backup og meta

ยาม่วง คืออะไร ใช้อย่างไร และข้อควรระวังในการใช้

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงภัทรีวัลย์ โรจนพันธุ์ · โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลวิภาวดี



เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 30/03/2023

    ยาม่วง คืออะไร ใช้อย่างไร และข้อควรระวังในการใช้

    ยาม่วง (Gentian Violet) เป็นยาเฉพาะที่สำหรับใช้ภายนอก เพื่อใช้ในการรักษาการติดเชื้อจากเชื้อราและเชื้อแบคทีเรียในปากหรือที่ผิวหนัง เช่น เชื้อราในช่องปาก โรคกลาก โรคน้ำกัดเท้า รวมทั้งใช้รักษาแผลขนาดเล็กหรือแผลถลอกเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ทั้งนี้ ควรปรึกษาคุณหมอก่อนใช้ยาทุกครั้งเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

    ยาม่วง คืออะไร

    ยาม่วง คือ ยาฆ่าเชื้อเฉพาะที่สำหรับใช้รักษาการติดเชื้อจากเชื้อราบางชนิดในปากหรือที่ผิวหนัง เช่น เชื้อราในช่องปาก โรคกลาก โรคน้ำกัดเท้า นอกจากนี้ ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียที่มีความรุนแรงน้อย และใช้รักษาบาดแผลขนาดเล็กเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

    วิธีใช้ยาม่วงและปริมาณที่เหมาะสม

    ปริมาณการใช้ยาม่วงอาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งอาจขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพและความแรงของยาม่วง จำนวนครั้งที่ต้องใช้ยา ช่วงเวลาและระยะเวลาที่ต้องใช้ยา จึงควรปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอในการใช้ยาอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถใช้ยาม่วงได้อย่างเหมาะสม

    สำหรับผู้ที่ลืมใช้ยาตามช่วงเวลาที่คุณหมอสั่ง ให้ใช้ยาม่วงทันทีที่นึกขึ้นได้ แต่หากใกล้ถึงช่วงเวลาถัดไปที่ต้องใช้ยา ให้ข้ามขนาดยาที่ลืมไปก่อนหน้าและปฏิบัติตามตารางการใช้ตามปกติ

    วิธีใช้ยาม่วงให้เหมาะสมกับการรักษาอาจทำได้ ดังนี้

    • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้งด้วยสบู่และน้ำเปล่าก่อนใช้ยาม่วง รวมถึงล้างบริเวณแผลให้สะอาดและซับให้แห้งทุกครั้งก่อนใช้ยา
    • ใช้สำลีหรือคอตตอนบัดจุ่มยาม่วงในปริมาณที่เพียงพอกับแผลที่ต้องการรักษา และควรหลีกเลี่ยงการกลืนยา เว้นแต่คุณหมอจะแนะนำให้ใช้กับบริเวณช่องปาก แต่ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้ยาเข้าสู่ร่างกายหรือขอคำแนะนำจากคุณหมอเพื่อป้องกันอันตรายจากยา
    • หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าปิดแผล เพราะอาจก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนังได้
    • ควรใช้ยาม่วงอย่างต่อเนื่องตามระยะเวลาที่คุณหมอกำหนด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว เพื่อฆ่าเชื้อที่อาจหลงเหลืออยู่
    • เข้าพบคุณหมอทันทีหากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วันหลังจากใช้ยา หรือมีอาการที่รุนแรงขึ้น

    ผลข้างเคียงในการใช้ยาม่วง

    การใช้ยาม่วงในบางคนอาจเกิดผลข้างเคียง เช่น รอยแดง บวม มีหนอง ผิวระคายเคือง รู้สึกร้อน ซึ่งหากอาการเหล่านี้รุนแรงขึ้นหรือมีแผลที่ผิวหนังเกิดขึ้นหลังใช้ยา ควรหยุดใช้ทันทีและเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจอาการ

    การใช้ยาม่วงกับแผลในบริเวณที่เป็นรอยพับของผิวหนัง เช่น ระหว่างนิ้ว ใต้ราวนม ข้อพับ อาจมีแนวโน้มที่แผลจะมีอาการรุนแรงขึ้นเนื่องจากความอับชื้น จึงควรซับบริเวณแผลให้แห้งสนิทก่อนเสมอเพื่อป้องกันความอับชื้นที่อาจก่อให้เกิดการสะสมของเชื้อโรค

    ข้อควรระวังในการใช้ยาม่วง

    ข้อควรระวังบางประการในการใช้ยาม่วงเพื่อป้องกันผลกระทบต่อผิวหนัง อาจมีดังนี้

    • ก่อนใช้ยาม่วงควรแจ้งให้คุณหมอทราบถึงการแพ้ยา แพ้ส่วนผสมในยาหรือแพ้สีย้อม เนื่องจากยาม่วงอาจมีส่วนผสมบางอย่างที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้
    • ยาม่วงมีสีที่เปื้อนผิวหนังและเสื้อผ้าได้ จึงควรทายาอย่างระมัดระวังและควรรอให้ยาแห้งสนิทเสียก่อน เพื่อป้องกันการเปื้อนเสื้อผ้า
    • การใช้ยาม่วงที่มีความเข้มข้นสูงอาจทำให้ผิวหนังคล้ำดำ เป็นแผลบริเวณรอยพับ และเนื้อเยื่อตาย ดังนั้น จึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด

    บางคนอาจมีอาการแพ้หลังจากใช้ยาม่วง จึงควรรีบเข้าพบคุณหมอหากมีอาการต่อไปนี้

    • ผื่นแดง คัน
    • บวมบริเวณใบหน้า ลิ้นและคอ
    • วิงเวียนศีรษะรุนแรง
    • หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงภัทรีวัลย์ โรจนพันธุ์

    โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลวิภาวดี



    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 30/03/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา