backup og meta

อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต อาหารประเภทไหนที่ควรรับประทานและหลีกเลี่ยง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 17/09/2020

    อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต อาหารประเภทไหนที่ควรรับประทานและหลีกเลี่ยง

    การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นอีกหนึ่งทางเลือกจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัวยิ่งต้องดูแลใส่ใจเรื่องพฤติกรรมการรับประทานอาหารเป็นพิเศษ ในแต่ละวันควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และระมัดระวังในการเลือกชนิดอาหาร วันนี้ Hello คุณหมอ นำ  5 อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต มาฝากกันค่ะ รวมถึงอาหารที่ผู้ป่วยโรคไตต้องระมัดระวังเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหรือมีอาการแย่ลงกว่าเดิม

    โรคไต (Kidney disease)

    โรคไต เกิดจาก ความผิดปกติของไตที่ไม่สามารถกำจัดของเสียออกจากร่างกายได้ โดยปกติทั่วไปไตมีหน้าที่คัดกรองสารอาหารต่าง ๆ ภายในเลือดและกำจัดของเสียจากเลือดและน้ำส่วนเกินออกมาในรูปแบบปัสสาวะ ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย ปัสสาวะได้น้อยลง เป็นต้น

    อาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต

    การรับประทานอาหารที่ถูกต้องและเหมาะสมอาจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะช่วยชะลอความเสื่อมของไตได้ นอกจากนี้คุณควรปรึกษาแพทย์และนักโภชนาการเพื่อรับคำแนะนำในการรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับโรค เช่น การจำกัดปริมาณฟอสฟอรัสและแคลเซียม ลดการบริโภคโพแทสเซียม เป็นต้น

    5 อาหารเพื่อสุขภาพ สำหรับผู้ป่วยโรคไต

    การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อไต อาจช่วยให้ไตทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และช่วยชะลอและลดความเสื่อมของไต ซึ่งอาหารที่มีประโยชน์ต่อไต มีดังต่อไปนี้

    • ปลากะพงขาว

    ความดันโลหิตสูงเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคไต การรับประทานปลาที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยลดระดับไขมันในเลือดและควบคุมความดันโลหิต แต่ไม่ควรรับประทานมากจนเกินไปเพื่อรักษาระดับฟอสฟอรัสในร่างกาย

    ปลากะพงขาวสุก ปริมาณ 85 กรัม ประกอบด้วย

    โซเดียม 74 มิลลิกรัม
    โพแทสเซียม 279 มิลลิกรัม
    ฟอสฟอรัส 211 มิลลิกรัม
    • องุ่นแดง

    นอกจากรสชาติที่อร่อย หวาน ขององุ่นแดงแล้ว ยังอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ มีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่เรียกว่า สารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ และยังมีประโยชน์ต่อการบำรุงสุขภาพหัวใจ

    องุ่นแดง  ปริมาณ 75 กรัม ประกอบด้วย

    โซเดียม 1.5 มิลลิกรัม
    โพแทสเซียม 144 มิลลิกรัม
    ฟอสฟอรัส 15 มิลลิกรัม
    • ไข่ขาว

    ถึงแม้ว่าไข่แดงจะอุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการมากกว่าไข่ขาว แต่ไข่แดงมีปริมาณฟอสฟอรัสสูงกว่า การเลือกรับประทานไข่ขาวจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่า ไข่ขาวอุดมไปด้วยโปรตีนซึ่งมีประโยชน์อย่างมากต่อการบำรุงไต โดยเฉพาะในผู้ที่ได้รับการรักษาด้วยการฟอกไต ซึ่งมีความต้องการสารอาหารประเภทโปรตีน

    ไข่ขาว 2 ฟองใหญ่ ปริมาณ 66 กรัม ประกอบด้วย

    โซเดียม 110 มิลลิกรัม
    โพแทสเซียม 108 มิลลิกรัม
    ฟอสฟอรัส 10 มิลลิกรัม
    • กระเทียม

    ผู้ที่เป็นโรคไตจำเป็นต้องจำกัดปริมาณโซเดียมเพื่อไม่ให้ไตทำงานหนัก การรับประทานกระเทียมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารแทนเกลือหรือน้ำปลา นอกจากนี้กระเทียมยังอุดมด้วยวิตามินซี และวิตามินบี6  ซึ่งมีสารประกอบที่เรียกว่า กำมะถัน มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ

    กระเทียม 3 กลีบ 9 กรัม ประกอบด้วย

    โซเดียม 1.5 มิลลิกรัม
    โพแทสเซียม 36 มิลลิกรัม
    ฟอสฟอรัส 14 มิลลิกรัม
    • น้ำมันมะกอก

    น้ำมันมะกอกเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีต่อสุขภาพในการนำมาปรุงอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคไต เพราะ น้ำมันมะกอกมีไขมันอิ่มตัวเชิงเดียว ที่เรียกว่า กรดโอเลอิก (Oleic acid) ซึ่งมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ

    น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ ปริมาณ 13.5 กรัม ประกอบด้วย

    โซเดียม 0.3 มิลลิกรัม
    โพแทสเซียม 0.1 มิลลิกรัม
    ฟอสฟอรัส 0  มิลลิกรัม

    อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยโรคไต

    อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับผู้ป่วยโรคไต มีดังนี้

    อาหารที่มีปริมาณฟอสฟอรัส และแคลเซียมสูง

    การรับประทานอาหารที่มีปริมาณฟอสฟอรัสสูง อาจทำให้ไตเสื่อมสภาพได้ไวยิ่งขึ้น เช่น

    • ผลิตภัณฑ์ประเภทนม
    • พืชตระกูลถั่ว
    • ธัญพืช
    • เนื้อสัตว์ตระกูลสัตว์ปีกและปลา

    อาหารที่มีปริมาณด้วยโพแทสเซียมสูง

    ถึงแม้ว่าโพแทสเซียมจะมีส่วนช่วยบำรุงระบบประสาทและกล้ามเนื้อ หากคุณเป็นโรคไตการบริโภคอาหารที่มีปริมาณโพแทสเซียมสูงอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนนำไปสู่โรคหัวใจได้ เช่น

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วอาหารบางชนิดจะช่วยบำรุงไตให้แข็งแรง แต่ก็ไม่ได้เหมาะกับผู้ที่เป็นโรคไตทั้งหมด ดังนั้นคุณควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง 

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 17/09/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา