backup og meta

ระบบประสาท

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 01/11/2022

    ระบบประสาท

    ระบบประสาท มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย เช่น การเคลื่อนไหว ความคิด ความรู้สึก การพูด การหายใจ โดยเชื่อมกับการทำงานของสมองและไขสันหลัง ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ระบบประสาทเสื่อม และพัฒนาให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ลดระดับความเครียด และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ช่วยบำรุงสมองและระบบประสาท

    ระบบประสาท คืออะไร

    ระบบประสาท เป็นอวัยวะที่ประกอบด้วยเส้นประสาทและเซลล์จำนวนมาก ทำงานร่วมกับสมองและไขสันหลัง เพื่อช่วยควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ระบบประสาทแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่

    1. ระบบประสาทส่วนกลาง (Central Nervous System : CNS)

    ระบบประสาทส่วนกลางประกอบด้วยสมองและไขสันหลัง ทำหน้าที่ในการรับรู้ ประมวลผล และสั่งการ อวัยวะ 2 ส่วนนี้จะทำงานร่วมกัน โดยไขสันหลังเป็นทางผ่านที่ช่วยถ่ายทอดกระแสประสาทหรือข้อมูลจากสมองไปร่างกายและจากร่างกายกลับมายังสมอง

    สมอง

    แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้

    เป็นสมองส่วนที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุด ประกอบด้วยซีรีบรัม (Cerebrum) หรือที่เรียกว่าสมองซีกซ้ายและสมองซีกขวาที่เชื่อมต่อกัน โดยนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าซีรีบรัมแต่ละซีกมีหน้าที่แตกต่างกัน ซีรีบรัมด้านซ้ายควมคุมการคิด การวิเคราะห์ ตรรกะ เป็นต้น ส่วนซีรีบรัมด้านขวาควบคุมความคิดสร้างสรรค์ สัญชาตญาณ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สมองทั้ง 2 ซีกต้องทำงานร่วมกัน ไม่ได้แยกกันทำงานโดยสิ้นเชิง

    ซีรีบรัมถูกห่อหุ้มด้วยคอร์เทกซ์ (Cortex) ที่มีบทบาทในการควบคุมการเคลื่อนไหวและความรู้สึก เมื่อได้รับข้อมูลผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น มือ ข้อมูลเหล่านั้นจะถูกส่งต่อไปยังคอร์เทกซ์ จากนั้นจึงถูกกระจายไปสู่ระบบประสาทส่วนอื่น ๆ เพื่อประมวลผล เช่น หากแตะเตาที่ร้อนจัด สมองจะรวบรวมข้อมูลและสั่งการให้นำมือออก และจดจำว่าไม่ควรนำมือไปแตะเตาร้อน ๆ อีก

    ในสมองส่วนหน้าประกอบด้วยทาลามัส (Thalamus) ซึ่งคอยส่งข้อมูลที่ได้รับจากประสาทสัมผัสทั้ง 5 ไปยังคอร์เทกซ์ มีหน้าที่ควบคุมสติ และความตื่นตัว และไฮโปทาลามัส (Hypothalamus) ที่ควบคุมระบบการทำงานที่เกิดขึ้นอัตโนมัติในร่างกาย เช่น ความหิว ความกระหายน้ำ การเต้นของชีพจร การนอนหลับ ทั้งยังช่วยควบคุมการทำงานของต่อมใต้สมองซึ่งมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญ การเจริญเติบโต ความสมดุลของของเหลวในร่างกาย ความเครียด เป็นต้น อีกทั้งไฮโปทาลามัสยังควบคุมการหลั่งฮอร์โมนของต่อมหมวกไต ไทรอยด์ รังไข่ ลูกอัณฑะ ช่วยให้อวัยวะเหล่านั้นทำงานได้อย่างเป็นปกติ ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะต่าง ๆ เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ น้ำหนักขึ้นเร็ว อวัยวะไม่พัฒนาตามช่วงวัย หรือมีขนาดเล็กกว่าปกติ โดยเฉพาะอวัยวะเพศของผู้ชาย

    • สมองส่วนกลาง

    สมองส่วนกลางอยู่ใต้สมองส่วนหน้า คอยทำหน้าที่ประสานงานในการรับสารต่าง ๆ ที่เข้าและออกจากสมองส่งต่อไปยังไขสันหลัง เพื่อดำเนินการให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • สมองส่วนหลัง หรือสมองส่วนท้าย
  • สมองส่วนหลังอยู่บริเวณหลังซีรีบรัม ทำหน้าที่รักษาความสมดุลของการเคลื่อนไหวและการประสานงานของร่างกาย

    • ไขสันหลัง

    ไขสันหลังเชื่อมต่อกับก้านสมองด้านล่างลงไปถึงบริเวณกระดูกเชิงกราน มีความยาวกว่า 18 นิ้ว และมีเส้นประสาทอยู่ภายในกระดูกเป็นจำนวนมากซึ่งทำหน้าที่เป็นทางผ่านให้กับข้อมูลหรือคำสั่งที่ส่งลงมาจากสมองไปยังอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย

    2. ระบบประสาทรอบนอก (Peripheral Nervous System : PNS)

    ระบบประสาทที่ยื่นออกไปจากระบบประสาทส่วนกลาง ประกอบด้วยเส้นประสาทและปมประสาท ทำหน้าที่รับและส่งความรู้สึกไปยังระบบประสาทส่วนกลาง เช่น การรับรู้ความเจ็บปวดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือมีแผล และเกี่ยวข้องกับระบบสั่งการ เช่น การควบคุมกล้ามเนื้อ การเคลื่อนไหวร่างกาย

    การทำงานของระบบประสาท

    ข้อมูลที่ได้รับผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 จะถูกส่งไปยังสมองและไขสันหลัง และส่งกลับไปสู่อวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายผ่านเซลล์ประสาท (Neurons) ที่มีเป็นพันล้านเซลล์ ระหว่างเซลล์ประสาทแต่ละเซลล์จะมีช่องว่างที่เรียกว่า ซิแนปส์ (Synapse) และปลายประสาทของแต่ละเซลล์จะหลั่งสารสื่อประสาท (Neurotransmitters) ออกมาเพื่อเป็นตัวนำข้อมูลจากเซลล์ประสาทหนึ่งผ่านผ่านซิแนปส์ ไปยังเซลล์ประสาทอีกเซลล์

    กระบวนการดังกล่าว ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว การเรียนรู้ การหายใจ ประสาทสัมผัส อารมณ์ ความรู้สึก เป็นต้น

    อาการผิดปกติของระบบประสาท

    อาการที่อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติของระบบประสาท มีดังนี้

    • ปวดศีรษะต่อเนื่องและกะทันหัน
    • สูญเสียความรู้สึก รู้สึกร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งชา
    • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
    • สูญเสียการมองเห็นเป็นบางครั้ง
    • ชัก ตัวสั่น
    • ปวดหลังและอาจลามไปยังบริเวณนิ้วเท้า หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย
    • สูญเสียการควบคุมกล้ามเนื้อใบหน้าที่ส่งผลให้พูดไม่ชัด

    โรคระบบประสาท

    โรคระบบประสาทที่ส่งผลให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ และพบได้บ่อย มีดังนี้

    • โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ปรสิต เชื้อราที่อาจเข้าสู่ร่างกายผ่านระบบทางเดินหายใจ จนทำลายเยื่อหุ้มเซลล์ของสมอง ส่งผลให้เกิดการอักเสบ ไข้ขึ้นสูงกะทันหัน ปวดศีรษะรุนแรง ซึ่งควรเข้ารับการรักษาทันทีที่มีอาการ เพราะหากปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจทำให้ระบบประสาทเสียหายนำไปสู่การเสียชีวิตได้
    • โรคไข้สมองอักเสบ เป็นภาวะที่เกิดจากการติดเชื้อหรือการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันที่ผิดปกติ ทำให้สมองบวม นำไปสู่อาการปวดศีรษะ มีไข้ อัมพาตบางส่วน แขนขาอ่อนแรง ชัก และหมดสติ
    • โรคโปลิโอ คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสผ่านการสัมผัสหรือสูดดมสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อที่ลอยอยู่ในอากาศจากการไอ จาม โดยไวรัสจะเดินทางไปยังลำคอ ลำไส้ และอาจเพิ่มจำนวนขึ้น อีกทั้งยังอาจเข้าสู่กระแสเลือดและแพร่กระจายไปทำลายระบบประสาทได้
    • โรคหลอดเลือดสมอง อาจเกิดจากไขมันอุดตันในเส้นเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนได้ไม่ดี จึงลำเลียงออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงเนื้อเยื่อและเซลล์สมองได้ไม่เพียงพอ ส่งผลให้เนื้อเยื่อและเซลล์เริ่มตาย จนนำไปสู่การสูญเสียความทรงจำ มีปัญหาในการเคลื่อนไหว การพูดและการรับประทานอาหาร ร่างกายชา ไม่รับรู้ความรู้สึก
    • โรคปลอกประสาทเสื่อม อาจมีสาเหตุไม่แน่ชัด แต่คาดว่าอาจเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันโจมตีเนื้อเยื่อตนเองและทำให้สารเคลือบที่ปกป้องเส้นใยประสาทในสมองและไขสันหลังถูกทำลาย จนส่งผลให้เส้นประสาทเสียหาย นำไปสู่อาการกล้ามเนื้อกระตุก อัมพาต มีปัญหาด้านการจดจำ อารมณ์แปรปรวน
    • โรคอัลไซเมอร์ เป็นโรคระบบประสาทที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด แต่อาจเกิดจากโปรตีนในสมองทำงานผิดปกติ ส่งผลให้สมองทำงานช้าหรือเสื่อมลง เซลล์ประสาทได้รับความเสียหาย นักวิทยาศาสตร์หลายคนเชื่อว่าอัลไซเมอร์อาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรม และสภาพแวดล้อม เช่น อายุที่มากขึ้น การบาดเจ็บที่ศีรษะ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป

    วิธีรักษาระบบประสาทให้แข็งแรง

    การรักษาระบบประสาทให้แข็งแรง อาจทำได้โดยวิธีดังต่อไปนี้

    • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มการไหลเวียนเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงสมอง และช่วยลดระดับความเครียดที่ส่งผลต่อจิตใจ
    • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมง/คืน อาจช่วยเพิ่มความจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอาจเป็นผลดีต่อสุขภาพโดยรวม
    • รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ควรเน้นรับประทานผักและผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล
    • ฝึกทักษะให้สมอง ควรกระตุ้นการทำงานของสมองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยกิจกรรมหรือเกมที่ใช้ความคิด เช่น ปริศนาอักษรไขว้ ซูโดกุ การต่อจิ๊กซอว์ การอ่านหนังสือ
    • ใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและเพื่อน ผู้ที่เครียดบ่อยหรือเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าอาจมีแนวโน้มเกิดภาวะความจำเสื่อมและสมองฝ่อได้มากกว่า การพบปะครอบครัวและเพื่อนอาจเป็นอีกหนทางที่ช่วยให้ผ่อนคลายความเครียด ความเศร้า และความวิตกกังวล ที่อาจนำไปสู่ปัญหาเกี่ยวกับระบบประสาทและสมอง

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 01/11/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา