backup og meta

พัฒนาการเด็ก 3 ขวบ และวิธีเสริมสร้างพัฒนาการตามวัย

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 12/05/2023

    พัฒนาการเด็ก 3 ขวบ และวิธีเสริมสร้างพัฒนาการตามวัย

    พัฒนาการเด็ก 3 ขวบ ค่อนข้างก้าวกระโดดจากขวบปีก่อนหน้า โดยจะเริ่มมีจินตนาการมากขึ้น มีความสนใจที่จะสำรวจสิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ และเรียนรู้ที่จะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองมากขึ้น นอกจากนั้น ยังรู้จักสร้างความสัมพันธ์กับคนรอบตัว ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว เริ่มมีทักษะด้านภาษาและการสื่อสารที่ดีขึ้น ทั้งนี้ ผู้ปกครองควรหาวิธีส่งเสริมพัฒนาการเด็กในวัยนี้อย่างเหมาะสม เพื่อช่วยให้เด็กเจริญเติบโตและมีพัฒนาการที่ถูกต้องและเหมาะสมวัย

    พัฒนาการเด็ก 3 ขวบ มีอะไรบ้าง

    พัฒนาการทั่วไปของเด็ก 3 ขวบ มีดังต่อไปนี้

    พัฒนาการด้านร่างกายและการเคลื่อนไหว

    • กระโดดอยู่กับที่
    • ปั่นจักรยาน 3 ล้อ
    • แต่งตัวด้วยตัวเองขณะให้ผู้ปกครองช่วย
    • วาดรูปวงกลมตามแบบด้วยดินสอหรือสีเทียน
    • หมุนเปิดและปิดฝาขวด หมุนลูกบิดประตูได้
    • เปิดหน้าหนังสือด้วยตัวเอง

    พัฒนาการด้านภาษาและการสื่อสาร

    • พูดเป็นประโยคได้ยาวตั้งแต่ 3 คำขึ้นไป
    • เรียนรู้คำศัพท์ประมาณ 200 คำขึ้นไป
    • พูดคุยโต้ตอบกับผู้ปกครองได้ บอกได้ว่าตัวเองทำอะไรหรืออยู่ที่ไหน
    • คำพูดเริ่มฟังเข้าใจได้ง่ายขึ้น
    • ทำตามคำสั่ง 2-3 ขั้นตอนได้แล้ว เช่น แปรงฟัน บ้วนปาก เช็ดปาก

    พัฒนาการด้านสติปัญญา

    • มีความเข้าใจและเชื่อมโยงเหตุการณ์กับการกระทำได้ เช่น เมื่อผู้ปกครองบอกให้ใส่รองเท้า เด็กจะรู้ว่าได้เวลาไปนอกบ้าน
    • ทำตามคำสั่งได้ เช่น ไม่เข้าใกล้เตาหรือสัมผัสของร้อน
    • เข้าใจประโยคยาว ๆ ที่คนอื่นพูดกับตัวเองได้
    • มีทักษะการแก้ไขปัญหา จับคู่สิ่งของหรือรูปภาพได้ เข้าใจความแตกต่างของขนาด จดจำและแยกสีได้
    • มีความกลัวในเรื่องบางอย่าง เช่น ความมืด ตุ๊กตาตัวใหญ่
    • พูดขอบคุณได้
    • จดจำเหตุการณ์บางอย่างที่เคยเกิดขึ้นได้
    • เริ่มที่จะแสดงอารมณ์ในลักษณะที่เป็นที่ยอมรับทางสังคมมากขึ้น เช่น แสดงอาการงอแงน้อยลง ขอในสิ่งที่ต้องการแทนที่จะร้องไห้

    สัญญาณของปัญหา พัฒนาการเด็ก 3 ขวบ

    เด็กอายุ 3 ขวบ บางรายอาจมีพัฒนาการช้าหรือผิดปกติ ซึ่งหากพบว่าลูกมีสัญญาณความผิดปกติ ควรพาไปพบคุณหมอเพื่อวินิจฉัยและวางแผนรักษา เพื่อให้เด็กมีพัฒนาการที่ปกติและเหมาะสมกับช่วงวัยมากที่สุด โดยสังเกตจากพฤติกรรมต่าง ๆ ดังนี้

    • ปัญหาด้านการมองเห็น การฟัง และการสื่อสาร เช่น เด็กไม่ยอมสบตา เด็กพูดจาไม่ค่อยเข้าใจไม่พูดเป็นประโยคอย่างน้อย 3 คำขึ้นไป ไม่ตอบสนองต่อเสียงรอบตัว เช่น เสียงเรียก เสียงปรบมือ เสียงของตก
    • ปัญหาด้านพฤติกรรมและการเล่นสนุก เช่น ไม่ยอมอยู่ห่างจากผู้ปกครอง ไม่สนใจที่จะเล่นกับเพื่อนรุ่นเดียวกัน ไม่เล่นแสดงบทบาทสมมติ (Pretend Play)
    • ปัญหาด้านการเคลื่อนไหวและขยับกล้ามเนื้อ เช่น สะดุดล้มบ่อย ๆ ขณะเดินหรือวิ่ง มีปัญหาในการถือของเล็ก ๆ อย่างดินสอ สีเทียนไว้ในมือ ไม่สามารถวาดรูปเป็นรูปร่างง่าย ๆ ได้

    การส่งเสริมพัฒนาการเด็ก 3 ขวบ ทำได้อย่างไรบ้าง

    ผู้ปกครองสามารถช่วยส่งเสริมพัฒนาการเด็กได้ด้วยวิธีต่อไปนี้

    • ให้เวลาเล่นอย่างเต็มที่ซึ่งจะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการด้านอารมณ์ที่ดีขึ้น เพราะเด็กได้ใช้เวลาสำรวจและเรียนรู้การแสดงอารมณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความสนุก ตื่นเต้น โกรธ กลัว ผู้ปกครองอาจให้เด็กเล่นหุ่นเชิด เล่นทายคำถามอะไรเอ่ย เล่นแป้งโดว์ เล่านิทานให้ฟัง เป็นต้น
    • ให้เด็กไปเล่นนอกบ้าน เช่น ที่สนามเด็กเล่น สวนสาธารณะใกล้บ้าน ลานเด็กเล่นที่ห้างสรรพสินค้าใกล้บ้าน จะช่วยให้เด็กได้ไปพบกับประสบการณ์และสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ และทำให้สามารถประเมินขีดจำกัดของความสามารถทางกายภาพของเด็กได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ควรทาครีมกันแดดให้เด็กเสมอและสวมเสื้อผ้าและหมวกที่มิดชิด เมื่อพาเด็กออกไปข้างนอกในตอนกลางวันที่มีแดดจัดเพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพอื่นๆ ตามมาจากสภาพอากาศร้อนจัด
    • หาเวลาให้เด็กได้ทำกิจกรรมศิลปะหรือมีความสร้างสรรค์ เช่น การทำภาพตัดปะ การวาดภาพ การเล่นเกมแต่งตัว หรือการเล่าเรื่องจากจินตนาการ นอกจากนี้ ยังอาจสร้างความเพลิดเพลินด้วยการใช้เสียงเพลงที่จะกระตุ้นให้เด็กกระโดดโลดเต้นหรือเล่นสนุกไปกับเสียงดนตรี หรือให้เด็กเล่นเครื่องดนตรีง่าย ๆ เช่น เปียโนของเล่น กลองของเล่น
    • กระตุ้นให้เด็กรู้จักการแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง และอาจถามคำถามเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นให้เด็กเข้าใจปัญหามากขึ้น หรืออาจช่วยเด็กคิดหาวิธีแก้ปัญหาง่าย ๆ แล้วให้เด็กเลือกว่าจะจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร
    • ให้เด็กช่วยเตรียมอาหารหรืองานครัวง่าย ๆ เช่น ให้ช่วยวางผักในแผ่นขนมปังแซนด์วิช หรือเตรียมโต๊ะรับประทานอาหาร กิจกรรมเหล่านี้อาจช่วยให้เด็กสนใจที่จะรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เพราะเด็กจะรู้สึกมีส่วนร่วม นอกจากนี้ อาจสอนให้เด็กเรียนรู้ความคิดด้านคณิตศาสตร์ง่าย ๆ เช่น เวลาอบขนม 30 นาที ตวงแป้ง 2 ช้อนโต๊ะ
    • ตั้งกฎง่าย ๆ และชัดเจนที่เด็กสามารถปฏิบัติตามได้ เช่น ไม่เล่นกับสัตว์เลี้ยงแรง ๆ วางรองเท้าให้เรียบร้อย หากเด็กทำตามได้อย่างดีควรพูดชื่นชมเพื่อให้เด็กรู้ว่าตัวเองทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่หากเด็กทำผิดกฎ ให้แสดงให้เด็กดูว่าควรทำอย่างไรถึงจะถูกต้อง
    • ไม่ควรปล่อยให้เด็กเล่นมือถือหรือไอแพด รวมทั้งอุปกรณ์หน้าจออื่น ๆ เป็นเวลานาน เพราะอาจทำให้สายตาเด็กแย่ลงและสมาธิสั้นลง ผู้ปกครองควรกำหนดเวลาที่แน่นอนและให้เด็กปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    Duangkamon Junnet


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 12/05/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา