backup og meta

ภาวะขาดออกซิเจนแรกเกิด หรือ Birth asphyxia คือ อะไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงจิตรลดา ชินสุวรรณ · พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 23/06/2022

    ภาวะขาดออกซิเจนแรกเกิด หรือ Birth asphyxia คือ อะไร

    ภาวะขาดออกซิเจนแรกเกิด หรือ Birth asphyxia คือ ภาวะที่ทารกในช่วงแรกเกิดขาดออกซิเจนหลังคลอด ทำให้ไม่หายใจ หายใจแผ่ว สีผิวผิดปกติ หรือมีอาการชัก ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การคลอดก่อนกำหนด ภาวะครรภ์เป็นพิษ ภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด มดลูกแตก สายสะดือย้อย ทารกเสียเลือดมาก ซึ่งหากรักษาได้ทันและได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดก็อาจทำให้ทารกฟื้นตัว และมีพัฒนาการที่เหมาะสมตามปกติได้

    Birth asphyxia คือ อะไร

    ภาวะขาดออกซิเจนแรกเกิด เกิดจากทารกได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอในช่วงก่อน ระหว่าง หรือหลังคลอด เมื่อไม่ได้รับออกซิเจนและสารอาหาร เซลล์จะไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ มีกรดสะสมในเซลล์และสร้างความเสียหายให้กับร่างกาย เป็นอันตรายต่อการทำงานของสมองและอวัยวะอื่น ๆ

    ความรุนแรงของภาวะนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่ทารกขาดออกซิเจน ระดับออกซิเจน และความเร็วในการรักษา หากได้รับการรักษาทันท่วงที ทารกอาจฟื้นตัวกลับเป็นปกติได้ แต่หากรักษาล่าช้า อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว และอาจเกิดความผิดปกติของระบบประสาทตั้งแต่ระดับเล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง เช่น อาการชัก ภาวะสมองพิการ (Cerebral palsy) ภาวะพัฒนาการล่าช้า การดูแลและติดตามสุขภาพของคุณแม่และทารกอย่างใกล้ชิดทั้งก่อนและหลังคลอดจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากอาจช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดภาวะขาดออกซิเจนแรกเกิดได้

    สาเหตุของภาวะ Birth asphyxia

    สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะขาดออกซิเจนแรกเกิด อาจมีดังนี้

    • รกลอกตัวก่อนกำหนด
    • ภาวะครรภ์เป็นพิษ
    • ปัญหาสายสะดือย้อยระหว่างคลอด
    • ภาวะคลอดก่อนกำหนด
    • การคลอดที่ใช้เวลานานหรือซับซ้อนเกินไป
    • การติดเชื้อรุนแรงของคุณแม่หรือทารก
    • คุณแม่มีระดับความดันโลหิตสูงหรือต่ำเกินไป
    • ทางเดินหายใจของทารกถูกปิดกั้น ทำให้ขาดออกซิเจน
    • ทางเดินหายใจของทารกพัฒนาได้ไม่เต็มที่
    • ทารกเสียเลือดในระหว่างคลอดมากเกินไป
    • ทารกมีภาวะโลหิตจาง ทำให้เซลล์เม็ดเลือดไม่สามารถลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ตามปกติ

    ปัจจัยเหล่านี้อาจทำให้มีออกซิเจนส่งผ่านสายสะดือไปหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกายของทารกได้ไม่เพียงพอ จนเซลล์เสียหายรุนแรง ส่งผลเสียต่อสมอง หัวใจ ปอด ไต ลำไส้ หรืออวัยวะอื่น ๆ ของทารก

    อาการของภาวะ Birth asphyxia

    อาการของภาวะขาดออกซิเจนแรกเกิด หรือ Birth asphyxia อาจมีดังนี้

    • ทารกไม่หายใจหรือหายใจอ่อนมาก
    • ผิวของทารกเป็นสีออกน้ำเงิน สีเทา หรือซีดกว่าปกติ
    • อัตราการเต้นของหัวใจอ่อน
    • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
    • มีกรดในเลือดปริมาณมาก (Acidosis)
    • มีอาการชัก

    การวินิจฉัยภาวะ Birth asphyxia

    หลังคลอด คุณหมอและเจ้าหน้าที่จะประเมินสภาพของทารกแรกเกิดด้วยการให้คะแนนแอปการ์ (Apgar score) หรือผลการประเมินสภาพร่างกายทารกแรกเกิด ซึ่งจะเป็นการประเมินสีผิว อัตราการเต้นของหัวใจ ชีพจร การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ และปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย เพื่อบ่งชี้สุขภาพของทารกในเบื้องต้นในเวลา 1 นาที 5 นาที และ 10 นาทีหลังคลอด คะแนนแอปการ์มีระดับตั้งแแต่ 0-10 โดยทั่วไป เด็กที่มีสุขภาพดีจะได้คะแนนแอปการ์ 7 คะแนนขึ้นไป หากได้คะแนนแอปการ์ 0-3 คะแนน อาจเป็นสัญญาณของภาวะขาดออกซิเจนรุนแรงซึ่งอาจต้องรับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

    นอกจากนี้ คุณหมออาจตรวจเพิ่มเติมว่ามีอาการอื่น ๆ ที่แสดงถึงภาวะขาดออกซิเจนแรกเกิดร่วมด้วยหรือไม่ เช่น

    • ทารกหายใจไม่ปกติ
    • การไหลเวียนโลหิตไม่ดี
    • ความดันโลหิตต่ำ
    • ไม่มีการถ่ายปัสสาวะ
    • การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ

    แนวทางการรักษา Birth asphyxia

    หากทารกมีภาวะขาดออกซิเจนแรกเกิดในระดับเบา คุณหมออาจให้ใช้เครื่องช่วยหายใจจนกว่าทารกจะแข็งแรงพอที่จะหายใจได้ด้วยตัวเอง และจะติดตามดูสัญญาณภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด

    สำหรับทารกที่มีภาวะขาดออกซิเจนแรกเกิดอย่างรุนแรง อาจต้องใช้วิธีรักษาดังนี้

    • ใช้เครื่องช่วยหายใจขนาดเล็กส่งลมไปยังปอดของทารกแบบถี่ ๆ ในบางกรณีอาจต้องให้สารไนตริกออกไซด์ (Nitric oxide) ผ่านทางท่อช่วยหายใจ หรือใช้วิธีปั๊มหัวใจเพื่อช่วยชีวิต
    • รักษาด้วยการลดอุณหภูมิของร่างกาย (Hypothermia) ด้วยการใช้เครื่องทำความเย็นผ่านผิวหนัง (Surface cooling) หรือผ้าห่มเย็น (Cooling blanket) เพื่อลดความเสียหายในสมอง
    • ให้ยาควบคุมระดับความดันโลหิต
    • ให้ยาบำบัดอาการชัก
    • ส่งสารอาหารผ่านทางหลอดเลือดดำ (IV) เพื่อช่วยฟื้นฟูลำไส้
    • ฟอกไต เพื่อปรับสมดุลเลือดในร่างกาย

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงจิตรลดา ชินสุวรรณ

    พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 23/06/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา