ผู้ป่วยเบาหวานมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติและอาจทำให้หลอดเลือดฝอยเสียหาย จนเป็นสาเหตุให้เกิดอาการแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตจากเบาหวาน ภาวะเบาหวานขึ้นตา
หนึ่งในวิธีการรักษาผู้ป่วยเบาหวานโดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 ที่ไม่สามารถรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นปกติได้ด้วยการควบคุมอาหาร จึงจำเป็นต้องฉีดอินซูลินเข้าสู่ร่างกายเพื่อทำหน้าที่ควบคุมน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัย ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ
ชนิดของอินซูลินที่ใช้ฉีด
อินซูลินที่ผู้ป่วยเบาหวานใช้ฉีดเข้าร่างกายเพื่อทดแทนอินซูลินจากตับอ่อน จำแนกเป็นชนิดต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- อินซูลินออกฤทธิ์เร็ว (Rapid-acting Insulin) ออกฤทธิ์ภายใน 15 นาทีหลังฉีดเข้าร่างกาย และจะมีประสิทธิภาพสูงสุดประมาณ 1-3 ชั่วโมงหลังฉีด ทั้งนี้ อินซูลินที่ออกฤทธิ์เร็ว มักใช้ในกรณีของผู้ป่วยเบาหวานที่ตับอ่อนผลิตอินซูลินไม่ได้เลย
- อินซูลินออกฤทธิ์สั้น (Regular or Short-acting Insulin) ออกฤทธิ์ภายใน 30 นาทีหลังฉีดเข้าร่างกาย และออกฤทธิ์เต็มที่ภายใน 2-3 ชั่วโมง โดยมีระยะเวลาออกฤทธิ์ประมาณ 3-6 ชั่วโมง โดยทั่วไป อินซูลินออกฤทธิ์สั้น จะฉีดเข้าสู่ร่างกายภายในระยะเวลา 30 นาทีหลังมื้ออาหาร
- อินซูลินออกฤทธิ์ปานกลาง (Intermediate-acting Insulin) เริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-4 ชั่วโมงหลังฉีดเข้าร่างกาย และจะออกฤทธิ์เป็นเวลา 12-18 ชั่วโมง
- อินซูลินออกฤทธิ์ยาว (Long-acting Insulin) เริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังฉีดเข้าร่างกาย และออกฤทธิ์ 24 ชั่วโมงหรือยาวนานกว่านั้น บางครั้ง อินซูลินออกฤทธิ์ยาวจะใช้ร่วมกับอินซูลินออกฤทธิ์สั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
- อินซูลินแบบผสม (Premixed Insulin) เป็นอินซูลินที่ผสมระหว่างอินซูลิน 2 ชนิด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ทั้งหลังมื้ออาหารและระหว่างวัน
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย