backup og meta

เลเซอร์รอยดำจากสิว ประโยชน์และข้อควรระวัง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย · โรคผิวหนัง · พรเกษมคลินิก


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 31/05/2022

    เลเซอร์รอยดำจากสิว ประโยชน์และข้อควรระวัง

    รอยดำจากสิว คือรอยแผลเป็นที่เกิดขึ้นหลังจากสิวหาย โดยปรากฏเป็นจุดสีดำหรือน้ำตาล อาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ตามการอักเสบของสิวและเนื้อเยื่อผิวที่ได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจใช้ระยะเวลาตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปีขึ้นไปจึงจะหาย การเลเซอร์รอยดำ เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้รอยดำจากสิวจางลงได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาเกี่ยวกับประโยชน์และข้อควรระวังก่อนตัดสินใจทำการรักษา

    สาเหตุการเกิดรอยดำจากสิว

    รอยดำจากสิวอาจเกิดจากสิวอักเสบและการบีบสิว ที่ส่งผลให้เนื้อเยื่อผิวได้รับความเสียหาย จนกระตุ้นให้ร่างกายผลิตเม็ดสีเมลานินมากขึ้นในบริเวณนั้น ทำให้ผิวเปลี่ยนเป็นสีดำ หรือสีน้ำตาล และปรากฏเป็นรอยดำทิ้งไว้หลังจากสิวหาย

    ประเภทของการทำเลเซอร์รอยดำ

    การทำเลเซอร์เพื่อลดรอยดำจากสิว แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก  ๆ ดังนี้

  • เลเซอร์ลอกผิว (Ablative laser resurfacing) เป็นการทำเลเซอร์เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกออก โดยใช้คาร์บอนไดออกไซด์ หรือลำแสงที่มีความเข้มข้นสูง (Erbium: YAG laser) เพื่อลอกผิวชั้นบนที่มีรอยดำออกไป ทำให้รอยดำจากสิวดูจางลง หลังการรักษาอาจมีอาการผิวแดงเล็กน้อย แต่มักจางลงได้เองภายในเวลาประมาณ 3-10 วัน
  • เลเซอร์ที่ไม่ทำให้ผิวลอก (Non-Ablative Laser Resurfacing) เป็นวิธีการทำเลเซอร์ด้วยการฉายแสงเลเซอร์ ลงไปทำปฏิกิริยากับเม็ดสีใต้ผิวหนัง ทำให้รอยดำค่อยๆ จางลง
  • ประโยชน์ของการเลเซอร์รอยดำจากสิว

    การเลเซอร์รอยดำจากสิวเป็นวิธีการรักษารอยดำจากผิวที่สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว ช่วยลดทอนเวลาที่ต้องใช้ในการฟื้นฟูสภาพผิวที่เกิดจากสิว ทำให้รอยดำจากสิวจางไว ผิวดูเรียบเนียน มีสีผิวสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การทำเลเซอร์รอยดำอาจมีค่าใช้จ่ายที่สูง และจำเป็นต้องเข้ารับการรักษาหลายครั้ง โดยเฉพาะผู้ที่มีรอยดำจากสิวร่วมกับแผลเป็นจากสิวอื่น ๆ เช่น หลุมสิวขนาดใหญ่ รอยแผลเป็นจากสิวแบบนูนหรือคีลอยด์

    ผลข้างเคียงจากการเลเซอร์รอยดำ

    ผลข้างเคียงจากการเลเซอร์รอยดำ มีดังนี้

    • ผิวหนังแดงบวมหลังเลเซอร์
    • อาการคันผิวบริเวณที่เลเซอร์
    • แสบผิวหน้า
    • เลือดออก

    ส่วนใหญ่ผลข้างเคียงจากการเลเซอร์รอยดำมักไม่รุนแรง และอาจหายภายใน 2-3 วัน แต่หากสังเกตว่ามีอาการแสบผิวอย่างรุนแรง ผิวบวม แผลพุพอง มีหนอง ควรเข้าพบคุณหมอทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของการติดเชื้อที่ผิวหนัง

    วิธีอื่นที่ช่วยกำจัดรอยดำจากสิว

    วิธีอื่น ๆ ที่อาจช่วยกำจัดรอยดำจากสิว มีดังนี้

    • การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดรอยดำ และชะลอการก่อตัวของแบคทีเรีย เช่น กรดไกลโคลิก (Glycolic acid) กรดโคจิก (Kojic acid) วิตามินซี กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) เรตินอยด์ (Retinoids) กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha hydroxy acids) กรดแลคติก (Lactic acid) ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) 1-2%
    • การกรอผิว (Dermabrasion) โดยการใช้แปรงหมุนขัดเอาผิวหนังชั้นนอกออก เพื่อขจัดรอยดำจากสิว แต่วิธีนี้อาจมีผลข้างเคียง เช่น ผิวแดง อาการบวม สีผิวเปลี่ยนแปลง
    • การเจาะผิวโดยใช้เข็มขนาดเล็ก (Microneedling) เพื่อช่วยกระตุ้นการผลิตคอลลาเจน ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส และส่งผลให้รอยดำดูจางลง สำหรับผู้ที่มีรอยดำจากสิวขนาดใหญ่อาจจำเป็นต้องรักษาควบคู่กับการทำเลเซอร์
    • การผลัดเซลล์ผิว (Chemical peel) เป็นการใช้สารสำหรับลอกผิวทาลงบนหน้าเพื่อขจัดเซลล์ผิวชั้นบนสุดออก ทำให้รอยดำลดเลือนลง แต่วิธีการนี้อาจเห็นผลช้ากว่าการรักษาด้วยเลเซอร์ และอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ผิวแดง ตกสะเก็ด อาการบวม ติดเชื้อ และสีผิวเปลี่ยนแปลง

    การดูแลผิวเพื่อป้องกันรอยดำจากสิว

    การดูแลผิวเพื่อป้องกันรอยดำจากสิว อาจทำได้ดังนี้

    • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดสิวอักเสบ ที่นำไปสู่การเกิดรอยดำหลังสิวหาย
    • ล้างหน้าให้สะอาดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เพื่อกำจัดน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า ที่อาจทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิวอักเสบ
    • เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยนต่อผิว ปราศจากน้ำหอม และไม่อุดตันรูขุมขน
    • หลีกเลี่ยงการแต่งหน้า หากแต่งหน้า ควรล้างหน้าให้สะอาดก่อนนอน ไม่ควรนอนทั้งที่ยังแต่งหน้า เพราะอาจเสี่ยงต่อการอุดตันในรูขุมขนจนเกิดสิวอักเสบ
    • ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50 ขึ้นไป และควรหลีกเลี่ยงการออกแดดช่วงเวลา 10.00-16.00 น. เพราะเป็นช่วงเวลาที่แดดค่อนข้างแรง และควรสวมเสื้อผ้าแขนขายาว และสวมหมวก เพื่อไม่ให้ผิวโดนแดดโดยตรง เพราะอาจส่งผลให้รอยดำเข้มขึ้นกว่าเดิมได้
    • หยุดสูบบุหรี่ เพราะสารเคมีในบุหรี่อาจทำลายคอลลาเจน จนทำให้ผิวขาดความแข็งแรงและความยืดหยุ่น นำไปสู่การเกิดริ้วรอย และอาจทำให้รอยดำแย่ลง

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย

    โรคผิวหนัง · พรเกษมคลินิก


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 31/05/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา