backup og meta

IUGR คือ ภาวะทารกโตช้าในครรภ์ สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง วิธีป้องกัน

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์ · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 31/10/2022

    IUGR คือ ภาวะทารกโตช้าในครรภ์ สาเหตุ ปัจจัยเสี่ยง วิธีป้องกัน

    IUGR คือ ภาวะทารกโตช้าในครรภ์ ซึ่งเป็นภาวะที่ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้ากว่าที่ควรและมีขนาดตัวไม่สัมพันธ์กับอายุครรภ์ในขณะนั้น อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความผิดปกติของรกและมดลูกที่ทำให้ทารกได้รับสารอาหารและออกซิเจนไม่เพียงพอ การติดเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย โปรโตซัว ภาวะสุขภาพของคุณแม่ อย่างไรก็ตาม ทารกที่มีภาวะนี้สามารถเจริญเติบโตต่อไปและคลอดออกมาเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงเป็นปกติได้ สิ่งสำคัญคือ คุณแม่ต้องไปพบคุณหมอตามนัดหมายเป็นประจำ หากตรวจพบความผิดปกติจะได้สามารถดูแลครรภ์และป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที

    IUGR คือ อะไร

    ภาวะทารกโตช้าในครรภ์ (Intrauterine Growth Restriction หรือ IUGR) คือ ภาวะที่ทารกในครรภ์เจริญเติบโตช้ากว่าอายุครรภ์ของคุณแม่ในขณะนั้น สาเหตุที่แท้จริงยังไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัด แต่อาจเกิดจากความผิดปกติของรกหรือสายสะดือ ซึ่งทำหน้าที่ส่งสารอาหาร ออกซิเจนและเลือดไปเลี้ยงทารกในครรภ์ และกำจัดของเสียให้กับทารก หากทารกได้รับสารอาหารที่จำเป็นไม่เพียงพอ อาจส่งผลให้ตัวเล็กกว่าปกติได้

    โดยทั่วไป มักตรวจพบภาวะนี้ได้ในช่วงหลังจากสัปดาห์ที่ 20 ของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่คุณหมอหรือทีมแพทย์ผู้ดูแลจะตรวจสอบพัฒนาการของทารกในครรภ์ด้วยการวัดระดับยอดมดลูกจากการตรวจครรภ์ (Fundal height) ซึ่งเป็นการวัดระยะห่างระหว่างกระดูกหัวหน่าวและมดลูก โดยปกติแล้ว ระยะห่างของสองตำแหน่งนี้จะขึ้นอยู่กับอายุครรภ์ของคุณแม่ เช่น คุณแม่ที่มีอายุครรภ์ประมาณ 20 สัปดาห์ ควรมีระยะห่างระหว่างกระดูกหัวหน่าวและมดลูกประมาณ 20 เซนติเมตร หากตรวจวัดแล้วมีระยะห่างสั้นกว่าที่ควร คุณหมออาจให้เข้ารับการทดสอบเพิ่มเติม เพื่อตรวจดูว่ามีภาวะทารกโตช้าในครรภ์หรือไม่

    ภาวะทารกโตช้าในครรภ์ แบ่งได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้

    • ภาวะทารกโตช้าในครรภ์อย่างสมมาตร (Symmetric IUGR) คือ ภาวะที่ร่างกายทุกส่วนของทารกมีขนาดเล็กกว่าอายุครรภ์
    • ภาวะทารกโตช้าในครรภ์อย่างไม่สมมาตร (Asymmetric IUGR) คือภาวะที่ทารกมีขนาดศีรษะและสมองตามอายุครรภ์ แต่มีหน้าท้องเล็กผิดปกติ สามารถพบได้บ่อยกว่าประเภทแรก

    แม้ว่าภาวะทารกโตช้าในครรภ์จะทำให้การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ล่าช้ากว่าปกติ แต่สำหรับคุณแม่ที่ไปพบคุณหมอเพื่อติดตามอาการและตรวจสุขภาพครรภ์อย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถให้กำเนิดทารกที่เจริญเติบโตตามปกติและมีพัฒนาการด้านต่าง ๆ สมบูรณ์เช่นทารกที่ไม่มีภาวะนี้ได้

    ปัจจัยเสี่ยงของภาวะ IUGR

    ปัจจัยเสี่ยงที่อาจทำให้เกิดภาวะ IUGR มีดังนี้

    สาเหตุจากตัวทารกเอง (Fetal causes) ได้แก่

    • การติดเชื้อในครรภ์ เช่น เชื้อไซโตเมกาโล ไวรัส (Cytomegalovirus) เชื้อไวรัสรูเบลล่า (Rubella) เชื้อท็อกโซพลาสมา กอนดิ (Toxoplasma gondii) เป็นเชื้อที่ทำให้เกิด IUGR ได้รุนแรง
    • ความผิดปกติของโครโมโซม
    • ความพิการโดยกำเนิด เช่น หัวใจพิการแต่กำเนิด ยิ่งมีความพิการมากภาวะ IUGR ก็ยิ่งรุนแรง

    สาเหตุจากมารดา (maternal causes) ได้แก่

    • ภาวะขาดอาหาร การตั้งครรภ์ที่ติดกันมากเกินไป
    • น้ำหนักมารดาขึ้นน้อย โดยเฉพาะถ้าน้ำหนักไม่ขึ้นหลังอายุครรภ์ 28 สัปดาห์จะมีผลต่อการเจริญเติบโตของทารก
    • ภาวะโลหิตจางรุนแรง เช่น โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย (Thalassemia)
    • ภาวะขาดออกซิเจนเรื้อรัง ความดันโลหิตสูงเรื้อรัง ความดันสูงจากการตั้งครรภ์ โรคทางคอลลาเจน เบาหวานชนิดที่มีการเปลี่ยนแปลงของเส้นเลือดแล้ว
    • โรคไตบางชนิดที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง หรือมีการสูญเสียโปรตีน
    • ยาและสารอันตราย เช่น บุหรี่ แอลกอฮอล์ โคเคน และยากันชักบางตัว เช่น เฟนิโทอิน (Phenytoin) ไตรเมทาไดโอน (Trimethadione)
    • ครรภ์แฝด มักทำให้มวลรกต่อทารกแต่ละคนลดลง ทำให้สารอาหารที่ไปยังทารกแต่ละคนลดลง
    • โรคความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง เช่น โรค APS (Antiphospholipid antibody syndrome) ทำให้เกิดการจับตัวกันของเกล็ดเลือด และมีลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดเล็ก ๆ ซึ่งรวมทั้งในรกด้วย

    สาเหตุจากรก (placental causes) และสายสะดือ ทำให้การแลกเปลี่ยนสารอาหารที่รกลดลง ได้แก่

  • รกเสื่อมสภาพ (Placental infarction) กินบริเวณกว้าง
  • รกลอกตัวก่อนกำหนด (Placental abruption) เป็นหย่อม ๆ
  • รกมีเนื้องอกและถุงน้ำ (Chorioangioma)
  • รกเกาะต่ำ และ circumvallate
  • อาการของ IUGR

    อาการของภาวะ IUGR หรือภาวะทารกโตช้าในครรภ์ คือ ทารกในครรภ์มีขนาดตัวเล็กกว่าอายุครรภ์ในขณะนั้น ซึ่งลักษณะความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายของทารกจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ ทารกอาจดูตัวเล็กและอ่อนแอกว่าที่ควร หรืออาจดูผอมบาง ขาดสารอาหาร ผิวหนังอาจดูซีดเซียวและย้วย บางกรณี สายสะดือที่ทำหน้าที่ส่งต่อสารอาหารและออกซิเจนจากคุณแม่ไปยังทารกอาจดูบางและดูคล้ำผิดปกติ แทนที่จะเป็นเส้นหนาและแข็งแรง

    ภาวะแทรกซ้อนของ IUGR

    ภาวะ IUGR หรือทารกโตช้าในครรภ์ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนของทารก ดังนี้

    • ภาวะคลอดก่อนกำหนดและน้ำหนักทารกแรกเกิดน้อยกว่าเกณฑ์
    • อาจทำให้ทารกมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)
    • อาจทำให้ทารกควบคุมระดับอุณหภูมิร่างกายได้ไม่ดี
    • อาจทำให้ระดับออกซิเจนของทารกลดลง
    • อาจทำให้ทารกติดเชื้อได้ง่าย
    • อาจทำให้ทารกมีจำนวนเม็ดเลือดแดงสูงผิดปกติ
    • อาจทำให้ทารกได้คะแนนประเมินสภาพทารกแรกเกิด (Apgar scores) ต่ำกว่าที่ควร
    • ในกรณีที่รุนแรง อาจทำให้เกิดภาวะตายคลอด (Stillbirth) และอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตรของเด็กในระยะยาวได้

    การรักษาภาวะ IUGR

    ภาวะทารกโตช้าในครรภ์จะทำให้ทารกเสี่ยงรเสียชีวิตในครรภ์ จึงจำเป็นต้องเฝ้าติดตามอาการอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง คุณหมออาจแนะนำให้คุณแม่มาที่โรงพยาบาลเพื่ออัลตราซาวด์บ่อยขึ้นตลอดอายุครรภ์เพื่อตรวจสอบการเจริญเติบโตของทารก การเคลื่อนไหวของทารกภายในครรภ์ ลักษณะการไหลเวียนของเลือดและของเหลวที่อยู่รอบตัวทารก เป็นต้น นอกจากนี้ยังอาจมีการตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจของทารกเพื่อดูความผิดปกติของการทำงานของหัวใจ ซึ่งขั้นตอนการวินิจฉัยต่าง ๆ จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าทารกจะต้องทำคลอดก่อนกำหนดหรือไม่

    วิธีป้องกัน IUGR

    ภาวะทารกโตช้าในครรภ์ สามารถเกิดได้ทั้งกับคุณแม่ที่มีสุขภาพแข็งแรงและคุณแม่ที่มีปัญหาสุขภาพบางประการ ทั้งนี้ การดูแลตัวเองด้วยวิธีต่อไปนี้ อาจช่วยส่งเสริมสุขภาพของทารกในครรภ์ให้เจริญเติบโตได้อย่างสมบูรณ์แข็งแรง และอาจช่วยป้องกันภาวะทารกโตช้าในครรภ์ได้

    • คุณแม่ควรไปพบคุณหมอเพื่อฝากครรภ์ทันทีที่ทราบว่าตั้งครรภ์ และไปพบคุณหมอตามนัดหมายทุกครั้งเพื่อตรวจสอบสุขภาพของตัวเองและทารกในครรภ์อย่างต่อเนื่อง หากพบความผิดปกติก็สามารถที่จะรักษาหรือป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้อย่างทันท่วงที
    • สังเกตการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ เช่น การดิ้น การเตะ การต่อย การหมุนตัว อยู่เสมอ หากทารกดิ้นน้อยลงหรือหยุดขยับตัว อาจเป็นสัญญาณของความผิดปกติของสุขภาพทารก และควรไปพบคุณหมอให้เร็วที่สุด
    • ปรึกษาหมอทุกครั้งก่อนใช้ยารักษาโรค อาหารเสริม หรือสมุนไพร ขณะตั้งครรภ์ เพราะผลิตภัณฑ์บางชนิดอาจส่งผลเสียต่อการตั้งครรภ์และทำให้สุขภาพทารกในครรภ์มีปัญหาได้
    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการและมีสารอาหารครบถ้วน เพื่อบำรุงสุขภาพคุณแม่และทารกในครรภ์
    • คุณแม่ควรพักผ่อนให้เพียงพอ ควรนอนตอนกลางคืนอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง/วัน เพื่อช่วยให้ทารกเจริญเติบโตได้ดี มีพัฒนาการที่สมบูรณ์แข็งแรง
    • ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันให้ดีต่อสุขภาพมากที่สุด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ลดคาเฟอีน และเลิกสูบบุหรี่ เพื่อสุขภาพที่ดีทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์
    • รักษาโรคประจำตัวต่างๆให้อยู่ในเกณฑ์ดีก่อนการตั้งครรภ์ และปรึกษาแพทย์เพื่อเตรียมตัวก่อนตั้งครรภ์

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 31/10/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา