backup og meta

คันช่องคลอด สาเหตุและการรักษา

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์ · สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลนครพิงค์


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 27/10/2022

    คันช่องคลอด สาเหตุและการรักษา

    คันช่องคลอด อาจมาพร้อมกับอาการระคายเคือง แสบ ร้อน หรือมีสารคัดหลั่ง เช่น ตกขาวที่ผิดปกติร่วมด้วย ซึ่งอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียจากการที่สมดุลของความเป็นกรดในช่องคลอดเสียไป วัยหมดประจำเดือน การติดเชื้อรา หรือการที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายผิดปกติไป ซึ่งอาการคันช่องคลอดที่มีความรุนแรงจนถึงขั้นรบกวนการใช้ชีวิต จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ถูกต้อง และการรักษานั้นมีหลายวิธีขึ้นกับสาเหตุว่าเกิดจากอะไร ดังนั้น การได้รับการตรวจโดยการตรวจภายในจะทำให้สามารถระบุสาเหตุที่ชัดเจน และนำไปสู่การรักษาที่เหมาะสม อีกทั้งสามารถป้องกันการเกิดซ้ำได้ดีขึ้น

    คันช่องคลอด เกิดจากสาเหตุใด

    อาการคันช่องคลอดอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

    • ความไม่สมดุลของภาวะความเป็นกรดด่างในช่องคลอด

    ตามปกติภายในช่องคลอดจะมีแบคทีเรียประจำถิ่น (Normal flora) ชื่อ แลคโตบาซิลไล (Lactobacilli) อาศัยอยู่ ซึ่งถือได้ว่าเป็นภาวะที่ปกติ โดยที่แบคทีเรียชนิดนี้จะทำให้ช่องคลอดมีภาวะเป็นกรดอ่อน ๆ แต่หากแบคทีเรียชนิดนี้มีจำนวนลดลง จะทำให้ความเป็นกรดด่างของช่องคลอดเสียสมดุลไป และทำให้แบคทีเรียชนิดอื่น ๆ มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลของการเพิ่มขึ้นของแบคทีเรียเหล่านี้ จะทำให้เกิดการอักเสบของคลอดเกิดขึ้น ทำให้มีอาการคัน อักเสบ แสบร้อน และตกขาวมีกลิ่นเหม็น

    อาจมีทั้งโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส เช่น เริมที่อวัยวะเพศ หูดหงอนไก่ เอดส์ โรคที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น  โรคหนองในแท้ หนองในเทียม ซิฟิลิส หรือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อพยาธิ (Trichomonas) เชื้อราแคนดิดา (Candida) ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองและคันช่องคลอดหรือปากช่องคลอดได้

    • วัยหมดประจำเดือน

    รังไข่จะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ส่งผลให้เยื่อบุผนังช่องคลอดบางลง แห้ง และขาดสารคัดหลั่งที่ทำให้เกิดความชุ่มชื้น ทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองได้

    • การติดเชื้อรา

    เกิดขึ้นเมื่อเชื้อราแคนดิดาเจริญเติบโตในช่องคลอดมากเกินไป ซึ่งมีหลายปัจจัยส่งเสริม เช่น การตั้งครรภ์ การมีเพศสัมพันธ์ การใช้ยาปฏิชีวนะ การมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ ส่งผลทำให้มีอาการคัน ตกขาวมากขึ้น ตกขาวมีสีขาวข้น สีเหลือง สีเขียวและมีกลิ่นเหม็น

    • สารระคายเคืองทางเคมี

    เช่น ถุงยางอนามัย น้ำยาซักผ้า สบู่ กระดาษชำระที่มีน้ำหอม รวมถึงการสวนล้างช่องคลอดด้วยสบู่ สามารถสร้างความระคายเคืองและทำให้เกิดอาการคันช่องคลอดได้

    โรคไลเคนสเคลโรซัส (Lichen sclerosus)

    เป็นภาวะที่พบไม่บ่อย  มีลักษณะเป็นหย่อมสีขาวเกิดขึ้นบนผิวหนัง โดยเฉพาะบริเวณช่องคลอด อาจทำให้เกิดแผลเป็นและอาการคันได้ พบบ่อยในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน

    การรักษาอาการคันช่องคลอด

    การระคายเคืองที่ทำให้เกิดอาการคันช่องคลอดมักจะดีขึ้นโดยไม่ต้องรักษา แต่หากมีอาการรุนแรงขึ้น หรือกลับมาเป็นซ้ำบ่อยครั้ง ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อหาสาเหตุหลักของอาการ วิธีรักษาอาการคันช่องคลอดอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสาเหตุของโรค ดังนี้

    • การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด คุณหมออาจให้ยารับประทานในกลุ่มเมโทรนิดาโซล (Metronidazole) เป็นยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ควรรับประทานหลังอาหารทันที เนื่องจากอาจทำให้คลื่นไส้อาเจียน และควรใช้ยาให้ครบตามที่กำหนดเพื่อป้องกันการดื้อยา
    • โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คุณหมอจะทำการรักษาตามโรคที่เป็น เช่น ใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาโรคหนองใน ใช้ยาต้านไวรัสเพื่อรักษาโรคเริม ใช้ยาแก้พยาธิเพื่อรักษาการติดเชื้อพยาธิ โดยต้องรับประทานยาอย่างเคร่งครัด และงดมีเพศสัมพันธ์จนกว่าการติดเชื้อหรือโรคจะหายไป โรคบางโรค เช่น โรคเอดส์ โรคเริม อาจไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ทำได้เพียงแค่บรรเทาอาการ และควบคุมไม่ให้อาการรุนแรงขึ้น
    • วัยหมดประจำเดือน คุณหมออาจรักษาด้วยยาฮอร์โมนเอสโตรเจน รูปแบบยาเม็ด หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์สำหรับใช้ทาในช่องคลอดเพื่อช่วยบรรเทาอาการช่องคลอดแห้งและอาการคัน
    • การติดเชื้อยีสต์ คุณหมอมักรักษาด้วยยาต้านเชื้อรา โดยจะใช้ยารูปแบบครีม ขี้ผึ้ง หรือยาเหน็บสอดเข้าไปในช่องคลอด หรืออาจเป็นรูปแบบของยารับประทาน ยาเหล่านี้สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่หากการติดเชื้อรารุนแรงขึ้นหรือไม่หายไปควรไปพบคุณหมอเพื่อรับยาที่มีฤทธิ์แรงขึ้น และหาสาเหตุเพิ่มเติม เช่น การติดเชื้อราดื้อยา ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
    • สารระคายเคืองทางเคมี เพื่อหลีกเลี่ยงอาการคันช่องคลอดจากสารเคมีในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นสูตรอ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม หรือผลิตภัณฑ์สำหรับใช้ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศโดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสวนล้างเพราะอาจทำลายความสมดุลของแบคทีเรียดีในช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดติดเชื้อได้ง่าย
    • โรคไลเคนสเคลโรซัส สามารถใช้ครีมสเตียรอยด์ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบ หรืออาจรับสเตียรอยด์ที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองจากไลเคนสเคลโรซัส

    วิธีป้องกันอาการคันช่องคลอด

    วิธีป้องกันไม่ให้เกิดอาการคันช่องคลอด สามารถทำได้ ดังนี้

    • ทำความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศภายนอกเป็นประจำ ด้วยน้ำเปล่าหรือสบู่สูตรอ่อนโยน  หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอดเนื่องจากอาจทำให้ระคายเคืองและเสียความสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอดได้
    • เช็ดอวัยวะเพศให้แห้งเสมอ โดยเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลังเพื่อลดโอกาสที่เชื้อแบคทีเรียหรือสิ่งสกปรกเข้าสู่ช่องคลอด
    • สวมกางเกงผ้าฝ้ายหรือผ้าที่ระบายอาการดี ไม่อับชื้น และไม่คับแน่นจนเกินไป และควรเปลี่ยนชุดชั้นในทุกวัน
    • หลีกเลี่ยงการใช้กระดาษชำระที่มีน้ำหอม และหลีกเลี่ยงการทาครีมหรือแป้งในบริเวณอวัยวะเพศ
    • หลีกเลี่ยงการเกาเพราะอาจทำให้บริเวณอวัยวะเพศระคายเคืองได้
    • ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์เพื่อช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
    • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าอาการคันช่องคลอดหรือโรคจะดีขึ้น
    • หากมีภาวะช่องคลอดแห้งอาจใช้มอยเจอร์ไรเซอร์สำหรับช่องคลอดทาในช่องคลอด และก่อนมีเพศสัมพันธ์ให้ใช้เจลหล่อลื่นที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นมากขึ้น

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์

    สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลนครพิงค์


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 27/10/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา