สาวหนุ่มวัยทำงานที่ต้องทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา อาจเกิดปัญหาหลายๆ อย่างกับดวงตา เช่น ตาแห้ง ตาพร่า ตาแพ้แสง กล้ามเนื้อตาล้า ซึ่งหากไม่อยากให้ลุกลามกลายเป็นปัญหาสุขภาพร้ายแรง ก็ควรหาวิธีป้องกัน และบำรุงสุขภาพดวงตาให้ดี นอกจากการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์แล้ว วิตามินบำรุงสายตา พวกนี้ก็อาจช่วยได้เช่นกัน

วิธีปกป้องดวงตา

• หากใช้แว่นตาหรือคอนแทคเลนส์ ควรให้แน่ใจว่าแว่นสายตาหรือคอนแทคเลนส์มีค่าสายตาที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานเสมอ
• ผู้ที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา อาจต้องหาแว่นตาที่ใช้เฉพาะสำหรับการดูจอคอมพิวเตอร์มาใช้
• ขยับหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้พอดีกับระดับสายตา ควรให้ดวงตาเราได้ระดับกับส่วนบนของหน้าจอ เพื่อที่คุณจะได้หลุบตาลงเล็กน้อยขณะมองจอ
• จอคอมพิวเตอร์ควรอยู่ห่างจากตา 20-24 นิ้ว และศูนย์กลางของจอควรอยู่ต่ำกว่าระดับสายตาตอนมองตรง 10-15 องศา หากมองจอแล้วรู้สึกตาแห้ง ให้กระพริบตาบ่อยๆ
• ใช้กฎ 20-20-20 คือ พักสายตาทุก 20 นาที มองไปไกล 20 ฟุต สัก 20 วินาที และพยายามลุกขึ้นจากหน้าจอและพักสายตาประมาณ 15 นาที กฏนี้สามารถใช้ได้กับการมองจอทุกชนิด ไม่ใช่แค่จอคอมพิวเตอร์เท่านั้น

วิตามินบำรุงสายตา

โอเมก้า 3

กรดไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยลดการอักเสบในเปลือกตา เยื่อบุตา ทั้งยังช่วยให้ต่อมน้ำตาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถผลิตน้ำมันในตาได้เป็นปกติ จึงช่วยป้องกันอาการตาแห้งได้ เราจะได้รับโอเมก้า 3 จากการกินอาหาร โดยเฉพาะปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน หรืออาหารเสริมโอเมก้า 3 ได้

ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin)

สารต้านอนุมูลอิสระทั้ง 2 ชนิดนี้พบได้ในไข่ ข้าวโพด หรือผักใบเขียวอย่าง ปวยเล้ง บร็อคโคลี่ จะช่วยกำจัดต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคในดวงตา ทั้งยังช่วยให้ดวงตามีสุขภาพดีและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากไม่สะดวกรับลูทีนและซีแซนทีนจากอาหาร ก็สามารถรับสารลูทีนและซีแซนทีนในรูปอาหารเสริมได้ ข้อควรระวังคือ ไม่ควรกินลูทีนเกิน 10 มิลลิกรัมต่อวัน และไม่ควรกินซีแซนทีนเกิน 2 มิลลิกรัมต่อวัน

วิตามินเอ

ประโยชน์ของวิตามินเอต่อดวงตาคือ ช่วยปรับปรุงการมองเห็น มีผลการวิจัยชี้ว่า การกินวิตามินเอ จะช่วยชะลอการเกิดโรคที่ทำร้ายจอประสาทตา (retina) ได้ นอกจากนี้วิตามินเอยังช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมในผู้สูงอายุ ต้อหิน ต้อกระจก และปัญหาเกี่ยวกับดวงตาอื่นๆ อีกด้วย ข้อควรระวังในการกินวิตามินเอคือ ไม่ควรกินเกิน 1,000 หน่วยต่อวัน ถ้ากินวิตามินเอมากเกินไปจะทำให้เสี่ยงเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม โรคเกี่ยวกับกระดูกสะโพก

สังกะสี

สังกะสี หรือซิงค์ เป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อร่างกาย เพราะร่างกายต้องการสังกะสีในการนำวิตามินเอออกมาใช้ สังกะสีจะพาวิตามินเอจากตับไปที่จอประสาทตา เพื่อสร้างเซลล์เม็ดสีที่ช่วยปกป้องดวงตาของเรา ถ้าร่างกายขาดสังกะสี ก็จะทำให้ดวงตาเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ เราต้องรับสังกะสีจากอาหารเนื่องจากร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ อาหารที่มีสังกะสี เช่น หอยนางรม เนื้อวัว เนื้อหมู โยเกิร์ต นม ไข่ หรืออาหารเสริมสังกะสี ข้อควรระวังคือ ต้องไม่กินเกิน 40 มิลลิกรัมต่อวัน หากกินมากเกินไปจะทำให้เกิดปัญหาผิว และบางคนก็อาจเกิดผลข้างเคียง เช่น อาเจียน ท้องเสีย ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้ออาหารเสริมมากิน

วิตามินซี

วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนสำคัญต่อเส้นเลือดในดวงตาของเรา วิตามินซีช่วยป้องกันโรคต้อกระจก เราสามารถรับวิตามินซีได้จากผลไม้ เช่น ส้ม องุ่น มะเขือเทศ กล้วย แอปเปิ้ล ข้อแนะนำคือ ผู้หญิงควรกินวิตามินซีอย่างน้อยวันละ 75 มิลลิกรัม หรือประมาณน้ำส้มคั้น 1 แก้ว ส่วนผู้ชายควรได้รับวิตามินซีมากกว่าผู้หญิงประมาณ 90 มิลลิกรัมต่อวัน

เมื่อไรที่ควรไปพบคุณหมอ

หากหนุ่มสาววัยทำงานคนใดที่มีอาการเกี่ยวกับดวงตาอย่างรุนแรงดังต่อไปนี้ ควรปรึกษาแพทย์

• แสบร้อนดวงตา
• มีขี้ตามาก
• ตาสู้แสงไม่ได้
• รู้สึกเหมือนมีบางอย่างอยู่ในดวงตา
• ตาแดง
• มีปัญหากับการขับรถตอนกลางคืน
• รู้สึกถึงความผิดปกติเวลาน้ำตาไหล