backup og meta

อาการแพ้ยา และ ผลข้างเคียงของยา สองอาการที่คล้ายแต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ฤทธิศักดิ์ วงศ์วุฒิพงษ์ · แก้ไขล่าสุด 10/07/2020

    อาการแพ้ยา และ ผลข้างเคียงของยา สองอาการที่คล้ายแต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน

    ดังที่ทราบกันดีว่า อาการแพ้เป็นปฏิกิริยาตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่มากกว่าปกติซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสารก่อภูมิแพ้ เช่น อาหาร สารจากไรฝุ่น เกสรจากพืช เข้าสู่ร่างกายอาการแพ้ยาเป็นปฏิกิริยาตอบสนองที่คล้ายกับอาการแพ้ อาการแพ้ยา คือ อาการแพ้ที่เกิดจากผลของยาที่รับเข้าไป บางครั้งอาจคล้ายกับอาการจากผลข้างเคียงของยา แต่ไม่ใช่สิ่งเดียวกัน และนี่คือสองสิ่งที่คุณควรสังเกต เพื่อแยกความแตกต่าง

    ความแตกต่างของอาการแพ้ยากับผลข้างเคียงของยา

    อาการแพ้ยาแตกต่างจากผลข้างเคียงของยา ผลข้างเคียงของยาส่วนใหญ่แล้วจะไม่รุนแรง และมักคาดการณ์ได้ว่าหากใช้ยาชนิดใดจะเกิดผลข้างเคียงอย่างไร เช่น ยาแก้ปวดชนิดเสพติดอาจทำให้คลื่นไส้ ยาปฏิชีวนะอาจทำให้ท้องเสีย ผลข้างเคียงของยาที่พบบ่อย เช่น ท้องไส้ปั่นป่วน ท้องเสีย ง่วงนอนผิดปกติ

    อาการแพ้ยาอันตรายกว่าผลข้างเคียงของยามาก เนื่องจากร่างกายมองว่า ยาเป็นสิ่งแปลกปลอมจึงพยายามกำจัดยาที่ได้รับออกไป ความรุนแรงของอาการแพ้ยาขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล บางคนอาจมีอาการแพ้ทั่วไป ในขณะที่บางคนอาจแพ้รุนแรง

    ยาที่ทำให้เกิดอาการแพ้

    การแพ้ยา อาจทำให้เกิดอาการที่คล้ายกับอาการแพ้จากสาเหตุอื่นๆ แต่ไม่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิต้านทานของร่างกาย ยาบางชนิด มีผลทำให้เกิดอาการแพ้ได้มากกว่ายาชนิดอื่นๆ ได้แก่

    • ยาปฏิชีวนะ เช่น เพนิซิลิน (penicillin)
    • ยาแอสไพริน และยาแก้อักเสบที่ไม่มีสารสเตียรอยด์ เช่น ไอบูโพรเฟน (ibuprofen)
    • ยากันชัก (Anticonvulsants)
    • ยาโมโนโคลนอลแอนตีบอดี (Monoclonal antibody therapy)
    • เคมีบำบัด

    เมื่อคุณรับประทานยาเป็นประจำ ยาสัมผัสกับผิวหนัง หรือฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย อาจทำให้อาการภูมิแพ้รุนแรงขึ้นได้ แต่อาจมีคำถามเกิดขึ้นว่า ทำไมอาการแพ้ยาเกิดขึ้นกับคนกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่เกิดกับคนอีกกลุ่มหนึ่ง ความจริงแล้ว อาการแพ้ยาเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่คนบางกลุ่ม เช่น ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ ผู้ที่เป็นหอบหืด ผู้ที่มีความดันโลหิตสูง อาจมีความเสี่ยงต่ออาการแพ้ยาที่รุนแรง

    ดังนั้นก่อนการรับประทานยาทุกชนิด หากเป็นยาที่มีตัวยาชนิดใหม่และแพทย์เลือกให้ใช้ ควรย้ำกับแพทย์และถามถึงตัวยาที่ออกฤทธิ์ว่า มีตัวยาที่เคยแพ้หรือไม่ และอาการแพ้หรือผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร  เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการรักษา

    อาการแพ้ยา เป็นอย่างไร

    การแพ้ยาส่วนใหญ่ มักก่อให้เกิดผื่นแดง และลมพิษบริเวณผิวหนัง อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นทันที หรือหนึ่งชั่วโมงหลังจากได้รับยา

    อาการทั่วไปที่เกิดขึ้นจากการแพ้ยา ได้แก่

    • ผื่นลมพิษ
    • คันบริเวณผิวหนัง หรือตา
    • ผื่นแดง
    • ปาก ลิ้น หรือหน้าบวม
    • เกิดเสียงวี้ดขณะหายใจ

    อาการเมื่อเกิดปฏิกิริยาภูมิแพ้เฉียบพลันรุนแรง ได้แก่ 

    • ปวดท้องหรือตะคริว
    • ท้องร่วง
    • หายใจลำบากพร้อมเสียงวี้ด หรือเสียงแหบแห้ง
    • เวียนศีรษะ
    • เป็นลม วิงเวียน
    • คลื่นไส้ อาเจียน
    • หัวใจเต้นเร็ว
    • หัวใจเต้นผิดจังหวะ หรือใจสั่น

    อาการแพ้ยา พบได้น้อยกว่าอาการจากผลข้างเคียงของยา และส่วนใหญ่มักไม่ปรากฎในครั้งแรกของการใช้ยา ก่อนใช้ยาชนิดใหม่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงผลข้างเคียงของยา และควรศึกษาเอกสารกำกับยาให้ดีก่อนในทุกครั้ง

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ฤทธิศักดิ์ วงศ์วุฒิพงษ์ · แก้ไขล่าสุด 10/07/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา