backup og meta

7 วิธีดูแลผิวหน้า แบบธรรมชาติ ทำได้อย่างไรบ้าง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา · โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 27/02/2023

    7 วิธีดูแลผิวหน้า แบบธรรมชาติ ทำได้อย่างไรบ้าง

    วิธีดูแลผิวหน้า เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่าย ๆ เพื่อรักษาสภาพผิวบริเวณใบหน้า จมูก คาง แก้ม หน้าผากให้สะอาดและชุ่มชื้น ป้องกันการเป็นสิว จุดด่างดำหรือริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าซึ่งส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อต้องเข้าสังคมหรือพบเจอกับคนหมู่มาก ทั้งนี้ วิธีดูแลผิวหน้า แบบธรรมชาติและไม่ยุ่งยากมีหลายวิธี เช่น การทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้าน การล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง การทาครีมชุ่มชื้นเป็นประจำ การดื่มน้ำมาก ๆ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ การลดความเครียด

    ดูแลผิวหน้า ป้องกันปัญหาอะไรได้บ้าง

    หากรู้จักดูแลผิวหน้าอย่างถูกวิธี อาจช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพผิวต่าง ๆ ได้ ดังนี้

  • ป้องกันการเกิดสิว สิวเป็นตุ่มสีแดงที่พบได้ตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายรวมถึงใบหน้า ซึ่งมีทั้งสิวชนิดมีหัว เช่น สิวหัวช้าง สิวอักเสบ และสิวชนิดไม่มีหัว เช่น สิวเสี้ยน สิวไต ซึ่งมักเกิดจากรูขุมขนอุดตันจากน้ำมันบนใบหน้าและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว และอาจเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น เอสเชอริเชีย โคไล (Escherichia Coli) คูติแบคทีเรียม แอคเน่ (Cutibacterium Acnes)
  • ป้องกันริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น ริ้วรอยต่าง ๆ เป็นลักษณะของผิวหนังที่พบได้เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายผลิตคอลลาเจนได้น้อยลงทำให้ผิวหนังขาดความยืดหยุ่นจนเกิดการหย่อนคล้อย นอกจากนี้ การเผชิญหน้ากับแสงแดดและการสูบบุหรี่ยังเร่งให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้
  • ป้องกันฝ้า ฝ้ามีลักษณะเป็นจุดหรือปื้นสีดำหรือน้ำตาลที่มักปรากฏบริเวณใบหน้า ตามสันจมูก แก้ม หน้าผาก คาง และเหนือริมฝีปากบน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเผชิญกับรังสีอัลตราไวโอเล็ตในแสงแดดมากเกินไปจนกระตุ้นผิวหนังให้ผลิตเซลล์เม็ดสีผิวมากกว่าปกติ
  • ป้องกันผิวแห้ง ผิวแห้งมีสาเหตุจากผิวหน้าขาดความชุ่มชื้น ทำให้ผิวลอก ผิวตกสะเก็ด คัน และสีผิวไม่เท่ากัน ทั้งนี้ ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดผิวแห้งนั้นมีหลายประการ ได้แก่ ความร้อน สภาพอากาศ วัย การอาบน้ำร้อน การเช็ดหน้าบ่อยเกินไป
  • วิธีดูแลผิวหน้า แบบธรรมชาติ ที่ทุกคนทำได้

    วิธีการดูแลสุขภาพผิวหน้าง่าย ๆ ที่ทุกคนสามารถทำได้ มีดังนี้

    1. ปกป้องผิวหน้าจากแสงแดด รังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดจะกระตุ้นให้เกิดการก่อตัวของอนุมูลอิสระในผิวหนัง ซึ่งทำให้ผิวหน้าเสียหาย และมีริ้วรอยก่อนวัยอันควร ดังนั้น จึงควรปกป้องผิวหน้าจากแสงแดดหากต้องออกไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง เช่น สวมหมวกปีกกว้าง เลี่ยงทำกิจกรรมกลางแจ้งในช่วงแดดจัดทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านและทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง เพื่อปกป้องผิวหน้าอย่างต่อเนื่อง
    2. ดื่มน้ำปริมาณมาก การดื่มน้ำมีประโยชน์ในการคงความชุ่มชื้นและยืดหยุ่นให้ผิวหนัง ช่วยลดโอกาสเกิดริ้วรอยต่าง ๆ หรือแผลเป็นจากสิว งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เรื่องผลลัพธ์ของการดื่มน้ำต่อผิวหนังมนุษย์ เผยแพร่ในวารสาร Clinical, Cosmetic and Investigational Dermatology ปี พ.ศ. 2558 นักวิจัยได้แบ่งผู้หญิงจำนวน 49 รายที่เข้าร่วมการทดลองออกเป็น 2 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ 1 บริโภคน้ำน้อยกว่า 3,200 มิลลิลิตร/วัน ส่วนกลุ่มที่ 2 บริโภคน้ำมากกว่า 3,200 มิลลิลิตร/วัน เป็นเวลา 1 เดือนเท่า ๆ กัน แล้วเปรียบเทียบสภาพผิวหนัง เมื่อการทดลองสิ้นสุดลง ได้ผลสรุปว่า การดื่มน้ำปริมาณมาก อาจช่วยให้สภาพผิวหนังมีสุขภาพดีขึ้น
    3. นอนหลับให้เพียงพอ ร่างกายของมนุษย์จะสร้างคอลลาเจนขณะที่ร่างกายนอนหลับ ดังนั้น การนอนหลับพัก่อนให้เพียงพอ หรืออย่างน้อย 7 ชั่วโมง/คืน จึงอาจช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึงและยืดหยุ่น ในขณะที่การนอนน้อยกว่านั้น เช่น 5 ชั่วโมง/คืน มักเพิ่มโอกาสให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าเป็น 2 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกับการนอน 7 ชั่วโมง/คืน
    4. ล้างหน้าวันละ 2 ครั้ง เพื่อขจัดน้ำมันบนใบหน้าที่อาจไปอุดตันรูขุมขนร่วมกับเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วและก่อให้เกิดสิว แต่หากล้างหน้าเกินวันละ 2 ครั้งอาจทำให้ผิวหน้าแห้งลง และส่งผลให้ต่อมใต้ผิวหนังผลิตน้ำมันมากกว่าเดิมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า จึงทำให้มีโอกาสเป็นสิวมากขึ้น
    5. รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงผิว อย่างส้ม มะนาว มะละกอ ฝรั่ง บร็อคโคลี มันฝรั่ง พริก ที่ล้วนแต่อุดมไปด้วยวิตามินซีซึ่งมีคุณสมบัติกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอลลาเจน ช่วยลดเลือนริ้วรอย และป้องกันผิวหนังเสียหายจากรังสีอัลตราไวโอเลต งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เกี่ยวกับสารอาหารที่บริโภคและการเสื่อมสภาพของผิวหนัง ตีพิมพ์ในวารสาร The American Journal of Clinical Nutrition ปี พ.ศ. 2550 นักวิจัยได้ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างสารอาหารที่ผู้หญิงจำนวน 4,025 คนบริโภค ต่อสภาพผิวหนัง และพบข้อสรุปว่า การบริโภควิตามินซีสัมพันธ์กับการเกิดริ้วรอยที่น้อยลง
    6. งดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้สุขภาพผิวแย่ลง เนื่องจากสารนิโคติน (Nicotine) ในบุหรี่ ออกฤทธิ์ให้หลอดเลือดตีบแคบและส่งผลให้ผิวหน้าได้รับออกซิเจนและสารอาหารจากเลือดได้น้อยกว่าปกติ นอกจากนั้น การสูบบุหรี่ยังทำลายโปรตีนคอลลาเจนและอิลาสตินซึ่งเป็นโปรตีนที่ช่วยคงความยืดหยุ่นและชุ่มชื้นของผิวหนัง ดังนั้น หากสูบบุหรี่จึงอาจทำให้ผิวหน้าหย่อนคล้อย เป็นริ้วรอย แลดูแก่กว่าวัย
    7. จัดการความเครียด ด้วยการทำสมาธิ เล่นโยคะ หรือทำงานอดิเรกที่ชื่นชอบ เนื่องจากความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้สิวซึ่งเป็นอยู่แล้วเพิ่มจำนวนมากขึ้น หรือมีอาการแย่ลง งานวิจัยชิ้นหนึ่ง เกี่ยวกับปัจจัยที่งมีอิทธิพลต่อการเกิดสิว ตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Public Health ปี พ.ศ. 2563 ระบุว่า ความเครียดอาจส่งผลกระทบทำให้สิวรุนแรงขึ้นได้ เช่นเดียวกับปัจจัยอื่น ๆ ที่ก่อให้เกิดสิวทั้งภาวะน้ำหนักเกิน โรคอ้วน การมีผิวมัน รอบเดือนที่ไม่ปกติ การบริโภคน้ำตาล และการสูบบุหรี่

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

    โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 27/02/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา