backup og meta

แผลผ่าคลอดปริ เกิดจากอะไร คุณแม่ควรดูแลแผลอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงวรัญญา สิริธนาสาร · สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 28/06/2022

    แผลผ่าคลอดปริ เกิดจากอะไร คุณแม่ควรดูแลแผลอย่างไร

    คุณแม่ที่เพิ่งผ่านการผ่าคลอด อาจประสบปัญหาแผลผ่าคลอดปริ ซึ่งอาจเกิดขึ้นจากการติดเชื้อ เนื้อตาย การดูแลรักษาแผลได้ไม่ดี แผลถูกกระทบกระเทือนหรืออาจเกิดจากภาวะสุขภาพที่ส่งผลต่อการสมานตัวของแผล เมื่อ แผลผ่าคลอดปริ อาจทำให้มีอาการเจ็บปวด เลือดออกมาก มีไข้สูง มีหนอง หากพบอาการเหล่านี้ควรรีบเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรักษาทันที

    สาเหตุของแผลผ่าคลอดปริ

    แผลผ่าคลอดปริ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้

    การดูแลรักษาแผลได้ไม่ดี

    การดูแลรักษาแผลอาจช่วยให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น แต่สำหรับบางคนอาจดูแลรักษาแผลได้ไม่ดีพอหรืออาจมีภาวะสุขภาพบางประการ เช่น โรคเบาหวาน โรคอ้วน ซึ่งอาจส่งผลต่อการฟื้นตัวของบาดแผล ทำให้แผลหายช้าลงจนเกิดแผลปริ

    แผลถูกกระทบกระเทือน

    หลังการผ่าคลอดคุณแม่ควรพักฟื้นและพักผ่อนให้เพียงพอและดูแลตนเอง เพื่อให้แผลสมานตัวดีและไม่เกิดปัญหาแผลปริ หลีกเลี่ยงการเกิดแรงกดทับหรือแรงดันที่ท้องมากเกินไป เช่น การอุ้มเด็กที่มีน้ำหนักมาก การยกของหนัก การลุกขึ้นจากท่านั่งยอง ๆ การเริ่มออกกำลังกายเร็วเกินไป ซึ่งอาจส่งผลทำให้แผลเปิดหรือฉีกขาดได้

    การติดเชื้อ

    แผลติดเชื้อจะทำให้การสมานตัวของแผลช้าลงหรืออาจทำให้เนื้อเยื่อตายจนแผลไม่สามารถสมานตัวต่อได้

    ในบางกรณีรูปแบบการผ่าตัดคลอดอาจเป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดแผลปริได้เช่นกัน โดยการผ่าคลอดอาจแบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ

    • ผ่าตัดแนวตั้ง คือ แนวแผลจากใต้สะดือไปจนถึงไรขนอวัยวะเพศ
    • ผ่าตัดแนวนอน คือ แนวแผลตามขวางบริเวณเหนือไรขนอวัยวะเพศ

    ซึ่งการผ่าตัดคลอดแบบแนวนอนอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผลปริน้อยกว่า การดูแลรักษาง่ายกว่า ซึ่งอาจทำให้แผลสมานตัวได้เร็ว

    อาการเมื่อแผลผ่าคลอดปริ

    ควรพบคุณหมอทันทีหากมีสัญญาณของแผลปริ ดังนี้

  • มีไข้สูง
  • มีเลือดออกบริเวณแผลและช่องคลอด
  • อาการปวดรุนแรง รอบแผลแดง หรือมีอาการบวมรอบแผล
  • ลิ่มเลือดในช่องคลอด ตกขาวมีกลิ่นเหม็น
  • บริเวณแผลมีกลิ่นเหม็น มีหนอง
  • เจ็บปวดเมื่อปัสสาวะ
  • การดูแลแผลผ่าคลอดปริ

    แผลผ่าคลอดปริอาจต้องมีการดูแลเป็นพิเศษเพื่อทำให้แผลหายสนิทและป้องกันแผลปริซ้ำ ดังนี้

  • การบรรเทาอาการปวด ด้วยการรับประทานยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด รับประทานยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ยาอะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) หรือยาอื่น ๆ เพื่อบรรเทาอาการปวด
  • เข้าพบคุณหมอเพื่อประเมินแผลที่ปริ ว่าควรได้รับยาฆ่าเชื้อเป็นแบบรับประทาน หรือมีภาวะรุนแรงถึงขั้นต้องให้ยาฆ่าเชื้อทางเส้นเลือด
  • ควรทำความสะอาดแผลทุกวันจนกว่าแผลจะแห้ง
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนักหรือสิ่งที่ทำให้เกิดแรงดันและแรงกด เช่น การยืนนานเกินไป การออกกำลังกายหนักเกินไป การสวมเสื้อผ้าคับแน่น การลุกขึ้นจากท่านั่งยอง ๆ เนื่องจาก พฤติกรรมต่าง ๆ เหล่านี้อาจทำให้เกิดแรงดันในมดลูกและแผลผ่าคลอดจนอาจทำให้แผลผ่าคลอดปริได้
  • หลังการผ่าคลอดหรือหลังเกิดแผลปริ ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์เป็นระยะเวลา 6 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และการกระทบกระเทือนบริเวณแผลที่อาจก่อให้เกิดการอักเสบและแผลปริได้
  • หลีกเลี่ยงการขัดถู การกดบริเวณแผล ทั้งยังควรลุกและนั่งอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุจนกระทบกระเทือนแผล
  • หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงวรัญญา สิริธนาสาร

    สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลสมิติเวชศรีนครินทร์


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 28/06/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา