backup og meta

วิธีทำให้กลิ่นตัวหอมตลอดทั้งวัน เพื่อลดกลิ่นตัว

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 14/02/2022

    วิธีทำให้กลิ่นตัวหอมตลอดทั้งวัน เพื่อลดกลิ่นตัว

    กลิ่นตัวอาจเกิดจากความผิดปกติของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในร่างกายบริเวณที่มีเหงื่อออก เมื่อเหงื่อออกแบคทีเรียจะไปสลายโปรตีนบางชนิดในเหงื่อให้กลายเป็นกรด ดังนั้น กลิ่นตัวจึงอาจมาจากกระบวนการที่แบคทีเรียทำลายเหงื่อ โดยบริเวณที่มักทำให้เกิดกลิ่นตัว ได้แก่ รักแร้ ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจในตัวเอง ดังนั้น วิธีทำให้กลิ่นตัวหอมตลอดทั้งวัน จึงอาจช่วยลดกลิ่นตัวและช่วยเพิ่มความมั่นใจได้อีกด้วย

    เหงื่อกับกลิ่นตัว

    กลิ่นตัว มักเกิดจากการทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรง เมื่อปริมาณของเหงื่อสะสมมากขึ้นก็จะมีกลิ่นตัวตามมา นั่นทำให้หลายคนเข้าใจว่าการมีเหงื่อออกจะทำให้มีกลิ่นตัว แต่ความเป็นจริงแล้ว เหงื่อไม่มีกลิ่น แต่กลิ่นตัวอาจเกิดจากความผิดปกติของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในร่างกายบริเวณที่มีเหงื่อออก เพราะแบคทีเรียมักจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้น เช่น รักแร้ เมื่อเหงื่อออกแบคทีเรียจะไปสลายโปรตีนบางชนิดในเหงื่อให้กลายเป็นกรด ดังนั้น กลิ่นตัวจึงมาจากกระบวนการที่แบคทีเรียทำลายเหงื่อ

    วิธีทำให้กลิ่นตัวหอมตลอดทั้งวัน

    สำหรับวิธีที่อาจช่วยระงับกลิ่นตัวด้วยตัวเอง อาจทำได้ดังนี้

    สร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยโลชั่นหรือครีมบำรุงผิว

    หลังอาบน้ำเสร็จอาจทาโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวที่มีกลิ่นหอมทันทีขณะที่ตัวยังชื้น เพื่อความชุ่มชื้นให้กับผิว ทั้งยังทำให้กลิ่นหอมของเนื้อโลชั่นและเนื้อครีมติดผิวได้นานขึ้น หากอยากให้หอมมากขึ้นไปอีก ควรเลือกโลชั่นและครีมบำรุงผิวที่มีกลิ่นเดียวกับน้ำหอมที่ชอบ จะทำให้กลิ่นติดทนนาน และหอมอยู่ตลอดเวลา ทั้งนี้ควรเลือกโลชั่นหรือครีมบำรุงผิวสูตรอ่อนโยน เพื่อป้องกันการเกิดอาการแพ้ หรือระคายเคืองผิวหนัง

    อาบน้ำทำความสะอาดในจุดที่ถูกต้อง

    การทำกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดทั้งวัน ทั้งยังต้องอยู่ในสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว ทำให้ร่ายกายมีเหงื่อออกจนเกิดปัญหากลิ่นตัวตามมา แต่ปัญหากลิ่นตัวอาจไม่ได้มีแค่เหงื่อออกเท่านั้น การรับประทานอาหารบางชนิดก็อาจทำให้มีกลิ่นตัวได้เช่นกัน ดังนั้น วิธีที่อาจช่วยแก้ปัญหานี้ คือ การอาบน้ำอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการทำความสะอาดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีเหงื่อออกตลอดเวลา เช่น รัแร้ ขาหนีบ หน้าขา ข้อพับ ก้น เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีต่อมเหงื่อ การอาบน้ำสามารถทำได้บ่อยตามความต้องการ แต่ควรต้องดูลักษณะผิวตัวเองด้วย เช่น หากผิวแห้ง การอาบน้ำบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวแห้งกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม ควรอาบน้ำอย่างน้อย 1 ครั้ง/วัน

    ใช้ผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นตัวและกลิ่นเหงื่อ

    การใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นตัวและกลิ่นเหงื่อก่อนออกจากบ้าน อาจเป็นอีกวิธีที่ช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ แต่สำหรับบางคนอาจเป็นคนที่มีเหงื่อออกทั้งวันและตลอดเวลา อาจไม่มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์จะช่วยได้เต็มที่ อาจแก้ไขได้ด้วยการซื้อผลิตภัณฑ์ขนาดพกพาเพื่อจะได้หยิบมาใช้งานได้ตามต้องการ หรืออาจใช้แป้งที่มีส่วนผสมของทัลคัม (Talcum) ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่พบได้ตามธรรมชาติมีคุณสมบัติในการช่วยดูดซับความชื้น

    ใช้สบู่ที่ช่วยทำความสะอาดแบคทีเรีย

    สบู่โดยทั่วไปอาจช่วยทำให้ร่างกายมีกลิ่นหอม แต่สบู่ที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ก็อาจช่วยลดจำนวนของแบคทีเรียในบริเวณที่มีเหงื่อออก และอาจช่วยลดกลิ่นตัวได้

    สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี

    การสวมเสื้อผ้าที่ผลิตมาจากเส้นใยธรรมชาติอย่างฝ้าย อาจช่วยระบายเหงื่อได้ดีกว่าการสวมเสื้อผ้าที่ผลิตมาจากเส้นใยสังเคราะห์อย่าง โพลีเอสเตอร์ (Polyesters) ไนลอน (Nylon) หรือเรยอน (Rayon) ซึ่งอาจดักจับเหงื่อให้ติดกับเสื้อผ้า

    วิธีฉีดน้ำหอมเพื่อช่วยระงับกลิ่นกาย

    การฉีดน้ำหอม อาจเป็นวิธีที่ง่ายสำหรับผู้ที่ต้องการระงับกลิ่นกายและต้องการความมั่นใจเพิ่มขึ้น โดยวิธีฉีดน้ำหอมให้ติดนาน อาจทำได้ดังนี้

    จับคู่ผลิตภัณฑ์ การใช้น้ำหอมเเค่อย่างเดียวอาจยังไม่สามารถช่วยระงับกลิ่นกายได้ ดังนั้น ลองเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อย่างโลชั่น ครีมบำรุงผิว ที่ตรงกับกลิ่นน้ำหอมที่ใช้อยู่ เพื่อให้กลิ่นติดทนนานมากยิ่งขึ้น

    เลือกน้ำหอมที่มีความเข้มข้นสูง แม้วิธีนี้จะพ่วงมาด้วยราคาที่สูงขึ้น แต่ก็อาจทำให้ไม่ต้องฉีดหลายรอบ เนื่องจากน้ำหอบที่มีความเข้นข้นสูงแพงอาจทำให้น้ำหอมติดตัวได้ตลอดทั้งวัน ทั้งยังช่วยลดกลิ่นตัวที่ไม่พึงประสงค์ได้ด้วย

    ฉีดน้ำหอมที่เส้นผม เนื่องจากบริเวณเส้นผมมีรูขุมขนอยู่จำนวนมาก ดังนั้นเมื่อฉีดน้ำหอมเข้าไปอาจทำให้ส่งกลิ่นหอมได้นานกว่าบริเวณผิวหนัง หรืออาจฉีดน้ำหอมใส่หวีก่อนหวีผมก็ได้เช่นกัน แต่ควรระวังน้ำหอมที่มีสีเข้ม เพราะอาจทำให้ผมมีสีเดียวกับน้ำหอมได้

    ฉีดน้ำหอมในจุดสำคัญ โดยเฉพาะการฉีดน้ำหอมในบริเวณที่เป็นจุดชีพจร เพราะอาจทำให้เกิดการผสมกันตามธรรมชาติระหว่างร่างกายกับกลิ่นของสารเคมี เมื่อร่างกายร้อนขึ้นกลิ่นก็จะได้รับการกระตุ้นให้ปล่อยกลิ่นหอมออกมา นอกจากจุดชีพจรแล้วยังอาจมีอีกหลายจุดสำคัญที่สามารถฉีดน้ำหอมได้ เช่น ด้านหลังคอ ข้อพับแขนและขา ข้อศอก ข้อมือ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย


    เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 14/02/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา