backup og meta

อาหารเสริม วิตามินและแร่ธาตุ สำคัญมากแค่ไหน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 02/08/2023

    อาหารเสริม วิตามินและแร่ธาตุ สำคัญมากแค่ไหน

    ในปัจจุบัน อาหารเสริม เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยเสริม วิตามินและแร่ธาตุ ที่ร่างกายขาดไป เช่น อาหารเสริมแคลเซียม อาหารเสริมวิตามินซี อย่างไรก็ตาม ความต้องการในการรับประทานอาหารเสริมอาจจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละคน ดังนั้น จึงควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรก่อนรับประทานอาหารเสริม

    อาหารเสริม วิตามินและแร่ธาตุ จำเป็นหรือไม่

    โดยทั่วไปแล้วคนเราไม่จำเป็นที่จะต้องรับประทานวิตามินและแร่ธาตุผ่านการรับประทานอาหารเสริม เพราะร่างกายของเราสามารถที่จะได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ต่างๆ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ แคลเซียม ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม แมกนีเซียม หรือสารต้านอนุมูลอิสระชนิดต่างๆ ผ่านการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว

    ตัวอย่างเช่นการรับประทาน ผัก ผลไม้ ปลา เนื้อสัตว์ต่างๆ ผลิตภัณฑ์จากนม ธัญพืช หรือขนมปังอาหารที่มีประโยชน์เหล่านี้ หากรับประทานอย่างเหมาะสม และเพียงพอ ก็จะให้สารอาหารที่มีประโยชน์ทั้งวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายในระดับที่เพียงพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสริมด้วยการรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมเพิ่มปริมาณของสารอาหารอีก

    วิตามินจากอาหาร-อาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ-จำเป็นหรือไม่

    ใครบ้างที่ควรได้รับ อาหารเสริม

    แม้ปกติแล้วการรับประทานวิตามินและอาหารเสริมจะเป็นเรื่องที่จัดว่าไม่มีความจำเป็นสักเท่าใดนัก แต่…ยังมีคนบางกลุ่มที่จำเป็นจะต้องได้รับวิตามินและแร่ธาตุในรูปแบบของอาหารเสริม เนื่องจากมีอาการทางสุขภาพในกลุ่มของโรคที่เกี่ยวกับ โรคขาดสารอาหาร (Undernutrition) เช่น

    • ภาวะโซเดียมในเลือดต่ำ (Hyponatremia)
    • ภาวะโพแทสเซียมต่ำ (Hypokalemia)
    • รคคอพอก (Goiter)
    • ภาวะขาดวิตามินดี (Vitamin D insufficiency)
    • ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำกว่าปกติ (Hypocalcemia)

    ทั้งนี้ภาวะที่ร่างกายมีสารอาหารบางชนิดต่ำกว่าที่ควรจะเป็นนั้น แพทย์หรือเภสัชกรอาจมีความจำเป็นต้องวินิจฉัยให้มีการรับประทานอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ ที่ช่วยเสริมสารอาหารที่ร่างกายขาดหรือมีน้อยเกินไป เพื่อให้สารอาหารในร่างกายเกิดความสมดุล

    นอกจากนี้ยังอาจร่วมถึงผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ที่จำเป็นต้องได้รับวิตามินและแร่ธาตุเสริมบางประเภท เช่น ไอโอดีน กรดโฟลิก วิตามินต่างๆ หรือธาตุเหล็ก เพื่อสุขภาพของทารกในครรภ์ รวมถึงผู้สูงอายุก็อาจจำเป็นที่จะต้องรับประทานวิตามินบางชนิดเสริมเพื่อลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น ผู้สูงอายุอาจต้องรับประทานวิตามินดีในรูปแบบของอาหารเสริมประมาณ 800 หน่อยต่อวัน

    วิตามินและแร่ธาตุแบบอาหารเสริม กับวิตามินจากการรับประทานอาหาร เลือกอะไรดี

    อาหารเสริมไม่ได้ถูกผลิตขึ้นมาทดแทนการมีอยู่ของสารอาหารในอาหารต่างๆ ดังนั้นสารอาหารที่ได้จากการรับประทานอาหารเสริมจึงให้ประโยชน์ที่ไม่เท่ากับวิตามินและแร่ธาตุที่ได้จากอาหารธรรมชาติ นอกจากนี้สารอาหารที่ได้จากการกินอาหารก็ยังให้ความเสี่ยงต่อสุขภาพน้อยกว่าอาหารเสริมด้วย เพราะอาหารเสริมบางชนิดหากรับประทานในปริมาณที่มากจนเกินไป ก็เสี่ยงที่จะมีผลต่ออาการทางสุขภาพได้

    อย่างไรก็ตาม มีอยู่ 3 ข้อหลักๆ ที่แสดงให้เห็นว่าวิตามินและแร่ธาตุ ที่ได้จากการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์นั้นดีกว่าการรับประทานอาหารเสริม ได้แก่

    • อาหารจากธรรมชาติให้สารอาหารที่หลากหลายกว่า อาหารหนึ่งชนิดสามารถให้วิตามินและแร่ธาตุมากกว่า 1 ชนิดขึ้นไป ในขณะที่วิตามินและอาหารเสริมแต่ละชนิดก็มักจะให้สารอาหารแค่เพียงแค่ชนิดเดียวหรือจำเพาะเป็นชนิดๆ ไป ไม่หลากหลายเท่ากับสารอาหารที่ได้จากอาหารธรรมชาติ
    • อาหารจากธรรมชาติเช่นผักและผลไม้จะมีใยอาหาร หรือไฟเบอร์ ซึ่งอาหารเสริมมักจะไม่มี โดยไฟเบอร์มีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก ช่วยในการย่อยอาหาร ดีต่อระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก ช่วยในการลดน้ำหนัก ป้องกันโรคหัวใจ และโรคเบาหวาน
    • อาหารที่ได้จากธรรมชาติจะให้สารอาหารที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการสึกหรอของร่างกาย นั่นคือ สารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) ซึ่งไม่ค่อยพบในกลุ่มอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ โดยสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยป้องกันความเสียหายของเซลล์ในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง 

    อาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ ควรรับประทานในปริมาณเท่าใด

    การรับประทานอาหารเสริมเพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์อย่างเพียงพอนั้น ก็มีข้อจำกัดในเรื่องของปริมาณในการรับประทาน ซึ่งหากรับประทานในระดับที่เหมาะสม ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และเภสัชกร ก็จะได้รับประโยชน์จากอาหารเสริมอย่างเต็มที่ แต่โดยทั่วไปแล้วควรจะต้องได้รับในปริมาณที่จำกัดเพื่อความปลอดภัยต่อร่างกาย ดังนี้

    วิตามินและแร่ธาตุ 

    ปริมาณที่ควรได้รับ

    ปริมาณจำกัด(ไม่ควรเกิน)

    แคลเซียม 1,000-1,200 มิลลิกรัม 2,000 มิลลิกรัม
    โฟเลต 400 ไมโครกรัม 1,000 ไมโครกรัม
    ธาตุเหล็ก 8 มิลลิกรัม 45 มิลลิกรัม
    วิตามินเอ 700 ไมโครกรัม อาร์เออี 3,000 ไมโครกรัม อาร์เออี
    วิตามินบี6 1.5 มิลลิกรัม 100 มิลลิกรัม
    วิตามินบี12 2.4 ไมโครกรัม ไม่มีการระบุปริมาณจำกัด
    วิตามินซี 75 มิลลิกรัม 2,000 มิลลิกรัม
    วิตามินดี 600-800 หน่วย (IU) 4,000 หน่วย (IU)
    วิตามินอี 15 มิลลิกรัม 1,000 มิลลิกรัม

    ข้อแนะนำก่อนการรับประทานอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ

  • ปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนรับประทานวิตามินและอาหารเสริมเสมอ
  • ตรวจสอบฉลากก่อนรับประทานเสมอ เพื่อดูส่วนประกอบ ปริมาณสารอาหาร วันที่ผลิตและวันหมดอายุ
  • รับประทานในปริมาณที่เหมาะสม การรับประทานวิตามินและอาหารเสริมมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้
  • สังเกตวิถีการรับประทานอาหารของตนเอง เพราะวิตามินและแร่ธาตุที่ได้จากการรับประทานอาหารอาจเพียงพออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องได้รับจากอาหารเสริมอีก
  • หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 02/08/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา