backup og meta

น้ำยายืดผม ข้อดีและข้อควรระวังต่อสุขภาพ

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา · โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 03/02/2023

    น้ำยายืดผม ข้อดีและข้อควรระวังต่อสุขภาพ

    น้ำยายืดผม มีข้อดีในการช่วยให้ผมที่ชี้ฟูและหยิกให้ตรงสวยเป็นเวลานาน หรือบางผลิตภัณฑ์อาจตรงอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม น้ำยายืดผมอาจมีข้อเสียที่ทำให้ผมแห้ง เสีย แตกปลาย และผมขาดหลุดร่วง รวมทั้งมีสารอันตรายที่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพและอาจเสี่ยงทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้ด้วย ดังนั้น ก่อนใช้น้ำยายืดผมจึงควรศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียอย่างละเอียด เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพที่อาจตามมา

    น้ำยายืดผม มีข้อดีอย่างไร

    น้ำยายืดผม มีหลายประเภทซึ่งอาจมีข้อดีที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • น้ำยายืดผมแบบธรรมดา เป็นการยืดผมถาวรที่ราคาถูกและใช้เวลาน้อยที่สุด อาจมีอายุการใช้งานยาวนานถึง 6 เดือน แต่น้ำยายืดผมชนิดนี้อาจทำลายรูขุมขนจนทำให้เส้นผมดูแข็ง และไม่คงรูปร่างตามธรรมชาติ นอกจากนี้ ยังอาจทำให้ผมขาดหลุดร่วงและแตกปลาย
  • น้ำยายืดผมเคราติน เป็นน้ำยายืดผมที่ช่วยปรับสภาพเส้นผม อาจช่วยทำให้ผมตรงได้นานแต่น้ำยายืดผมเคราตินอาจเป็นการยืดผมกึ่งถาวร เนื่องจากผมจะค่อย ๆ กลับสู่สภาพเดิมเมื่อน้ำยายืดผมเริ่มหายไปหลังจากทำประมาณ 4-6 เดือน
  • น้ำยายืดผมแบบรีบอนดิ้ง (Rebonding) ช่วยจัดการกับผมชี้ฟูและช่วยให้ผมตรง ซึ่งผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน แต่น้ำยายืดผมจะมีส่วนผสมของฟอร์มัลดีไฮด์ (Formaldehyde) ที่อาจเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาต่อสุขภาพ เช่น ปัญหาระบบทางเดินหายใจ มะเร็งเต้านม
  • น้ำยายืดผมแบบญี่ปุ่น (Japanese Straightening) เป็นน้ำยายืดผมที่ช่วยให้ผมจัดทรงง่ายและผลลัพธ์จะอยู่ได้ประมาณ 6 เดือน แต่น้ำยายืดผมชนิดนี้อาจทำให้ผมเสียและน้ำยายืดผมยังมีสารอันตรายที่สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจและดูดซึมผ่านผิวหนัง
  • ข้อควรระวังในการใช้ น้ำยายืดผม

    น้ำยายืดผมมีสารเคมีที่เป็นอันตรายหลายชนิดที่อาจส่งผลเสียต่ออวัยวะส่วนต่าง ๆ และอาจเป็นอันตรายร้ายแรงได้หากกลืนน้ำยายืดผมเข้าสู่ร่างกาย เช่น อาเจียน ชัก สับสน มึนงง หมดสติ และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยสารเคมีที่เป็นอันตรายในน้ำยายืดผม มีดังนี้

    • แอมโมเนียม ไทโอไกลโคเลท (Ammonium Thioglycolate)
    • น้ำมันแร่ (Mineral Oil)
    • กัวนิดีนไฮดรอกไซด์ (Guanidine Hydroxide)
    • โพลิเอทิลีนไกลคอล (Polyethylene Glycol หรือ PEG)
    • โซเดียมไฮดรอกไซด์ (Sodium Hydroxide) หรือโซดาไฟ (Caustic Soda)

    นอกจากนี้ ผู้หญิงที่ใช้น้ำยายืดผมบ่อยครั้งอาจมีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น โดยมีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร National Institutes of Health เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2565 ศึกษาเกี่ยวกับสารเคมีในน้ำยายืดผมเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงมะเร็งมดลูกที่สูงขึ้น พบว่า ผู้หญิงที่ใช้น้ำยายืดผมที่มีสารเคมีบ่อยหรือประมาณ 4 ครั้ง/ปี มีความเสี่ยงสูงต่อมะเร็งมดลูกประมาณ 2 เท่า เมื่อเทียบกับผู้หญิงที่ไม่ได้ใช้น้ำยายืดผม โดยประเมินได้ว่า 1.64 เปอร์เซ็นต์ ของผู้หญิงที่ไม่เคยใช้น้ำยายืดผมจะเป็นมะเร็งมดลูกเมื่ออายุประมาณ 70 ปี แต่สำหรับผู้หญิงที่ใช้น้ำยายืดผมบ่อย ๆ ความเสี่ยงนั้นจะสูงถึง 4.05 เปอร์เซ็นต์

    อาการที่เกิดขึ้นจากสารเคมีในน้ำยายืดผม

    อาการที่เกิดจากสารเคมีในน้ำยายืดผมเมื่อร่างกายได้รับเข้าไปในปริมาณมากเกินไปสามารถแสดงออกได้ในทุกส่วนของร่างกายทั้งตา หู จมูก คอ หัวใจ เลือด ปอด ผิวหนัง กระเพาะอาหาร และลำไส้ โดยอาจทำให้เกิดอาการ ดังนี้

    • สูญเสียการมองเห็น
    • ปวดคออย่างรุนแรง
    • ปวดหรือแสบร้อนในจมูก ตา ริมฝีปาก หู หรือลิ้นอย่างรุนแรง
    • ความดันโลหิตต่ำลงอย่างรวดเร็ว
    • การเปลี่ยนแปลงของระดับกรดในเลือดอย่างรุนแรง ทำให้อวัยวะเสียหาย
    • หายใจลำบาก คอบวม
    • แสบร้อนผิว ความระคายเคือง
    • เกิดรูใต้ผิวหนัง หรือเกิดเนื้อเยื่อเกินใต้ผิวหนัง
    • อุจจาระมีเลือดปน
    • แผลไหม้ในหลอดอาหาร
    • ปวดท้องอย่างรุนแรง
    • อาเจียนและอาจมีเลือดปน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

    โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 03/02/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา