backup og meta

อาหารไม่ย่อย สัญญาณสะท้อนปัญหาสุขภาพ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย นบชุลี นวลอ่อน · แก้ไขล่าสุด 25/10/2021

    อาหารไม่ย่อย สัญญาณสะท้อนปัญหาสุขภาพ

    อาหารไม่ย่อย เป็นอาการที่เกิดจากการรับประทานอาหารมากเกินพอดี รับประทานอาหารผิดเวลา หรือปัญหาสุขภาพบางอย่าง ทำให้อาหารไม่สามารถย่อยและเคลื่อนตัวต่อไปยังลำไส้เล็กได้อย่างปกติ อาหารไม่ย่อยอาจเป็นสัญญาณของปัญหาสุขภาพ เช่น กรดไหลย้อน แผลในกระเพาะอาหาร หรือนิ่วในถุงน้ำดี หากมีอาการอาหารไม่ย่อย อึดอัดแน่นท้อง หรือแสบร้อนในกระเพาะอาหาร ควรหาสาเหตุเพื่อทำการรักษาอย่างทันท่วงที

    อาหารไม่ย่อย คืออะไร

    อาหารไม่ย่อย หรืออาการปวดท้องจากอาหารไม่ย่อย คืออาการแสบร้อนบริเวณท้องช่วงบน หรือบริเวณกระดูกทรวงอกช่วงล่าง อาจมีอาการปรากฏขึ้นเป็นบางครั้งหรือบ่อยครั้ง บางครั้งอาจมีอาการแสบร้อนบริเวณภายในทรวงอก อาหารไม่ย่อยมักเป็นสัญญาณบอกถึงปัญหาทางสุขภาพอื่นๆ เช่น โรคกรดไหลย้อน แผลในกระเพาะอาหาร และนิ่วในถุงน้ำดี แตกต่างกับอาการแสบร้อนกลางอกซึ่งมักก่อให้เกิดอาการคลื่นไส้หรือท้องอืด

    อาการอาหารไม่ย่อยที่รุนแรงอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพของระบบย่อยอาหารอย่างถาวร เช่น ก่อให้เกิดแผลเป็นในหลอดอาหาร หรือทางเดินอาหารสู่กระเพาะ อาการอาหารไม่ย่อยเกิดขึ้นได้กับในทุกช่วงวัย ทั้งนี้อาจมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นหากมีพฤติกรรมดังต่อไปนี้ควบคู่ไปด้วย

    • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์มากเกินไป
    • รับประทานยาแอสไพริน หรือยาแก้ปวดที่ระคายเคืองกระเพาะอาหารบ่อยครั้ง
    • มีอาการที่สร้างความผิดปกติกับทางเดินอาหาร เช่น แผลในกระเพาะอาหาร
    • เครียดและวิตกกังวล

    อาการอาหารไม่ย่อย 

    อาการอาหารไม่ย่อยอาจเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังจากรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่ม ความเครียดเเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้อาการแย่ลง อาการต่อไปนี้เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอาการอาหารไม่ย่อย

    • รู้สึกอึดอัด ไม่่สบายและหนักท้อง
    • เรอเปรี้ยว
    • มีอาการไหลย้อนกลับของอาหารหรือของเหลวกลับสู่หลอดอาหาร
    • ท้องอืด (มักไม่ปรากฏ)
    • คลื่นไส้และอาเจียน (มักไม่ปรากฏ)

    แม้จะมีวิธีรักษาอาการอาหารไม่ย่อยและยาที่ช่วยรักษาอาการได้ก็ตาม แต่อาหารไม่ย่อยอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงโรคร้ายแรงอื่นๆ  ดังนั้น ควรพบแพทย์หากพบภาวะดังต่อไปนี้ร่วมด้วย

    • อายุ 55 ปีหรือมากกว่า
    • น้ำหนักตัวลดลงมากอย่างไม่มีสาเหตุ
    • กลืนอาหารได้ยากลำบาก
    • อาเจียนบ่อยครั้ง
    • เป็นโรคโลหิตจางเนื่องจากขาดธาตุเหล็ก
    • พบต่อมหรือก้อนในกระเพาะอาหาร
    • อาเจียนเป็นเลือด หรืออุจจาระมีเลือดปน

    สาเหตุของอาหารไม่ย่อย

    โดยปกติแล้วกระเพาะอาหารจะสร้างกรดขึ้นมาเพื่อช่วยในการย่อยอาหารที่ทานเข้าไป อย่างไรก็ตาม บางครั้งกรดอาจสร้างความเสียหายให้แก่ผนังลำไส้ ก่อให้เกิดความเจ็บปวดและระคายเคือง อาหารไม่ย่อยอาจได้รับการกระตุ้นหรือมีอาการแย่ลงจากปัจจัยอื่นๆ

    สาเหตุหลักของการเกิดอาหารไม่ย่อยคือการรับประทานอาหารมากเกินไปหรือเร็วเกินไป รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเกินไปหรือรับประทานอาหารขณะที่เกิดความเครียด อีกสาเหตุหนึ่งคือ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์หรือการสูบบุหรี่ รวมถึงความเครียดและความเหนื่อยล้าล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้อาการอาหารไม่ย่อยแย่ลง

    หากมีน้ำหนักตัวมากเกินปกติ ก็นับว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นอาหารไม่ย่อยเนื่องจากความดันที่เพิ่มขึ้นในกระเพาะอาหาร

    โรคที่ก่อให้เกิดการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหารสู่หลอดอาหารหรือเป็นสาเหตุให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารทำงานผิดปกติทำให้อาหารไหลย้อนกลับสู่หลอดอาหารได้ โรคบางอย่างที่ก่อให้เกิดอาหารไม่ย่อย ได้แก่

    • แผลในกระเพาะอาหาร
    • โรคกรดไหลย้อนจากกระเพาะอาหาร
    • มะเร็งกระเพาะอาหาร (พบได้ไม่บ่อยนัก)
    • อาการ Gastroparesis (ภาวะที่กล้ามเนื้อกระเพาะทำงานน้อยลง มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน)
    • การติดเชื้อในกระเาพะอาหาร
    • กลุ่มโรคลำไส้แปรปรวน
    • โรคตับเรื้อรัง
    • ไทรอยด์
    • ตั้งครรภ์

    การใช้ยาบางชนิดอาจก่อให้เกิดอาหารไม่ย่อย เช่น ยาไนเตรท ช่วยในการขยายหลอดเลือด ซึ่งอาจทำให้หลอดอาหารคลายตัวส่งผลให้เกิดการไหลย้อนของกรด

    หากมีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ไม่ควรรับประทานยาในกลุ่มยาต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เช่น แอสไพริน และไอบูโพรเฟน เนื่องจากก่อให้เกิดการระคายเคืองทางเดินอาหารและเป็นสาเหตุของอาการอาหารไม่ย่อย ทั้งนี้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 16 ปีไม่ควรรับประทานยาแอสไพริน ยาบางชนิดที่ไม่ควรรับประทานเพื่อหลีกเลี่ยงอาการอาหารไม่ย่อย ได้แก่

    • แอสไพริน และยาแก้ปวดอื่นๆ เช่น ยาต้านการอักเสบชนิดที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ได้แก่ ไอบูโพรเฟน (ชื่อทางการค้า Motrin หรือ Advil) และ นาพรอกเซน (นาพรอกซิน )
    • เอสโตรเจน และยาเม็ดคุมกำเนิด
    • ยากลุ่มสเตียรอยด์
    • ยาปฏิชีวนะ
    • ยารักษาโรคไทรอยด์

    วิธีรักษาอาหารไม่ย่อย 

    บ่อยครั้งอาหารไม่ย่อยมักหายเองได้โดยไม่ต้องรับประทานยา อย่างไรก็ตามหากมีอาการแย่ลง ควรปรึกษาแพทย์ หลีกเลี่ยงสิ่งเร้าที่ก่อให้เกิดอาการ เช่น อาหาร และกิจกรรมต่อไปนี้เพื่อรักษาอาการอาหารไม่ย่อย

    • พยายามไม่เคี้ยวอาหารในขณะที่อ้าปาก การเคี้ยวอาหารในขณะพูดหรือรับประทานเร็วเกินไป ซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดการกลืนอากาศเข้าไปเป็นจำนวนมากส่งผลให้อาหารไม่ย่อยแย่ลง
    • ดื่มน้ำหลังจากรับประทานอาหารเสร็จดีกว่าการดื่มน้ำระหว่างรับประทานอาหาร
    • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อดึก
    • หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด
    • เลิอกสูบบุหรี่
    • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์

    หากอาการอาหารไม่ย่อยไม่ดีขึ้นภายหลังการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้ แพทย์อาจจ่ายยาเพื่อบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อย เนื่องจากอาหารไม่ย่อยเป็นลักษณะของอาการมากกว่าโรค การรักษาจึงเป็นไปตามสาเหตุ

    เคล็ดลับในการรับมือกับอาหารไม่ย่อย 

    หากอาหารไม่ย่อยเนื่องจากโรคอื่นๆ  ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคและวิธีรับมือ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการอาหารไม่ย่อย

    อาหารไม่ย่อยมักดีขึ้นเมื่อเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่ช่วยรับมืออาหารไม่ย่อย

    รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์

    ภาวะน้ำหนักเกินส่งผลให้กรดในกระเพาะไหลย้อนกลับสู่หลอดอาหารได้ง่ายขึ้น พยายามควบคุมน้ำหนักโดยการออกกำลังกายและรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ

    พยายามลดปริมาณอาหารที่มีไขมันสูง อาหารรสจัด หรืออาหารที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา หรือ โค้ก เพื่อป้องกัน อาหารไม่ย่อย

    เลิกสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอลล์

    สารเคมีในบุหรี่และแอลกอฮอลล์ส่งผลต่อการคลายตัวของหูรูดปิดหลอดอาหาร ก่อให้เกิดอาการกรดไหลย้อน

    สร้างกิจวัตรในการนอนที่ดี

    หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารภายใน 3-4 ชั่วโมงก่อนนอน ในขณะที่นอนหลับ หูรูดปิดหลอดอาหารจะคลายตัวมากขึ้น การรับประทานอาหารก่อนนอนส่งผลให้กระเพาะสร้างกรดซึ่งเพิ่มความเสี่ยงกรดไหลย้อน อาจใช้หมอนสักสองสามใบรองใต้ศีรษะหรือหัวไหล่ จะช่วยป้องกันการไหลย้อนของกรดในกระเพาะอาหารสู่ทางเดินอาหารขณะหลับได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    Duangkamon Junnet


    เขียนโดย นบชุลี นวลอ่อน · แก้ไขล่าสุด 25/10/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา