ปัจจุบันนี้ มีหลายวิธีช่วยดูแลผิวให้อ่อนเยาว์ ลดเลือนริ้วรอย ไม่ว่าจะเป็นกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนการฉีดวิตามินซี การรักษาเฉพาะที่ด้วยเรตินอล แต่สิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวมีสุขภาพดี ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน อาหารที่ทำให้แก่ก่อนวัย รวมทั้งการดื่มน้ำให้มาก ๆ การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายเป็นประจำ
[embed-health-tool-bmi]
ปัจจัยที่ทำให้แก่ก่อนวัย มีอะไรบ้าง
สำหรับสาเหตุหลัก ๆ ที่ส่งผลทำให้เกิดผิวแก่ก่อนวัยนั้นมีอยู่ 2 ประการ ได้แก่
- แสงแดด
- การเกิดปฏิกิริยาในร่างกายจากน้ำตาลส่วนเกินและโปรตีนในร่างกายเกิดปฏิกิริยาและรวมตัวกันทำให้เกิดสาร AGEs (Advanced glycation end products หรือ AGEs) ซึ่งเป็นตัวการเร่งผิวหนังแก่ก่อนวัย
อาหารที่ทำให้แก่ก่อนวัย มีอะไรบ้าง
อาหารมีผลต่อสุขภาพผิว อาหารบางชนิดจัดเป็นอาหารที่ทำให้แก่ก่อนวัย เพราะทำให้คอลลาเจนน้อยลงและทำลายผิว กอาหารที่ควนหลีกเลี่ยงเพราะอาจทำให้ผิวแก่ก่อนวัย มีดังนี้
เฟรนช์ฟรายส์
เฟรนช์ฟรายส์เป็นอาหารที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่กระตุ้นน้ำตาลส่วนเกินและโปรตีนในร่างกายให้เกิดปฏิกิริยาเคมีและรวมตัวกันจนเกิดสาร AGEs ขึ้นมา เพราะต้องผ่านการทอดในน้ำมันที่อุณหภูมิสูงซึ่งจะปล่อยอนุมูลอิสระที่มาทำลายเซลล์ผิวหนัง และทำให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลง
นอกจากนั้น เฟรนช์ฟรายมีความเค็ม และหากร่างกายได้รับเกลือมากเกินไป จะดึงน้ำออกจากผิวหนังและนำไปสู่ภาวะขาดน้ำได้ นั่นอาจทำให้ผิวมีแนวโน้มที่จะเกิดริ้วรอยขึ้นได้
ขนมปังขาว
เมื่อคาร์โบไฮเดรตกลั่นรวมกับโปรตีนจะทำให้เกิดการก่อตัวของ AGEs ซึ่งมีผลโดยตรงต่ออายุ โรคเรื้อรัง และความชรา อาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูง เช่น ขนมปังขาว อาจทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย อาจเลือกขนมปังชนิดอื่นแทนขนมปังขาว เช่น ขนมปังธัญพืชที่ไม่ใส่น้ำตาล
น้ำตาลทรายขาว
น้ำตาลถือเป็นหนึ่งในตัวการที่ทำให้เกิดปัญหาผิว เช่น สิว เนื่องจากน้ำตาลมีส่วนช่วยในการสร้างคอลลาเจนที่ทำลาย AGEs เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น กระบวนการ AGEs จะถูกกระตุ้น และจะเกิดปฏิกิริยาเร็วขึ้นหากมีแสงแดดเข้ามาเกี่ยวข้อง
อาหารที่มีน้ำตาลทรายขาว เช่น ไอศกรีม คุกกี้ ดังนั้น แทนที่จะรับประทานไอศกรีม ควรเปลี่ยนเป็นผลไม้แช่แข็ง เพื่อความสดชื่น หรือไอศกรีมที่ไม่เติมน้ำตาลแทน หรืออาจเลือกผลไม้สดหรือดาร์กช็อกโกแลต แทนเมื่อเกิดอยากของหวาน เช่น สตรอว์เบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ เพราะผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อาจช่วยป้องกันการสูญเสียคอลลาเจนซึ่งรักษาความยืดหยุ่นในผิวได้
เนยเทียม
เนยเทียมมีกรดไขมันทรานส์ที่ทำให้ผิวหนังไวต่อรังสียูวีในแสงแดดมากขึ้น และแสงแดดนั้นอันตรายเพราะทำลายคอลลาเจนและความยืดหยุ่นของผิวหนัง
ดังนั้น แทนการใช้เนยทาลงบนขนมปัง อาจเลือกใช้น้ำมันมะกอกหรืออะโวคาโดที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระต่อต้านริ้วรอย
อาหารแปรรูป
ฮอทดอก เบคอน และไส้กรอก ล้วนทำมาจากเนื้อสัตว์แปรรูปที่อาจเป็นอันตรายต่อผิวหนัง เนื่องจากมักมีโซเดียม ไขมันอิ่มตัว และซัลไฟต์สูง ทำให้ผิวขาดน้ำ และคอลลาเจนในผิวอ่อนแอลงได้
หากต้องการโปรตีนลองเปลี่ยนจากเนื้อสัตว์แปรรูปมาเป็นไข่หรือถั่ว รวมทั้งเลือกเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว เพราะอุดมไปด้วยโปรตีน และกรดอะมิโนจำเป็นในการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติ
ผลิตภัณฑ์นม
อาหารที่มีผลิตภัณฑ์จากนมไขมันต่ำ อาจช่วยป้องกันผิวหนังเกิดริ้วร้อย เพราะผลิตภัณฑ์นมนั้นเป็นแหล่งแคลเซียมที่ดี ซึ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพผิวโดยรวม แต่หากไม่สามารถดื่มนม หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของนมได้ ควรเลือกรับประทานแคลเซียมจากแหล่งอื่น ๆ เช่น เมล็ดพืช ถั่ว อัลมอนด์ ผักใบเขียว ปลาตัวเล็ก
โซดาและกาแฟ
โซดากับกาแฟนั้นผลร้ายต่อผิวและการนอนหลับได้ เนื่องจากเครื่องดื่มทั้ง 2 ชนิดนี้มีคาเฟอีนที่สูง หากดื่มมากเกินไปอาจทำให้ร่างกายไม่สามารถนอนหลับพักผ่อนได้เต็มที่ จะส่งผลให้ผิวหนังเกิดริ้วรอย รอยคล้ำรอบดวงตา
แอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์เป็นตัวการที่ก่อให้เกิดปัญหาผิว เช่น รอยแดง อาการบวม สูญเสียคอลลาเจน ริ้วรอย เพราะทำให้ระดับสารอาหาร ความชุ่มชื้นและวิตามินลดลง ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลโดยตรงต่อการเกิดริ้วรอย
หากต้องการดื่มแอลกอฮอล์ ควรดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ นั่นคือ 1 แก้วต่อวันสำหรับผู้หญิง และ 2 แก้วต่อวันสำหรับผู้ชาย และควรดื่มน้ำมาก ๆ
เค้กข้าว (Rice Cakes)
เค้กข้าวนั้นสามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น จะทำหน้าที่เป็นตัวเร่งอายุ ซึ่งยิ่งเพิ่มโอกาสเกิดริ้วรอยขึ้นได้ นับเป็น อาหารที่ทำให้แก่ก่อนวัย ที่ควรหลีกเลี่ยง
หากรู้สึกอยากอาหารแต่กังวลเรื่องริ้วรอยด้วย อาจเปลี่ยนไปรับประทานพริกหยวกแดง พริกหวานแดง มาจิ้มกับฮัมมูส (Hummus) ดูก็ได้ เนื่องจากพริกทั้ง 2 ชนิดนี้ มีวิตามินซีสูง อุดมไปด้วยคอลลาเจนไ หรืออาจเลือกรับประทานถั่วชิกพี (Chickpeas) ซึ่งเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพผิวก็ได้เช่นกัน