backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

แอดเดอรอล® (Adderall®)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

แอดเดอรอล® (Adderall®)

ข้อบ่งใช้

ยาแอดเดอรอล® (แอมเฟตามีน และ เด็กซ์โตรแอมเฟตามีน) ใช้สำหรับ

ยาแอดเดอรอล® (Adderall®) มีส่วนประกอบหลักคือ แอมเฟตามีน (Amphetamine) และ เด็กซ์โตรแอมเฟตามีน (Dextromphetamine) ใช้เพื่อรักษาโรคลมหลับ (narcolepsy) และโรคสมาธิสั้น (attention deficit hyperactivity disorder)

ยาแอดเดอร์รอลยังอาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น นอกเหนือจากคู่มือการใช้ยา

วิธีการใช้ยาแอดเดอรอล® (แอมเฟตามีน และ เด็กซ์โตรแอมเฟตามีน)

ใช้ยาแอดเดอร์รอลตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด การใช้ยานี้อย่างไม่ถูกต้อง อาจทำให้เสียชีวติ หรือเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงต่อหัวใจ

คุณสามารถรับประทานยานี้พร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหากได้ ควรจะรับประทานยาแอดเดอรอล® เป็นสิ่งแรกในตอนเช้า

อย่าบด เคี้ยว หัก หรือแกะเปิดยาแคปซูลแอดเดอรอล® เอ็กซ์อาร์รูปแบบออกฤทธิ์นาน ควรกลืนยาลงไปทั้งเม็ด

เพื่อให้กลืนยาได้ง่ายขึ้น คุณสามารถแกะยาแคปซูลออก แล้วโรยผงยาลงบนซอสแอปเปิ้ล กลืนส่วนผสมลงไปโดยไม่ต้องเคี้ยว อย่าผสมยาไว้ล่วงหน้า

การเก็บรักษายาแอดเดอรอล® (แอมเฟตามีน และ เด็กซ์โตรแอมเฟตามีน)

ยาแอดเดอร์รอลควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาแอดเดอร์รอลบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

ไม่ควรทิ้ยาแอดเดอร์รอลลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาแอดเดอรอล®  (แอมเฟตามีน และ เด็กซ์โตรแอมเฟตามีน)

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์ทราบหาก

  • คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่คุณตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
  • หากคุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ รวมทั้งยาที่หาซื้อได้เอง เช่น สมุนไพรหรือยาทางเลือกอื่นๆ
  • หากคุณแพ้สารออกฤทธิ์หรือไม่มีฤทธิ์ในการรักษาของยาแอดเดอรอล® หรือยาอื่นๆ
  • หากคุณมีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่นๆ

ยาแอดเดอรอล® อาจทำให้เกิดการเสพติด อย่าแบ่งยานี้กับผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีประวัติใช้ยาในการที่ผิดหรือติดยาเสพติด การขายหรือแจกจ่ายยานี้ผิดกฏหมาย

ขณะที่กำลังใช้ยาแอดเดอรอล®  แพทย์อาจจะต้องนัดพบเพื่อตรวจความคืบหน้าเป็นประจำ คุณอาจจำเป็นต้องตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ส่วนสูง และน้ำหนักเป็นประจำ

ยาแอดเดอรอล® สามารถทำให้ผลการตรวจทางการแพทย์บางชนิดผิดปกติได้ โปรดแจ้งให้แพทย์ของคุณทุกคนทราบว่า คุณกำลังใช้ยานี้

คุณไม่ควรใช้ยาแอดเดอรอล® หากคุณเป็นโรคต้อหิน ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (overactive thyroid) กระสับกระส่ายอย่างรุนแรง ความดันโลหิตสูงระดับปานกลางถึงรุนแรง โรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดหัวใจ หรือเคยมีประวัติติดแอลกอฮอล์หรือยาเสพติด

อย่าใช้ยาแอดเดอรอล®  หากคุณเพิ่งใช้ยาในกลุ่ม MAO inhibitor ภายใน 14 วันที่ผ่านมา ทั้งยาไอโซคาร์โบซาซิด (isocarboxazid) ลิเนโซลิด (linezolid) เมทิลินบลูสำหรับฉีด (methylene blue injection) ฟีเนลซีน (phenelzine) ราซาจิลีน (rasagiline) เซเลจิลีน (selegiline) ทรานีลไซโพรมีน (tranylcypromine) และอื่นๆ

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้

ยาแอดเดอรอล® จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยาแอดเดอรอล®  (แอมเฟตามีน และ เด็กซ์โตรแอมเฟตามีน)

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปมีดังนี้

  • ปวดท้อง
  • เบื่ออาหาร
  • น้ำหนักลด
  • มีความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
  • รู้สึกประหม่า
  • หัวใจเต้นเร็ว
  • ปวดหัว
  • วิงเวียน
  • นอนไม่หลับ
  • ปากแห้ง

หยุดใช้ยานี้และติดต่อแพทย์ในทันทีหากคุณมีอาการ

  • ปวดหน้าอก หายใจติดขัด รู้สึกคล้ายจะหมดสติ
  • ภาพหลอน (มองเห็นหรือได้ยินสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง)
  • มีปัญหาทางพฤติกรรมใหม่ๆ
  • ก้าวร้าว
  • ไม่เป็นมิตร
  • หวาดระแวง
  • ชัก
  • รู้สึกชา ปวด หนาว มีแผลที่หาสาเหตุไม่ได้ หรือสีผิวเปลี่ยนแปลง (ดูซีด แดง หรือเป็นสีน้ำเงิน) ที่นิ้วมือหรือนิ้วเท้า
  • กล้ามเนื้อกระตุก
  • การมองเห็นเปลี่ยนแปลง
  • อาการปวดกล้ามเนื้อที่หาสาเหตุไม่ได้ อาการกดเจ็บ หรืออ่อนแรง (โดยเฉพาะหากคุณเป็นไข้ เหนื่อยล้าผิดปกติ และปัสสาวะสีคล้ำร่วมด้วย)
  • ระดับสารเซโรโทนิน (serotonin) ในร่างกายสูง – กระสับกระส่าย เห็นภาพหลอน เป็นไข้ หัวใจเต้นเร็ว ปฏิกิริยาตอบโต้มากเกินไป คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง สูญเสียการเคลื่อนไหวที่สอดประสาน หมดสติ

รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันทีหากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ

ยาแอดเดอรอล® สามารถส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตในเด็ก โปรดแจ้งใหแพทย์ทราบหากลูกของคุณไม่โตตามปกติขณะที่กำลังใช้ยานี้

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ หรืออาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาแอดเดอรอล® อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่

  • ยารักษาโรคซึมเศร้า
  • ยารักษาโรคทางจิตเวช
  • ยาแก้ปวดแบบเสพติด (narcotic medication) หรือยาโอปิออยด์ (opioid)
  • ยาป้องกันอาการคลื่นไส้และอาเจียน
  • ยาสำหรับความดันโลหิต
  • ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาฟาริน (warfarin) คูมาดิน (Coumadin) แจนโทเวน (Jantoven)
  • ยาแก้หวัดหรือยาแก้แพ้ที่มีส่วนผสมของยาหดหลอดเลือด (decongestant)
  • ยารักษาอาการชัก
  • ยาลดกรดในกระเพาะอาหาร เช่น อะซิฟเฮกซ์ (AcipHex) พรีวาซิด (Prevacid) พริลโรเซค (Prilosec) เนเซียม (Nexium) โพรโทนิกซ์ (Protonix)

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาแอดเดอรอล® อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาแอดเดอรอล® อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

โรคที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่

  • ความดันโลหิตสูงระดับปานกลางถึงรุนแรง
  • โรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดหัวใจ (หลอดเลือดแข็งขึ้น)
  • ต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
  • โรคต้อหิน
  • วิตกกังวลอย่างรุนแรง ตึงเครียด หรือกระสับกระส่าย (ยากระตุ้นสามารถทำให้อาการเหล่านี้แย่ลงได้)
  • เคยติดยาหรือแอลกอฮอล์
  • ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจหรือโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด (congenital heart defect)
  • ความดันโลหิตสูง
  • คนในครอบครัวเคยเป็นโรคหัวใจหรือเสียชีวิตเฉียบพลัน
  • ซีมเศร้า ป่วยทางจิต โรคอารมณ์สองขั้ว (bipolar disorder) โรคจิต (psychosis) หรือมีความคิดหรือการพยายามฆ่าตัวตาย
  • กล้ามเนื้อกระตุก (Motor tics) หรือกลุ่มอาการทูเร็ตต์ (Tourette’s syndrome)
  • อาการชักหรือโรคลมชัก (epilepsy)
  • ผลการตรวจคลื่นไฟฟ้าสมองผิดปกติ
  • ปัญหาเกี่ยวกับการไหลเวียนของเลือดที่มือหรือเท้า

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาแอดเดอรอล®  (แอมเฟตามีน และ เด็กซ์โตรแอมเฟตามีน) สำหรับผู้ใหญ่

โรคลมหลับ

ยาเม็ด

  • ขนาดยาเริ่มต้น 10 มก. ต่อวัน รับประทานเมื่อตื่นนอน
  • ขนาดยาปกติ อาจเพิ่มขนาดยาต่อวันในขนาด 10 มก. ทุกสัปดาห์ จนถึง 60 มก. ต่อวันโดยแบ่งรับประทาน 2-3 ครั้ง รับประทานยาครั้งแรกเมื่อตื่นนอน และให้ยาเพิ่ม (1 หรือ 2 ครั้ง) โดยเว้นช่วง 4-6 ชั่วโมง หากเกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ เช่น นอนไม่หลับหรือโรคอะนอเร็กเซีย (anorexia) ควรลดขนาดยาลง

โรคสมาธิสั้น

ยาแคปซูลแบบออกฤทธิ์นาน

  • ขนาดยาเริ่มต้น สำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นโรคสมาธิสั้น ทั้งผู้ที่เริ่มต้นการรักษาเป็นครั้งแรก หรือผู้ที่เปลี่ยนจากยาอื่นมาใช้ยานี้ ขนาดยาที่แนะนำคือ 20 มก./วัน

ขนาดยาแอดเดอรอล®  (แอมเฟตามีน และ เด็กซ์โตรแอมเฟตามีน) สำหรับเด็ก

โรคลมหลับ

ยาเม็ด

อายุน้อยกว่า 6 ปี ไม่แนะนำ

อายุ 6 ถึง 12 ปี

  • ขนาดยาเริ่มต้น 5 มก. ต่อวัน รับประทานเมื่อตื่นนอน
  • ขนาดยาปกติ อาจเพิ่มขนาดยาต่อวันในขนาด 5 มก. ทุกสัปดาห์จนได้รับการตอบสนองที่ดีที่สุด จนถึง 60 มก. /วัน รับประทานยาครั้งแรกเมื่อตื่นนอน และให้ยาเพิ่ม (1 หรือ 2 ครั้ง) โดยเว้นช่วง 4-6 ชั่วโมง หากเกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ (เช่น นอนไม่หลับหรือโรคอะนอเร็กเซีย) ควรลดขนาดยาลง โรคลมหลับนั้นไม่ค่อยจะเกิดในเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี แต่เมื่อเกิดขึ้นก็สามารถใช้ยานี้ได้

อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 12 ปี

  • ขนาดยาเริ่มต้น 10 มก. ต่อวัน รับประทานเมื่อตื่นนอน
  • ขนาดยาปกติ อาจเพิ่มขนาดยาต่อวันในขนาด 10 มก. ทุกสัปดาห์ จนถึง 60 มก. ต่อวันโดยแบ่งรับประทาน 2-3 ครั้ง รับประทานยาครั้งแรกเมื่อตื่นนอน และให้ยาเพิ่ม (1 หรือ 2 ครั้ง) โดยเว้นช่วง 4-6 ชั่วโมง หากเกิดอาการที่ไม่พึงประสงค์ เช่น นอนไม่หลับหรือโรคอะนอเร็กเซีย (anorexia) ควรลดขนาดยาลง

โรคสมาธิสั้น

ยาเม็ด

อายุน้อยกว่า 3 ปี ไม่แนะนำ

อายุ 3 ถึง 5 ปี

  • ขนาดยาเริ่มต้น 2.5 มก. ต่อวัน รับประทานเมื่อตื่นนอน
  • ขนาดยาปกติ อาจเพิ่มขนาดยาต่อวันในขนาด 2.5 มก. ทุกสัปดาห์จนได้รับการตอบสนองที่ดีที่สุด เฉพาะในกรณีหายากเท่านั้นที่จะเป็นต้องใช้ยาทั้งหมด 40 มก. ต่อวัน โดยแบ่งรับประทาน 2-3 ครั้ง รับประทานยาครั้งแรกเมื่อตื่นนอน และให้ยาเพิ่ม (1 หรือ 2 ครั้ง) โดยเว้นช่วง 4-6 ชั่วโมง
  • อายุมากกว่าหรือเท่ากับ 6 ปี

    • ขนาดยาเริ่มต้น 5 มก. วันละหนึ่งหรือสองครั้ง รับประทานเมื่อตื่นนอน
    • ขนาดยาปกติ อาจเพิ่มขนาดยาต่อวันในขนาด 5 มก. ทุกสัปดาห์จนได้รับการตอบสนองที่ดีที่สุด เฉพาะในกรณีหายากเท่านั้นที่จะเป็นต้องใช้ยาทั้งหมด 40 มก. ต่อวัน โดยแบ่งรับประทาน 2-3 ครั้ง รับประทานยาครั้งแรกเมื่อตื่นนอน และให้ยาเพิ่ม (1 หรือ 2 ครั้ง) โดยเว้นช่วง 4-6 ชั่วโมง

    ยาแคปซูลแบบออกฤทธิ์นาน

    อายุน้อยกว่า 6 ปี ไม่แนะนำ

    อายุ 6 ถึง 12 ปี

    • ขนาดยาเริ่มต้น 5-10 มก. วันละครั้งเมื่อตื่นนอน
    • ขนาดยาปกติ อาจเพิ่มขนาดยาต่อวันในขนาด 5-10 มก. ทุกสัปดาห์
    • ขนาดยาสูงสุด 30 มก. วันละครั้งเมื่อตื่นนอน

    อายุ 13 ถึง 17 ปี

    • ขนาดยาเริ่มต้น 10 มก. วันละครั้งเมื่อตื่นนอน
    • ขนาดยาปกติ อาจเพิ่มขนาดยาต่อวันจนถึง 20 มก. วันละครั้งเมื่อตื่นนอน หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ หากไม่สามารถควบคุมอาการของโรคสมาธิสั้นได้มากพอ
    • ขนาดยาสูงสุด 20 มก. วันละครั้งเมื่อตื่นนอน

    รูปแบบของยา

    ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

    • ยาเม็ด
    • ยาแคปซูล

    กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

    หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉิน หรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

    กรณีลืมใช้ยา

    หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์

    ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา