หลังจากที่ผิวไหม้แดดประมาณ 2-3 วัน จะมีอาการคันผิวหนังและผิวหนังอาจลอก ซึ่งถือเป็นกระบวนการในการเยียวยาตัวเอง และกำจัดเซลล์ผิวหนังที่ถูกทำลายของร่างกาย ส่วนใหญ่กระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 3-8 วัน แต่บางครั้งก็อาจยาวนานหลายสัปดาห์ ในช่วงนี้ ควรปล่อยให้ผิวลอกออกเองตามธรรมชาติ อย่าพยายามดึง ลอก หรือขัดผิวโดยเด็ดขาด
ความรุนแรงของอาการผิวไหม้แดดขึ้นอยู่กับสภาพผิว ระดับความเข้มของแสงแดด และระยะเวลาที่ผิวหนังสัมผัสกับแสงแดด โดยปกติแล้ว ผิวหนังจะมีเมลานิน (Melanin) หรือเม็ดสีผิวคอยทำหน้าที่ปกป้องผิวหนังจากแสงแดด ด้วยการทำให้ผิวคล้ำขึ้นเมื่อโดนแดด ซึ่งร่างกายจะผลิตเมลานินได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับกรรมพันธุ์ ผู้ที่มีเมลานินน้อย ผิวขาวมาก เวลาโดนแดดผิวอาจไหม้ได้ง่าย ในขณะที่บางคนมีเมลานินมากกว่า หรือผิวเข้มกว่า พอโดนแดดผิวอาจคล้ำขึ้น และไม่ค่อยเกิดอาการไหม้
ทั้งอาการผิวไหม้แดดและอาการผิวคล้ำจากแสงแดด ล้วนเป็นสัญญาณว่าเซลล์ผิวหนังถูกทำลาย และหากปล่อยให้ผิวโดนแดดบ่อย ๆ โดยไม่ป้องกัน จะทำให้ผิวแก่เร็ว ผิวแห้ง เหี่ยวย่น เกิดฝ้ากระ จุดด่างดำ ทั้งยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง เช่น โรคมะเร็งผิวหนังชนิดเบซาลเซลล์ (Basal cell carcinoma หรือ BCC) โรคมะเร็งผิวหนังชนิดสะความัส (Squamous Cell Carcinoma หรือ SCC) รวมถึงโรคมะเร็งผิวหนังชนิดเมลาโนมา (Melanoma) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
ผิวไหม้แดดกับโรคมะเร็งผิวหนัง
ผิวไหม้แดด รังสียูวี และโรคมะเร็งผิวหนังนั้นเกี่ยวข้องกัน ซึ่งความเกี่ยวข้องกันอาจมีดังนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย