backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

มอร์ฟีน (morphine) ข้อบ่งใช้ และผลข้างเคียง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย จิดาภา ติยะสิริทานนท์ · แก้ไขล่าสุด 30/11/2023

มอร์ฟีน (morphine) ข้อบ่งใช้ และผลข้างเคียง

มอร์ฟีน (morphine) ใช้เพื่อลดความเจ็บปวดระดับปานกลางถึงรุนแรง มอร์ฟีนอยู่ในกลุ่มของยาที่เรียกว่า Narcotic analgesics หรืออนุพันธุ์ของฝิ่น (opiate) ยานี้ออกฤทธิ์ต่อสมองในการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของร่างกาย และการตอบสนองต่อความเจ็บปวด

ข้อบ่งใช้

มอร์ฟีน ใช้สำหรับ

มอร์ฟีน (morphine) ใช้เพื่อลดความเจ็บปวดระดับปานกลางถึงรุนแรง มอร์ฟีนอยู่ในกลุ่มของยาที่เรียกว่า Narcotic analgesics หรืออนุพันธุ์ของฝิ่น (opiate) ยานี้ออกฤทธิ์ต่อสมองในการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกของร่างกาย และการตอบสนองต่อความเจ็บปวด

วิธีการใช้ มอร์ฟีน

รับประทานยานี้ตามที่แพทย์สั่ง คุณอาจรับประทานยาพร้อมอาหารหรือไม่ก็ได้ หากคุณคลื่นไส้ อาการอาจจะดีขึ้น หากรับประทานยาพร้อมอาหาร ถามแพทย์หรือเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีการอื่นที่จะลดอาการคลื่นไส้ เช่น นอนลง 1 ถึง 2 ชั่วโมง โดยให้ศีรษะขยับน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

หากคุณรับประทานยานี้ในรูปแบบยาน้ำ อ่านคำแนะนำในการใช้ยาโดยเภสัชกร ก่อนจะเริ่มใช้มอร์ฟีนในรูปแบบยาน้ำ หากคุณมีคำถามใดๆให้ถามแพทย์หรือเภสัชกร วัดขนาดยาอย่างระมัดระวัง ด้วยอุปกรณ์หรือช้อนตวง อย่าใช้ช้อนกินอาหารที่บ้าน เพราะคุณอาจจะได้รับขนาดยาที่ผิดพลาด ถามเภสัชกรหรือแพทย์ หากคุณไม่มั่นใจเกี่ยวกับวิธีการวัดขนาดยา

ขนาดยาขึ้นอยู่กับอาการโรค และการตอบสนองต่อการรักษา อย่าเพิ่มขนาดยา ใช้ยาบ่อยขึ้น หรือใช้นานเกินกว่าที่แพทย์แนะนำ หยุดใช้ยาเมื่อได้รับคำแนะนำให้ทำอย่างนั้น ยาแก้ปวดจะออกฤทธิ์ได้ดีที่สุด เมื่อใช้ตั้งแต่ครั้งแรกที่มีอาการ หากคุณรอกระทั่งอาการแย่ลง ยานี้อาจไม่ออกฤทธิ์ได้ดีเท่าที่ควร

หากคุณมีอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง เช่น เนื่องจากมะเร็ง แพทย์อาจแนะนำให้คุณใช้ยาเสพติดชนิดออกฤทธิ์ในระยะยาว (long-acting narcotic medication) ในกรณีนั้นยานี้อาจใช้สำหรับรักษาอาการเจ็บปวดฉับพลันเท่าที่จำเป็น แพทย์อาจให้ยาแก้ปวดชนิดไม่ใช่สารเสพติด เช่น ยาอะซีตามิโนเฟน (acetaminophen) ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) พร้อมกับยานี้ ถามแพทย์หรือเภสัชกร หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับการใช้มอร์ฟีน ควบคู่กับยาชนิดอื่นอย่างปลอดภัย

ยานี้อาจทำให้เกิดอาการถอนยา โดยเฉพาะเมื่อใช้ยาอย่างสม่ำเสมอเป็นระยะเวลานาน หรือในปริมาณมาก ในกรณีเหล่านั้น อาการของการขาดยา เช่น กระสับกระส่าย ตาแฉะ น้ำมูกไหล คลื่นไส้ เหงื่อออก และปวดตามกล้ามเนื้อ อาจเกิดขึ้นได้ หากคุณหยุดใช้ยานี้ทันที เพื่อหลีกเลี่ยงอาการถอนยา แพทย์อาจแนะนำให้คุณค่อยๆ ลดขนาดยา ถามแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม และรายงานอาการของการขาดยาใดๆ ทันที

เมื่อใช้ยานี้เป็นระยะเวลานาน ยานี้อาจไม่ได้ผลเช่นกัน ปรึกษาแพทย์หากยานี้ไม่ออกฤทธิ์อย่างดีแล้ว

เมื่อพิจารณาร่วมกับข้อดีของยา น้อยครั้งที่ยานี้มักจะทำให้เกิดพฤติกรรมอยากใช้ยาผิดปกติ (การเสพติด) ความเสี่ยงอาจเพิ่มขึ้น หากคุณเคยดื่มแอลกอฮอล์ หรือใช้ยาเสพติดในทางที่ไม่เหมาะสม รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเสพติด แจ้งให้แพทย์ทราบ หากยังคงมีอาการอยู่ หรืออาการแย่ลง

วิธีการเก็บรักษา มอร์ฟีน

คุณควรเก็บมอร์ฟีนไว้ในอุณหภูมิห้อง รวมถึงเก็บให้พ้นจากแสงและความชื้น เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับยา คุณไม่ควรเก็บมอร์ฟีนไว้ให้ห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง มอร์ฟีนแต่ละยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บแตกต่างกันไป สิ่งสำคัญ คือการอ่านคำแนะนำการเก็บรักษายาบนฉลากผลิตภัณฑ์ หรือสอบถามเภสัชกร เพื่อความปลอดภัย คุณควรเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง

คุณไม่ควรทิ้งมอร์ฟีนลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น สิ่งสำคัญคือทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่จำเป็นต้องใช้ยาอีกต่อไป ปรึกษาเภสัชกรเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีทิ้งยาอย่างปลอดภัย

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ มอร์ฟีน

ก่อนใช้มอร์ฟีน

  1. แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้มอร์ฟีน ยาชนิดอื่นหรือส่วนผสมที่ไม่ได้ออกฤทธิ์ของมอร์ฟีนในรูปของยาเม็ด แคปซูล หรือยาน้ำที่คุณวางแผนที่จะใช้ ถามเภสัชกรเกี่ยวกับรายชื่อส่วนผสมที่ไม่ได้ออกฤทธิ์
  2. แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ เกี่ยวยาที่ขายตามร้านขายยา และยาที่จ่ายโดยแพทย์ วิตามิน อาหารเสริม และสมุนไพรที่คุณใช้อยู่ หรือมีแผนที่จะใช้ และดูให้มั่นใจว่าได้เอ่ยถึงยาเหล่านี้
  • ยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) ซึ่งพบในยาแก้ไข้และยาแก้แพ้ ยาบิวพรีนอร์ฟีน (buprenorphine) หรือยาบิวทรานส์ (Butrans)
  • ซูบอกโซน (Suboxone)
  • ยาบิวทอร์พานอล (butorphanol)
  • ยาสตาดอล (Stadol)
  • ยาขับปัสสาวะ ยานาลบูฟีน (nalbuphine)
  • ยานูบาอิน (Nubain)
  • ยาเพนตาโซซีน (pentazocine)
  • ยาทาลวิน (Talwin)
  • ยาทาลาเซน (Talacen)
  • ยาควินิดีน (quinidine)
  • ยานูดแดกซ์ตา (Nuedexta)
  1. แจ้งให้แพทย์ทราบด้วย หากคุณกำลังใช้ยาต่อไปนี้ หรือหยุดใช้ยาภายใน 2 สัปดาห์ ได้แก่ ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์โมโนเอมีนออกซิเดส ( monoamine oxidase inhibitors) รวมถึงยาไอโซคาร์บอกซาซิด (isocarboxazid) หรือยามาร์แพลน (Marplan) ยาฟีเนลซีน (phenelzine) หรือยานาร์ดิล (Nardil) ยาเซเลกิลีน (selegiline) หรือยาเอลเดอพริล (Eldepryl) ยาเอนซาม (Emsam) และยาเซลาพาร์ (Zelapar) รวมถึงยาทรานิลซัยโปรมีน (tranylcypromine) หรือยาพาร์เนท (Parnate) แพทย์อาจจำเป็นต้องปรับขนาดยา หรือเฝ้าสังเกตอาการที่เกิดจากผลข้างเคียงอย่างใกล้ชิด
  2. แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณมีหรือเคยมีโรคประจำตัวใดๆ หรือท้องอืด (อาหารที่ย่อยแล้วไม่เคลื่อนตัวไปตามลำไส้) แพทย์อาจไม่ให้คุณใช้มอร์ฟีน
  3. แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณกำลังหรือเคยมีสิ่งอุดตันในกระเพาะอาหารหรือลำไส้ เป็นลมชัก กลืนอาหารลำบาก ต่อมลูกหมากโต (ต่อมที่ใช้สืบพันธุ์ของผู้ชายมีขนาดใหญ่ขึ้น) ปัญหาในการปัสสาวะ ความดันโลหิตต่ำ โรคแอดดิสัน (Addison’s disease) หรืออาการที่ต่อมอะดรีนาลีนไม่ได้ผลิตสารบางชนิดมากพอ รวมถึงโรคตับ ไต ตับอ่อน ต่อมไทรอยด์ และกระเพาะปัสสาวะ
  4. แจ้งให้แพทย์ทราบ หากคุณกำลังให้นมบุตร
  5. หากคุณจะเข้ารับการผ่าตัด รวมถึงการทำฟัน แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบว่า คุณกำลังใช้มอร์ฟีน
  6. คุณควรรู้ว่ายานี้อาจทำให้คุณง่วงซึม อย่าขับรถ หรือใช้เครื่องจักร จนกว่าคุณจะทราบว่า ยานี้ออกฤทธิ์ต่อคุณอย่างไร
  7. คุณควรรู้ว่ามอร์ฟีนอาจทำให้วิงเวียนศีรษะ หน้ามืดหรือเป็นลม เมื่อคุณลุกขึ้นไวเกินไปขณะเปลี่ยนอิริยาบถจากท่านอน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้ ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง พักเท้าไว้ที่พื้นสองสามนาทีก่อนจะยืนขึ้น

คุณควรรู้ว่า มอร์ฟีน อาจทำให้ท้องผูก ปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนอาหาร หรือการใช้ยาอื่น เพื่อป้องกันหรือรักษาอาการท้องผูก ขณะที่คุณกำลังใช้มอร์ฟีน

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ไม่มีการศึกษาในผู้หญิงที่เพียงพอ ที่จะระบุความเสี่ยงขณะที่ใช้ยานี้ระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ก่อนใช้มอร์ฟีน

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ มอร์ฟีน

เข้ารับการรักษาหากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ใดๆ เช่น เป็นลมพิษ หายใจลำบาก หน้า ริมฝีปาก ลิ้นหรือคอบวม

ไปโรงพยาบาลทันทีหากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น

  • หายใจไม่เต็มปอด หัวใจเต้นช้า
  • กล้ามเนื้อล้า ลมชัก
  • ผิวหนังแตกลอก
  • สับสน มีความคิดหรือพฤติกรรมที่ไม่ปกติ
  • อ่อนล้าอย่างรุนแรง รู้สึกเหมือนจะสลบ
  • มีปัญหาในการกลืน
  • ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ หรือไม่ปัสสาวะเลย
  • ผิวซีด รู้สึกหน้ามืดหรือหายใจถี่ หัวใจเต้นเร็ว มีปัญหาในการควบคุมสมาธิ
  • ช้ำง่าย เลือดออกผิดปกติ (จมูก ปาก ช่องคลอดหรือทวารหนัก) มีรอยม่วงหรือแดงใต้ผิว

ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่าอาจรวมถึง

  • น้ำหนักลด
  • ท้องผูก ท้องเสีย
  • คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร
  • หน้าแดง (ตัวร้อน มีรอยแดง หรือรู้สึกเสียวแปลบ)
  • ปวดศีรษะ วิงเวียนศีรษะ หรือรู้สึกบ้านหมุน
  • มีปัญหาในการจดจำ
  • มีปัญหาในการนอนหลับ (นอนไม่หลับ) ฝันประหลาด

ไม่ใช่ทุกคนที่จะแสดงอาการอันเนื่องมาจากผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจมีผลข้างเคียงอื่นที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น หากคุณมีความกังวลเรื่องผลข้างเคียง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

มอร์ฟีนอาจเกิดปฏิกิริยาต่อยาตัวอื่นที่คุณกำลังรับประทานอยู่ และอาจส่งผลให้ยาที่คุณรับประทานออกฤทธิ์ต่างไปจากเดิม หรือเพิ่มความเสี่ยงของผลข้างเคียงที่รุนแรง เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาที่อาจเป็นไปได้ คุณควรแจ้งรายชื่อยาทั้งหมดที่คุณใช้ ทั้งยาที่จำหน่ายตามใบสั่งแพทย์ ยาที่จำหน่ายโดยไม่ต้องใช้ใบสั่งแพทย์ และสมุนไพร และแจ้งให้แพทย์รวมถึงเภสัชกรทราบ เพื่อความปลอดภัย อย่าเริ่ม หรือหยุดใช้ยา รวมถึงเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากแพทย์

การใช้ยานี้กับยาอื่นๆ จะทำให้คุณง่วงนอน หรือหายใจช้าลง ซึ่งอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย หรือเป็นอันตรายถึงชีวิต ปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้มอร์ฟีนร่วมกับยานอนหลับ ยาแก้ปวดชนิดเสพติดอื่นๆ ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยารักษาความเครียด ภาวะซึมเศร้าหรืออาการชัก

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

มอร์ฟีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์ โดยเปลี่ยนฤทธิ์ยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ถึงอาหารหรือแอลกอฮอล์ที่อาจทำปฏิกิริยากับยานี้ ก่อนใช้ยา

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

มอร์ฟีนอาจส่งผลต่อสุขภาพของคุณ ปฏิกิริยาของยาที่มีต่อร่างกายอาจทำให้สุขภาพของคุณย่ำแย่ลง หรือเปลี่ยนฤทธิ์ของยา สิ่งสำคัญคือโปรดแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบ เกี่ยวกับสุขภาพและโรคประจำตัวของคุณ โดยเฉพาะ

  • โรคแอดดิสัน (Addison)
  • ดื่มแอลกอฮอล์
  • เคยมีเนื้องอกในสมอง
  • โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD)
  • Cor pulmonale (โรคหัวใจร้ายแรง)
  • เคยเป็นซึมเศร้า
  • กำลังหรือเคยติดยาโดยเฉพาะยาเสพติด
  • ต่อมลูกหมากโต
  • โรคถุงน้ำดีหรือนิ่ว
  • เคยบาดเจ็บที่ศีรษะ
  • โรคหัวใจ
  • ภาวะพร่องฮอร์โมนไทรอยด์
  • ปริมาณเลือดต่ำ
  • ความดันในศีรษะเพิ่มขึ้น
  • กระดูกสันหลังโค้งและมีปัญหาเกี่ยวกับการหายใจ
  • เคยป่วยทางจิต
  • ปัญหาเกี่ยวกับปัสสาวะ
  • ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือลำไส้ (เช่น การอุดตัน)
  • มีปัญหาในการกลืน
  • สภาพร่างกายที่อ่อนแอ – ใช้ด้วยความระมัดระวัง อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง
  • หอบหืดรุนแรง
  • ปัญหาเกี่ยวกับการหายใจรุนแรง (เช่น ภาวะขาดออกซิเจน)
  • ลำไส้ไม่ทำงาน (ลำไส้หยุดทำงานและอุดตัน)
  • ระบบทางเดินหายใจทำงานลดลง (หายใจช้ามาก) – ไม่ควรใช้ในผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้
  • ภาวะความดันโลหิตต่ำ (ความดันต่ำ)
  • ตับอ่อนอักเสบ (อักเสบหรือบวมของตับอ่อน)
  • เคยชัก – ใช้ด้วยความระมัดระวัง อาจทำให้อาการแย่ลง
  • โรคไต
  • โรคตับ – ใช้ด้วยความระมัดระวัง ผลกระทบอาจเพิ่มขึ้น เนื่องจากการร่างกายกำจัดยาได้ช้าลง

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยานี้

ขนาดยา มอร์ฟีน สำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาทั่วไปสำหรับรักษาอาการปวด

ยาเม็ดออกฤทธิ์ทันที

อนุพันธุ์ฝิ่น

ขนาดยาเริ่มต้น 15 ถึง 30 มิลลิกรัม หากรับประทานเป็นประจำทุก 4 ชั่วโมง

สารละลายสำหรับรับประทาน

อนุพันธุ์ฝิ่น

ขนาดยาเริ่มต้น 10 ถึง 20 มิลลิกรัม รับประทานเป็นประจำทุก 4 ชั่วโมงตามความจำเป็น/ฉีดยาเข้าทางกล้ามเนื้อ

ขนาดยาเริ่มต้น 10 มก. ทุก 4 ชั่วโมงตามที่จำเป็น

ขอบเขตของขนาดยา 5 ถึง 20 มก. ทุก ๆ 4 ชั่วโมงตามต้องการ

ฉีดยาเข้าทางเส้นเลือด

เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดและใช้ก่อนให้ยาสลบ

ขนาดยาเริ่มต้น: 4 ถึง 10 มิลลิกรัม ทุก 4 ชั่วโมง ค่อย ๆ ใช้ยามากกว่า 4 ถึง 5 นาที

ขอบเขตของขนาดยา 5 ถึง 15 มิลลิกรัม

ขอบเขตของขนาดยาในแต่ละวัน: 12 ถึง 120 มิลลิกรัม

ยาทางเลือก 2 ถึง 10 มิลลิกรัมต่อ 70 กิโลกรัมของน้ำหนักตัว

ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน

ขนาดยาเริ่มต้น: 4 ถึง 8 มิลลิกรัม

ขนาดยาที่จำเป็นต่อการรักษา 2 ถึง 8 มิลลิกรัมทุก 4 ถึง 15 นาทีตามที่จำเป็น

การผ่าตัดหัวใจที่เปิดกว้าง 0.5 ถึง 3 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมเข้าทางหลอดเลือด เพื่อเป็นยาสลบหรือใช้ร่วมกับยาสลบชนิดอื่น

ปวดเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งระยะสุดท้าย

การฉีดยาต่อเนื่อง ก่อนที่จะมีการฉีดยา (ความเข้มข้นระหว่าง 0.2 ถึง 1 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร) อาจใช้ยาที่ใช้ในการฉีดมอร์ฟีนชนิดซัลแฟท (sulfat) ขนาด 15 มิลลิกรัมหรือมากกว่าเพื่อลดอาการปวด

การฉีดยาเข้าเส้นเลือด IV และกล้ามเนื้อ IM สำหรับผู้ป่วยเพื่อบรรเทาอาการเจ็บ

1 ถึง 2 มิลลิกรัม ฉีดยา 30 นาทีหลังจากได้รับยาขนาดทั่วไป 5 ถึง 20 มิลลิกรัม ระยะเวลาการปิดเครื่องอยู่ที่ 6 ถึง 15 นาที

การบล็อกหลังแบบ epidural

ขนาดยาเริ่มต้น 5 มก. ในบริเวณเอวอาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้นานถึง 24 ชั่วโมง หากไม่สามารถบรรเทาอาการปวดได้ภายในหนึ่งชั่วโมงการให้ยาที่มีขนาดตั้งแต่ 1 ถึง 2 มิลลิกรัมในช่วงเวลาที่นานเพียงพอเพื่อประเมินประสิทธิภาพที่อาจได้รับ

ขนาดยาสูงสุด 10 มิลลิกรัมต่อ 24 ชั่วโมง

ไขสันหลัง

  • ขนาดยามักจะเป็นหนึ่งในสิบของขนาดยาสำหรับแก้ปวด
  • ขนาดยาเริ่มต้น 0.2 ถึง 1 มิลลิกรัมอาจช่วยบรรเทาอาการปวดได้นานถึง 24 ชั่วโมง ไม่แนะนำการฉีดซ้ำ

ขนาดยาของ มอร์ฟีน สำหรับเด็ก

ขนาดยาที่ใช้ในเด็กทั่วไปสำหรับอาการปวด

0.1 ถึง 0.2 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมตามความจำเป็น ไม่เกิน 15 มิลลิกรัมต่อครั้ง

การฉีดยาเข้าหลอดเลือด 50 ถึง 100 ไมโครกรัม (0.05 ถึง 0.1 มิลลิกรัม) ต่อกิโลกรัม ไม่เกิน 10 มิลลิกรัมต่อครั้ง

รูปแบบของมอร์ฟีน

มอร์ฟีนสามารถใช้ได้ในรูปแบบต่อไปนี้:

Epidural สำหรับฉีด 10 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตรลิตร 15 มิลลิกรัมต่อ 1.5 มิลลิลิตร

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือใช้ยาเกินขนาด ให้ติดต่อบริการฉุกเฉินในพื้นที่ของคุณ หรือไปที่ห้องฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด

อาการของการให้ยาเกินขนาดอาจรวมถึง

  • หายใจช้า ตื้นหรือไม่สม่ำเสมอ
  • ง่วงนอน
  • หมดสติ
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • ผิวหนังแตกลอก
  • ม่านตาเล็ก
  • หัวใจเต้นช้า
  • มองเห็นภาพซ้อน
  • คลื่นไส้
  • เป็นลม

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์

ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย จิดาภา ติยะสิริทานนท์ · แก้ไขล่าสุด 30/11/2023

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา