มีตกขาวเยอะ ตกขาวมีกลิ่นเหม็นและมีสีเหลืองคล้ายนมบูด หากอาการดังกล่าวไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ควรรีบเข้ารับการรักษาเพื่อป้องกันการติดเชื้อรุนแรง

    บทความที่เกี่ยวข้อง

    วิธีป้องกันตกขาวเยอะ

    • หลังอาบน้ำหรือเข้าห้องน้ำควรทำความสะอาดอวัยวะเพศให้สะอาด ซับอวัยวะเพศให้แห้งเสมอโดยการเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อลดความอับชื้นและป้องกันการติดเชื้อจากทวารหนักเข้าสู่ช่องคลอด ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะตกขาวเยอะได้
    • สวมกางเกงชั้นในที่ทำจากผ้าฝ้าย โปร่ง ระบายอากาศ ไม่อับชื้น และหลีกเลี่ยงการใส่กางเกงรัดรูปหรือแน่นมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะและช่องคลอดอักเสบได้
    • หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเสื้อผ้า หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอวัยวะเพศที่มีส่วนผสมของน้ำหอม เพราะอาจทำให้ผิวบริเวณอวัยวะเพศระคายเคืองได้
    • ควรใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์
    • หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอดและใช้ผ้าอนามัยแบบสอด เพราะอาจทำให้อวัยวะเพศระคายเคืองและติดเชื้อได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 20/02/2024

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา