backup og meta

พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 46 ของลูกน้อย

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไขล่าสุด 31/12/2022

    พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 46 ของลูกน้อย

    พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 46 ลูกน้อยจะเริ่มมีความสุขในการดูหนังสือและการพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อย ๆ และเริ่มสนใจรูปภาพสวย ๆ รวมทั้งการใช้นิ้วเล็ก ๆ หยิบจับสิ่งต่าง ๆ เริ่มหย่านม เริ่มมีฟันขึ้น ในเด็กบางรายอาจเริ่มฝึกขับถ่ายด้วยตนเอง คุณพ่อคุณแม่ควรส่งเสริมพัฒนาการลูกน้อยให้เติบโตสมวัยและเฝ้าสังเกตดูพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด

    การเจริญเติบโต พฤติกรรมและ พัฒนาการเด็ก สัปดาห์ที่ 46

    ลูกน้อยจะเติบโตอย่างไร

    ลูกน้อยอาจมีความสุขในการดูหนังสือและการพลิกหน้าหนังสือไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้พลิกไปทีละหน้าก็ตาม เขาอาจจะเพลิดเพลินไปกับหนังสือที่มีรูปภาพสวย ๆ หรือติดหนึบอยู่กับหนังสือที่ทำจากกระดาษหนา ๆ ที่ใช้นิ้วเล็ก ๆ เปิดได้ง่าย คุณพ่อ คุณแม่อาจลองพาเข้าเข้าห้องสมุด พาไปที่แผนกหนังสือเด็กในร้านหนังสือ หรือลองแลกเปลี่ยนหนังสือกับเพื่อน ๆ ดูก็ได้ จะได้ช่วยให้ลูกได้อ่านหนังสือที่หลากหลาย และจะได้รู้ด้วยว่าเขาชอบอ่านหนังสือประเภทไหน

    พัฒนาการด้านต่าง ๆ ของลูกน้อยในสัปดาห์ที่ 46

    • ตบมือหรือโบกมือบ๊ายบายได้
    • เดินโดยเกาะเฟอร์นิเจอร์ไปเรื่อย ๆ
    • ชี้นิ้วหรือทำท่าทางเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
    • ชอบดูหนังสือและพลิกหน้าหนังสือ

    ควรดูแลลูกน้อยอย่างไร

    ลูกน้อยอาจแสดงอาการขัดขืนอย่างหนักเมื่อต้องแยกจากคุณพ่อคุณแม่ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากลูกจะรักและติดผู้ดูแลค่อนข้างมาก หากต้องการทำให้เขาห่างจากคุณพ่อคุณแม่ได้บ้าง และได้ง่ายขึ้นนั้น ก็ควรแยกจากกันเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็นการนำเขาไปฝากตามสถานรับเลี้ยงเด็ก ให้คนในครอบครัวมาช่วยดูแล หรือจ้างคนมาดูแลเด็กก็ตาม และไม่ควรร่ำลาลูกน้อยด้วยน้ำตานานเกินไป เพราะอีกเดี๋ยวเขาก็จะกลับมามีความสุขได้อีกครั้ง

    คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยให้ลูกน้อยพึ่งพาตัวเองได้ โดยไม่ต้องไปช่วยทำอะไรให้เขาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแน่นอนว่าเขาจำเป็นต้องรู้ว่ามีคนอยู่ใกล้ ๆ และสามารถพึ่งพาคุณพ่อคุณแม่ได้เสมอ ฉะนั้นถ้าเขาเดินไปที่ห้องอื่น ก็รอซัก 2-3 นาทีก่อนแล้วค่อยเดินตามเขาไป แต่อย่าวิ่งเข้าไปหาทุกครั้งที่เขาร้องเรียก

    สุขภาพและความปลอดภัย

    ควรปรึกษาแพทย์อย่างไร

    แพทย์ส่วนใหญ่มักไม่ได้นัดหมายการตรวจสุขภาพของลูกน้อยเดือนนี้ เพราะเด็กในช่วงวัยนี้ไม่ชอบให้อุ้มในระหว่างที่ไปพบคุณหมอ เด็กที่กลัวคนแปลกหน้าอาจไม่อยากพบหมอ ไม่ว่าคุณหมอจะใจดีหรือเป็นมิตรเพียงใดก็ตาม ถ้ามีความกังวลใด ๆ ที่ไม่สามารถรอให้ถึงวันนัดครั้งต่อไปไม่ได้ ควรใช้วิธีโทรปรึกษาคุณหมอแทน

    สิ่งที่ควรรู้

    สิ่งที่อาจเป็นกังวลสำหรับเด็กในวัยนี้ก็คือการหย่านมและอาการเจ็บฟัน ซึ่งเคล็ดลับพวกนี้อาจช่วยได้ ดังนี้

    การหย่านม

    ถ้าต้องการให้ลูกกินนมแม่อยู่ วันสุดท้ายของการกินนมก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณพ่อคุณแม่และลูกน้อย หากกน้อยอาจส่งสัญญาณว่าพร้อมจะหย่านมแล้ว รวมทั้งยังแสดงอาการไม่สนใจ หรือทำท่าวอกแวกในช่วงเวลาที่กำลังป้อนนมอยู่ อาจสับสนว่าจะลูกหย่านมตอนนี้เลยดีไหม เพราะในบางวันการหย่านมก็ก็ทำให้รู้สึกโล่งใจได้ แต่บางครั้งก็ไม่อยากให้เวลานั้นมาถึง คุณแม่หลายคนยังคงให้นมต่อไปอีกนาน แต่เมื่อลูกน้อยมีอายุครบหนึ่งขวบแล้วก็ควรจะหยุดให้ลูกดื่มนมจากเต้า

    อาจค่อย ๆ ลดจำนวนครั้งในการป้อนนมลงในแต่ละวัน หรือให้ลูกลองดื่มนมผงหรือนมวัว  ถ้าแพทย์อนุญาต หากลูกน้อยไม่ยอมกินนมจากขวด อาจให้ลูกน้อยดื่มนมจากแก้วแทน ซึ่งเด็กบางคนอาจจะดื่มทุก ๆ สองวัน แล้วก็เลิกลาไปเอง โดยอาจลดระยะเวลาการป้อนนมให้สั้นลง โดยใช้คำแนะนำดังต่อไปนี้

    • ให้ความสนใจเขาเป็นพิเศษ เพื่อชดเชยกับช่วงเวลาแห่งความใกล้ชิดในการป้อนนมที่ลดลง
    • พยายามหันเหความสนใจลูกน้อย หากเขาดูเหมือนยังอยากกินนมแม่ แล้วดูซิว่าเขาสนใจอย่างอื่นหรือเปล่า หรือจะดื่มนมจากถ้วยแทนไหม
    • วานให้คนอื่นพาลูกน้อยเข้านอน  เพื่อที่คุณแม่จะได้ไม่ป้อนนมแม่ให้เขากินโดยอัตโนมัติ
    • ถ้ามีอาการนมคัด ก็ประคบด้วยความเย็น และใช้มือปั๊มนมออกในช่วง 2-3 วันแรก หรือกินยาแก้ปวดถ้าจำเป็น
    • ถ้าลูกแสดงอาการขัดขืน ก็ลองป้อนนมลูกต่อไปอีกหน่อย แล้วค่อยให้หย่านมใหม่

    ลูกปวดฟัน

    ด้วยความที่ฟันน้ำนมต้องหลีกทางให้ฟันแท้ในวันใดวันหนึ่ง จึงไม่ควรเป็นกังวลกับรอยแตกบนฟันมากนัก ไปกังวลกับการหกล้มบ่อย ๆ ของลูกน้อยแทนจะดีกว่า และไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องความสวยความงามมากด้วย ขั้นแรกคือ ตรวจสอบฟันอย่างรวดเร็ว ถ้ามีฟันที่มีขอบคม ๆ ก็ควรปรึกษากับทันตแพทย์ ซึ่งทันตแพทย์อาจแก้ปัญหาด้วยทำการครอบฟันหรืออุดฟัน

    ควรปรึกษาทันตแพทย์ทันที ถ้าลูกน้อยมีอาการดังต่อไปนี้

  • มีอาการเจ็บฟันและยังมีอาการต่อไปอีกหลายวัน โดยไม่ทุเลาลงเลย
  • ถ้าฟันมีอาการโยก ติดเชื้อ หรือมีอาการเหงือกบวม
  • ถ้าเห็นจุดสีชมพูอยู่ตรงกลางฟันที่แตก
  • อาการพวกนี้บ่งบอกว่ามีเศษกระดูกฟันที่แตกเข้าไปในเส้นประสาท ซึ่งในกรณีนี้แพทย์จะทำการเอกซเรย์ดูว่าจะต้องถอนฟันหรือต้องรักษาเส้นประสาทหรือเปล่า ถ้าไม่ทำการรักษาอาการบาดเจ็บที่เส้นประสาท ก็อาจทำให้ฟันเกิดความเสียหายอย่างถาวรได้

    สิ่งที่ต้องเป็นกังวล

    ต้องกังวลในเรื่องใด

    ในสัปดาห์ที่ 46 พ่อแม่หลายคนอาจจะมีความกังวลมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือการฝึกเข้าห้องน้ำ ซึ่งควรรอให้ลูกน้อยมีอายุ 18-24 เดือนซะก่อน แล้วค่อยฝึกให้ลูกเข้าห้องน้ำ ซึ่งช่วงเวลานั้น เป็นช่วงที่เด็กมีพัฒนาการพร้อมที่จะได้รับการฝึกแล้ว

    ทางด้านร่างกาย

    สัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าเด็กพร้อมจะได้รับการฝึกเข้าห้องน้ำ คือ

    • มีการขับถ่ายเป็นเวลา และคาดการณ์ได้
    • มีความสามารถในการกลั้นปัสสาวะได้อย่างน้อยสองชั่วโมง
    • เวลาปัสสาวะ และไม่เหลือปัสสาวะอยู่ในกระเพาะปัสสาวะเลย
    • ดึงกางเกงขึ้นลงได้ และสามารถขึ้นนั่งและลงโถชักโครกหรือกระโถนได้
    • สัญญาณความพร้อมอื่น ๆ ได้แก่ เข้าใจความหมายของคำว่าห้องน้ำ และทำตามคำสั่งง่าย ๆ ได้

    ทางด้านอารมณ์

    ส่วนความพร้อมทางด้านอารมณ์นั้น ลูกน้อยของคุณก็ควรมีสัญญานต่อไปนี้

    • ลูกน้อยรู้ตัวว่าเขาฉี่เต็มผ้าอ้อม เขาอาจจะนั่งยอง ๆ ที่มุมห้อง หรือบอกคุณด้วยคำพูดหรือท่าทางว่าเขาจะต้องไปถ่ายแล้ว
    • ลูกน้อยอาจรู้สึกไม่พอใจเวลาที่ถ่ายใส่ผ้าอ้อม
    • นี่คือข้อกำหนดเบื้องต้น ที่บ่งบอกว่าเขาพร้อมจะเรียนรู้ทักษะที่มีความสำคัญนี้แล้ว

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไขล่าสุด 31/12/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา