อาหารที่เรารับประทานนั้นมักมีส่วนที่ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายอย่างปฏิเสธไม่ได้ และสำหรับผู้ที่มีโรคเรื้อรังบางอย่าง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ดังนั้นการได้รับแร่ธาตุบางอย่างก็อาจจะช่วย ควบคุมความดันโลหิต ได้ดีขึ้น ที่วันนี้บทความของ Hello คุณหมอ ได้รวบรวมแร่ธาติที่จำเป็นทั้ง 3 ชนิด มาฝากทุกคนให้ได้ลองนำไปหารับประทานเพื่อช่วยปรับปรุงระดับความดันโลหิตไปพร้อม ๆ กันค่ะ
[embed-health-tool-bmi]
แร่ธาตุสำคัญ ที่อาจช่วย ควบคุมความดันโลหิต
- โพแทสเซียม
โพแทสเซียม (Potassium) เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์ เส้นประสาท และกล้ามเนื้อ โดยมีส่วนช่วยให้ร่างกายควบคุมความดันโลหิต จังหวะการเต้นของหัวใจ และปริมาณน้ำในเซลล์ รวมถึงช่วยในการย่อยอาหารด้วย การมีปริมาณโพแทสเซียมในร่างกายในระดับปกติ สามารถทำให้ความดันโลหิตลดลง และช่วยป้องกันการเกิดตะคริวที่กล้ามเนื้อ เนื่องจากโพแทสเซียมเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ รวมถึงการผ่อนคลายผนังหลอดเลือด มากไปกว่านั้นโพแทสเซียมยังสำคัญต่อการนำสัญญาณไฟฟ้า ในระบบประสาทและหัวใจ ซึ่งช่วยป้องกันอาการหัวใจเต้นผิดปกติ
สำหรับอาหารที่อุดมไปด้วยโพแทสเซียม เช่น ลูกพรุน มันเทศ กล้วยหอม เมล็ดทานตะวัน อินทผลัม เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถหารับประทานได้ง่ายตามท้องตลาด หรือห้างสรรสินค้าทั่วไป อย่างไรก็ตามการกินอาหารเพียงอย่างเดียวอาจทำให้ได้รับโพแทสเซียมไม่เพียงพอ เพราะยังมียาบางชนิดอย่างยาขับปัสสาวะ เช่น ไฮโดรคลอโรไทอะไซด์ (Hydrochlorothiazide) อย่างเอซิดริกซ์ (Esidrix) ไฮโดรไดยูริล (Hydrodiuril) ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ร่างกายขับโพแทสเซียมออกทางปัสสาวะ ซึ่งเป็นการลดระดับโพแทสเซียมในร่างกายได้
ดังนั้นถ้าคุณเป็นผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว โรคความดันโลหิตสูง หรืออาการบวมน้ำ ที่ต้องกินยาขับปัสสาวะ คุณอาจได้รับโพแทสเซียมไม่เพียงพอ จากการกินอาหารเพียงอย่างเดียว จึงต้องกินอาหารเสริมโพแทสเซียม ที่แพทย์กำหนดให้ร่วมด้วย และควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินอาหารเสริมทุกครั้ง เนื่องจากการได้รับโพแทสเซียมมากเกินไปก็อาจส่งผลทำให้หัวใจทำงานผิดปกติได้เช่นกัน คุณควรจำกัดปริมาณโพแทสเซียมในแต่ละวันให้อย่างพอดีส่วนใหญ่ปริมาณที่คุณควรได้รับต่อวันคือ 4,700 มิลกรัมทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย
- แมกนีเซียม
แมกนีเซียมมีส่วนช่วยในการควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ได้แก่ ความดันโลหิต ระดับน้ำตาลในเลือด กล้ามเนื้อ และการทำงานของเส้นประสาท นอกจากนี้แมกนีเซียมยังช่วยทำให้หลอดเลือดผ่อนคลาย และยังจำเป็นต่อการผลิตพลังงาน การส่งเสริมสุขภาพของกระดูกอีกด้วยแต่ถึงอย่างไรการกินยาขับปัสสาวะก็สามารถส่งผลทำให้ระดับแมกนีเซียมในร่างกายลดลงได้เช่นกัน ดั้งนั้นคุณจึงควรมีการปรึกษาแพทย์ร่วมหากปัจจุบันคุณยังกินยาประเภทนี้
ส่วนสำหรับอาหารที่อุดมไปด้วยแมกนีเซียมที่คุณควรได้รับมักมาจาก ผักใบเขียว ธัญพืชไม่ขัดสี และพืชตระกูลถั่ว แต่ก็ควรกำหนดปริมาณที่ได้รับอย่างเหมาะสมเนื่องจากการได้รับแมกนีเซียมมากเกินไปจากการกินอาหาร หรือจากการกินยาที่มีแมกนีเซียม เช่น ยาระบาย (Laxatives) อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย โดยปกติแล้วปริมาณแมกนีเซียมที่คุณควรได้รับนั้นต่อวันนั้นถูกแบ่งออกเป็น สำหรับผู้ชายที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป 420 มิลลิกรัมต่อวัน และสำหรับผู้หญิงที่อายุ 50 ปีขึ้นไปควรได้รับแมกนีเซียม 320 กรัมต่อวัน
- แคลเซียม
แคลเซียมสำคัญต่อความดันโลหิต เนื่องจากมีส่วนช่วยในการทำให้หลอดเลือดกระชับและผ่อนคลาย นอกจากนี้ยังสำคัญต่อกระดูก การหลั่งฮอร์โมนและเอนไซม์ที่ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกาย โดยอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ได้แก่ ผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากนมวัว ผักใบเขียว ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน
นอกจากนี้ปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับต่อวันคือ 1,000-1,200 มิลลิกรัมต่อวัน สำหรับผู้ชายที่อายุมากกว่า 51 ปีขึ้นไป และสำหรับผู้หญิงที่อายุ 51 ปีขึ้นไปควรได้รับแคลเซียม 1,200 มิลลิกรัมต่อวัน อย่างไรก็ตามคนส่วนใหญ่จะได้รับแคลเซียมจากการกินอาหารประมาณ 700 มิลลิกรัมต่อวัน ดังนั้นกรณีที่คุณต้องการกินอาหารเสริมเพื่อเพิ่มแคลเซียม ควรเข้าขอคำปรึกษาจากแพทย์เสียก่อน
โซเดียมเกี่ยวข้องกับความดันโลหิต เนื่องจากผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง และผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจ ควรควบคุมปริมาณโซเดียมที่ได้รับต่อวัน โดยควรได้รับโซเดียม 1,500-2,300 มิลลิกรัมต่อวัน และควรงดอาหารที่รสเค็มจัด หรือมีปริมาณโซเดียมมาก
เนื่องจากเกลือ หรือโซเดียมคลอไรด์ (Sodium Chloride) ประกอบด้วยแร่ธาตุโซเดียมคลอไรด์ซึ่งร่างกายต้องการโซเดียมเพื่อการทำงานของเส้นประสาท และกล้ามเนื้อ อีกทั้งโซเดียมยังมีส่วนช่วยในการรักษาสมดุลของเหลวในร่างกายคุณได้ แต่อย่างไรก็ตามเพื่อป้องกันความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง และเป็นการ ควบคุมความดันโลหิต คุณจึงจำเป็นต้องได้รับปริมาณโซเดียมที่พอดีเท่านั้น
หากคุณมีข้อกังวลใจหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับวิธีควบคุมความดันโลหิต อาจต้องขอเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์อีกครั้ง เพราะนอกจากการได้รับแร่ธาตุดังกล่าวแล้ว ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่เหมาะสมตามแต่ลำอาการของผู้ป่วย ที่จะช่วยทำให้คุณควบคุมความดันโลหิตให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้นได้