backup og meta

อาการโรคเอดส์ผู้หญิง ที่ควรสังเกต และวิธีป้องกันโรคเอดส์

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 27/04/2023

    อาการโรคเอดส์ผู้หญิง ที่ควรสังเกต และวิธีป้องกันโรคเอดส์

    อาการโรคเอดส์ผู้หญิง อาจมีแสดงอาการที่แตกต่างจากผู้ชายเล็กน้อย เช่น ตกขาวผิดปกติ ประจำเดือนมาไม่ปกติ โดยโรคเอดส์ (AIDS) หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี (HIV) ที่มักแพร่เชื้อผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ การส่งผ่านไวรัสจากแม่สู่ลูกระหว่างตั้งครรภ์ การคลอด หรือให้นมลูก

    โรคเอดส์เกิดจากอะไร 

    เอดส์ คือ ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวี โดยการติดเชื้อเอชไอวีแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะแรกเริ่มติดเชื้อ ระยะอาการสงบ และระยะเอดส์ การติดเชื้อเอชไอวีใน 2 ระยะแรก อาการอาจยังไม่ปรากฏแน่ชัด แต่อาจมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ แต่หากการติดเชื้อเข้าสู่ระยะที่ 2 หรือระยะเอดส์ ระบบภูมิคุ้มกันจะถูกทำลายอย่างรุนแรง หรือที่เรียกว่า ระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง อาจทำให้ติดเชื้อโรคอื่น ๆ และเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น วัณโรค ปอดบวม เยื้อหุ้มสมองอักเสบ ได้ง่ายขึ้น โดยเชื้อเอชไอวีสามารถติดต่อได้ผ่านเลือด น้ำอสุจิ สารคัดหลั่งในช่องคลอด น้ำนมของผู้ติดเชื้อ การใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้ติดเชื้อ อย่างไรก็ตาม หากผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวีตรวจพบเชื้อตั้งแต่ในระยะแรก แต่รักษาและควบคุมอาการของโรคได้เป็นอย่างดี ก็อาจไม่ทำให้การติดเชื้อลุกลามหรือรุนแรงจนถึงระยะสุดท้าย หรือระยะโรคเอดส์

    อาการโรคเอดส์ผู้หญิง

    ผู้หญิงเสี่ยงติดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ หากมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อโดยไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัยป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นทางปาก ทางช่องคลอด หรือทางทวารหนัก และผู้หญิงอาจมีแนวโน้มที่จะติดเชื้อเอชไอวีระหว่างมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากน้ำอสุจิสามารถอยู่ภายในช่องคลอดได้หลายวันหลังจากมีเพศสัมพันธ์ นั่นหมายความว่า หากในน้ำอสุจิมีเชื้อไวรัสเอชไอวี ก็อาจทำให้เชื้อไวรัสอยู่ในร่างกายผู้หญิงได้นานขึ้น หากผู้หญิงป่วยเป็นโรคเอดส์ อาจมีอาการดังนี้

    อาการที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยเอดส์

  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • ท้องเสียรุนแรงและเรื้อรัง
  • กลืนลำบาก 
  • ไอเรื้อรัง และหายใจถี่ 
  • น้ำหนักลด 
  • ปวดศีรษะรุนแรง 
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
  • รู้สึกสับสน มึนงง 
  • ความจำเสื่อมระยะสั้น  
  • อาการโรคเอดส์ผู้หญิงที่แตกต่างจากผู้ชาย

    ปวดท้องน้อย

    หนึ่งในสัญญาณการติดเชื้อในมดลูก รังไข่ และท่อนำไข่ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับโรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ โดยอาจมีอาการ เช่น 

    • ตกขาวผิดปกติ
    • ประจำเดือนมาไม่ปกติ อาจจะมาน้อยหรือมาก หรืออาจไม่มีประจำเดือนมาในรอบเดือนนั้น 
    • ปวดเวลามีเพศสัมพันธ์ 
    • บริเวณปากช่องคลอดอาจมีอาการบวม แดง และคัน 

    อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ในระยะแรก

    ในระยะแรกอาการอาจไม่ค่อยแสดงออกมาให้สังเกตเห็น แต่บางคนก็อาจมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น 

    • มีไข้
    • ปวดศีรษะ 
    • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 
    • เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย 
    • ต่อมน้ำเหลืองบวม
    • ผื่นขึ้นตามตัว รอบปาก และบริเวณอวัยวะเพศ 

    อย่างไรก็ตาม อาการเหล่านี้มักหายไปภายในไม่กี่สัปดาห์ ในบางกรณี อาการอาจปรากฏขึ้นอีกครั้ง เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปี

    ต่อมน้ำเหลืองบวม

    ต่อมน้ำเหลืองมีอยู่ทั่วร่างกาย เช่น คอ รักแร้ ขาหนีบ และยังเป็นส่วนหนึ่งของระบบภูมิคุ้มกัน หากเชื้อเอชไอวีแพร่กระจายไปยังส่วนต่าง ๆ ระบบภูมิคุ้มกันจะทำงานและส่งผลให้ต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อเอชไอวี

    การติดเชื้อ

    เนื่องจากภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอ อาจทำให้ติดเชื้อต่าง ๆ และเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น โดยการติดเชื้อที่พบบ่อยในผู้ป่วยเอดส์ผู้หญิง เช่น โรคปอดบวม วัณโรค เยื้อหุ้มสมองอักเสบ รวมถึงการติดเชื้อในช่องคลอด เช่น ภาวะช่องคลอดอักเสบ

    อย่างไรก็ดี อาการที่กล่าวมาข้างต้นอาจมาจากโรคอื่น ๆ ได้เช่นกัน หากมีความกังวลว่าจะติดเชื้อเอชไอวีหรือเป็นโรคเอดส์ ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อทำการวินิจฉัย

    วิธีการป้องกันโรคเอดส์

    ในปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและยังไม่มีการรักษาโรคเอดส์ให้หายขาด แต่อาจมีวิธีลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเอชไอวีได้ เช่น 

    • ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ โดยควรใช้ถุงยางอนามัยใหม่ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะเป็นทางทวารหนัก ทางช่องคลอด หรือทางปาก ซึ่งผู้หญิงสามารถใช้ถุงยางอนามัยสำหรับผู้หญิงเพื่อป้องกันได้เช่นกัน 
    • ใช้เข็มฉีดยาสะอาดเท่านั้น หากจำเป็นต้องใช้เข็มฉีดยา ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเข็มนั้นปลอดเชื้อ ไม่ควรใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่นหรือใช้เข็มฉีดยาซ้ำโดยเด็ดขาด และทางที่ดี ควรหลีกเลี่ยงการใช้ของส่วนตัว เช่น เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว มีดโกน ร่วมกับผู้อื่นด้วย
    • หลีกเลี่ยงการมีคู่นอนหลายคน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อได้มากกว่าปกติ 
    • ใช้ยา PrEP (PreExposure Prophylaxis) เป็นการให้ยาต้านไวรัสเอชไอวีสำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อ และเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากการสัมผัส ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีในการป้องการติดเชื้อเอชไอวี

    ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยเปลี่ยนคู่นอนเป็นประจำ หรือมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน ควรตรวจเลือดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งหรือตรวจคัดกรองการติดเชื้อที่คลินิกนิรนาม สภากาชาดไทย หรือในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชนที่เชื่อถือได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย นนทกร บัณฑิตสินทรัพย์ · แก้ไขล่าสุด 27/04/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา