ข้อบ่งใช้
ยา ซิตากลิปติน ใช้สำหรับ
ยา ซิตากลิปติน (sitagliptin) ใช้ร่วมกับโปรเเกรมการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร รวมถึงอาจใช้ร่วมกับยาอื่นๆ เพื่อควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ยา ซิตากลิปติน นี้ใช้กับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 การควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดสูงช่วยป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับไต ตามองไม่เห็น ปัญหาเกี่ยวกับเส้นประสาท การสูญเสียเเขนขาหรือปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของอวัยวะสืบพันธุ์ การควบคุมเบาหวานอย่างเหมาะสม อาจช่วยลดความเสี่ยงหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง
ซิตากลิปตินเป็นยารักษาเบาหวาน ที่ทำงานด้วยการเพิ่มระดับของสารที่เรียกว่า อินคริติน (incretin) อินคริตินช่วยควบคุมภาวะน้ำตาลในเลือดสูงด้วยการเพิ่มการปล่อยสารอินซูลิน โดยเฉพาะหลังมื้ออาหาร อินคริตินยังลดจำนวนน้ำตาลที่ตับผลิตอีกด้วย
วิธีใช้ยาซิตากลิปติน
รับประทานยาร่วมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหากตามที่แพทย์สั่ง โดยทั่วไป คือ วันละครั้ง
ปริมาณยาขึ้นอยู่กับอาการ การทำงานของไต การตอบสนองต่อการรักษา และยาอื่นๆ ที่คุณรับประทานอยู่ เพื่อผลในการรักษาที่ดีที่สุด ให้รับประทานยานี้สม่ำเสมอ และเพื่อให้จำง่ายขึ้น
คุณควรรับประทานยานี้ในเวลาเดิมทุกวัน โปรดทำตามเเผนการรักษาด้วยยาอย่างระมัดระวัง รวมถึงแผนการรับประทานอาหารและโปรเเกรมการออกกำลังกายตามที่เเพทย์เเนะนำ
วัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอตามที่เเพทย์สั่ง ติดตามผลเเละเเจ้งให้เเพทย์ทราบ รวมถึงเเจ้งให้เเพทย์ทราบหากระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำเกินไป เพราะอาจต้องเปลี่ยนปริมาณยาหรือวิธีการรักษาของคุณ
การเก็บรักษายาซิตากลิปติน
ยาซิตากลิปตินควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหายหรือเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาซิตากลิปตินบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งยาซิตากลิปตินลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องเพิ่มเติมได้จากเภสัชกร
ข้อควรระวังเเละคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาซิตากลิปติน
ก่อนรับประทานยาแซกซ่ากลิปติน โปรดแจ้งกับแพทย์หรือเภสัชกรหากคุณแพ้ต่อยานี้หรือส่วมผสมอื่นๆ ของยานี้ หรือคุณแพ้ต่อยาอื่น หรือเป็นภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีผสมไม่ออกฤทธิ์ในการรักษาบางอย่างที่ทำให้เกิดการแพ้ได้
ก่อนรับประทานยานี้ ควรแจ้งประวัติทางการแพทย์ให้แพทย์ หรือเภสัชกรทราบ โดยเฉพาะ
- ภาวะหัวใจวาย
- โรคไต
- โรคเกี่ยวกับตับอ่อน เช่น โรคตับอ่อนอักเสบ
- นิ่วในถุงน้ำดี (gallstone)
คุณอาจมีอาการตาพร่ามัว วิงเวียน หรือเซื่องซึม เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไป อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือ ทำกิจกรรมใดๆ ที่ต้องใช้ความระมัดระวัง หรือต้องการการมองเห็นที่ชัดเจน จนกว่าคุณจะแน่ใจว่าคุณจะสามารถทำกิจกรรมดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย
งดดื่มปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในขณะที่ใช้ยานี้ เพราะสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะระดับน้ำตาลในเลือดต่ำได้
การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอาจจะยากขึ้น เมื่อร่างกายของคุณเครียด เช่น เกิดจากไข้ การติดเชื้อ การบาดเจ็บ การผ่าตัด โปรดปรึกษาแพทย์ เนื่องจากคุณจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแผนการรักษา ยา หรือการตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือด
ก่อนการผ่าตัด โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ
ในช่วงตั้งครรภ์ ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น ปรึกษาเเพทย์ก่อนใช้ยานี้เพื่อจัดการกับระดับน้ำตาลระหว่างตั้งครรภ์ เเพทย์อาจเปลี่ยนการรักษาเบาหวานในช่วงที่คุณตั้งครรภ์ สอบถามความเสี่ยงเเละข้อดีของการรักษาเเต่ละประเภท เช่น การควบคุมน้ำหนัก ออกกำลังกาย ยาอื่นๆ รวมถึงอินซูลิน
ยานี้อาจซึมเข้าไปในน้ำนมเเละมีผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ต่อทารกที่ดูดนมมารดา ดังนั้น จึงไม่ควรให้นมบุตรระหว่างที่รับประทานยานี้ในระยะยาวเเละในปริมาณมาก ปรึกษาเเพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาซิตากลิปตินจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด N โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A = ไม่มีความเสี่ยง
- B = ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C = อาจจะมีความเสี่ยง
- D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X = ห้ามใช้
- N = ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของยาซิตากลิปติน
เเม้ว่าโดยปกติเเล้วยาซิตากลิปตินจะไม่ได้ทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง (น้ำตาลพร่องในเลือด) แต่น้ำตาลในเลือดอาจลดลงได้หากเเพทย์จ่ายยานี้ร่วมกับยารักษาเบาหวานตัวอื่น ปรึกษาเเพทย์หรือเภสัชกรหากจำเป็นต้องลดปริมาณยารักษาเบาหวานตัวอื่นลง
สัญญาณและอาการของน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น เหงื่อออกฉับพลัน หัวใจเต้นเร็ว หิว ตาพร่ามัว วิงเวียนศีรษะ หรือเป็นเหน็บที่มือและเท้า ทางที่ดีคุณควรพกเม็ดหรือเจลกลูโคสติดตัวเสมอ เผื่อจำเป็นต้องใช้เมื่อน้ำตาลในเลือดต่ำ
แต่หากคุณไม่มีน้ำตาลกลูโคสในรูปแบบที่น่าเชื่อถือได้เหล่านี้ ให้รีบเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดด้วยการรับประทานน้ำตาลทราย น้ำผึ้ง ลูกอม น้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลมที่ไม่ใช่แบบไม่มีน้ำตาล
แจ้งให้แพทย์ทราบทันทีเกี่ยวกับปฏิกิริยาและการใช้ยาตัวนี้ โอกาสในการเกิดน้ำตาลในเลือดต่ำจะมีมากขึ้น หากคุณดื่มแอลกอฮอล์จำนวนมาก ออกกำลังกายหนักผิดปกติ หรือได้รับแคลอรี่จากอาหารไม่เพียงพอ เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ควรรับประทานอาหารเป็นประจำ และอย่าข้ามมื้ออาหาร โปรดปรึกษาแพทย์ถึงแนวทางการปฏิบัติ หากคุณพลาดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งไป
หากมีภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (hyperglycemia) ซึ่งสามารถสังเกตได้จากสัญญาณและอาการ คือ กระหายน้ำ ปัสสาวะเพิ่มขึ้น สับสน เซื่องซึม หน้าแดง หายใจเร็ว และมีกลิ่นปากเป็นกลิ่นผลไม้ หากคุณมีอาการเหล่านี้โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบทันที เพราะอาจจำเป็นต้องเปลี่ยนยาที่ใช้ในการรักษาเบาหวาน
เเจ้งให้เเพทย์ทราบทันทีหากคุณมีอาการที่เป็นผลข้างเคียงที่รุนเเรง ได้เเก่ สัญญาณของปัญหาโรคไต (เช่น การเปลี่ยนเเปลงของปริมาณปัสสาวะ) ปวดข้อต่อ แผลพุพองผิดปกติ สัญญาณของโรคหัวใจล้มเหลว (เช่น หายใจถี่ ข้อเท้าหรือเท้าบวม เหนื่อยล้าผิดปกติ น้ำหนักขึ้นผิดปกติหรือฉับพลัน)
โปรดเข้ารับการรักษาโดยด่วนหากมีอาการที่เป็นผลข้างเคียงที่รุนเเรงมาก ได้เเก่ สัญญาณของตับอ่อนอักเสบ เช่น คลื่นไส้อาเจียนเป็นระยะเวลานาน เบื่ออาหาร ปวดท้อง เเสบที่กระเพาะอาหาร หรือปวดหลัง
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อไปนี้ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรง เช่น เวียนศีรษะรุนแรง หายใจติดขัดผดผื่น คันหรือบวม โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยากลุ่มเบต้าบล็อกเกอร์ (Beta-blocker) เช่น เมโทโพรลอล (metoprolol) โพรพราโนลอล (propranolol) น้ำยาหยอดตารักษาโรคต้อกระจก เช่น ทิโมลอล (timolol) อาจป้องกันอาการหัวใจเต้นเร็วหรือรัว ที่คุณมักจะรู้สึกเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดลดลงมากเกินไป (hypoglycemia) ได้ อาการอื่นๆของน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น วิงเวียนศีรษะ หิว หรือเหงื่อออก นั้นไม่ได้รับผลกระทบจากยาเหล่านี้
มียาจำนวนมากที่ส่งผลกระทบต่อภาวะระดับน้ำตาลในเลือดสูง และทำให้ควบคุมภาวะนี้ได้ยาก ฉะนั้นก่อนเริ่มหรือหยุดใช้ยาตัวใด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงผลกระทบของยาต่อระดับน้ำตาลในเลือดก่อนเสมอ ตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดของคุณเป็นประจำตามที่กำหนด และแจ้งผลให้แพทย์ทราบด้วย
แจ้งให้แพทย์ทราบทันที หากคุณมีอาการน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำ เนื่องจากอาจต้องปรับเปลี่ยนยารักษาโรคเบาหวาน โปรแกรมการออกกำลังกาย หรืออาหารของคุณ
ยาซิตากลิปตินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือเเอลกอฮอล์
ยาซิตากลิปตินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ซิตากลิปตินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาซิตากลิปตินสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อใช้รักษาโรคเบาหวานชนิดที่ 2
ปริมาณยาโดยทั่วไป : 100 มิลลิกรัมต่อวัน
คำเเนะนำ : เมื่อใช้ยานี้ร่วมกับยาที่กระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อน เช่น ซัลโฟนิลยูเรีย อินซูลิน อาจจำเป็นต้องใช้ปริมาณยาที่กระตุ้นการหลั่งอินซูลินจากตับอ่อนลดลง เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะน้ำตาลพร่องในเลือด
วิธีใช้ : ในคลินิกหลายแห่งใช้ยานี้เป็นยาเสริมอาหารและออกกำลังกายเพื่อเพิ่มการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2
การปรับปริมาณยาสำหรับผู้ป่วยโรคไต
โรคไตชนิดไม่รุนเเรง (อัตราการกรองไต 45 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อ 1.73 ตารางเมตร) : ไม่มีการแนะนำให้ปรับปริมาณยา
โรคไตขั้นปานกลาง (อัตราการกรองไต 30 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อ 1.73 ตารางเมตรถึงต่ำกว่า 45 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อ 1.73 ตารางเมตร) : 50 มิลลิกรัมต่อวัน
โรคไตขั้นรุนเเรง (อัตราการกรองไตต่ำกว่า 30 มิลลิลิตรต่อนาทีต่อ 1.73 ตารางเมตร) : 25 มิลลิกรัมต่อวัน
การปรับปริมาณยาสำหรับผู้ป่วยโรคตับ
โรคตับชนิดไม่รุนเเรงหรือขั้นปานกลาง : ไม่มีการเเนะนำให้ปรับปริมาณยา
โรคไตขั้นรุนเเรง : ใช้ความระมัดระวัง ไม่มีข้อมูลการปรับปริมาณยา
การฟอกเลือด
ฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม : 25 มิลลิกรัมต่อวัน
ฟอกเลือดทางช่องท้อง : 25 มิลลิกรัมต่อวัน
- อาจให้ยาโดยไม่ต้องคำนึงถึงเวลาที่ใช้ในการฟอกเลือด
คำเเนะนำอื่นๆ
คำเเนะนำในการใช้
- รับประทานยานี้พร้อมกับอาหารหรือไม่ก็ได้
- หากลืมรับประทานยา ควรรับประทานยาทันทีที่นึกออก ไม่ควรรับประทานยาเกินขนาดที่กำหนดต่อวัน
ทั่วไป
- อาจใช้ยานี้เพียงชนิดเดียวหรือใช้ร่วมกับยาอื่นในการรักษาผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ที่เป็นผู้ใหญ่เเล้ว
- ไม่เเนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรือผู้ที่มีภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตนจากเบาหวาน (diabetic ketoacidosis) รับประทานยาชนิดนี้ เนื่องจากยาจะไม่ออกฤทธิ์ในภาวะดังกล่าว
- ยังไม่มีการศึกษาวิจัยในผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ จึงไม่อาจทราบได้ว่า ผู้ป่วยจะมีความเสี่ยงที่จะเป็นตับอ่อนอักเสบรุนเเรงขึ้นหรือไม่
การเฝ้าสังเกต
- เฝ้าสังเกตสัญญาณหรืออาการตับอ่อนอักเสบ
- เฝ้าสังเกตการควบคุมน้ำตาล
- เข้ารับการตรวจการทำงานพื้นฐานของไต เเละเฝ้าสังเกตเป็นระยะระหว่างการรักษา ผู้ป่วยที่มีอายุมากควรได้รับการตรวจเป็นประจำ
คำเเนะนำสำหรับผู้ป่วย
- เเนะนำให้ผู้ป่วยเเจ้งสัญญาณหรืออาการของตับอ่อนอักเสบ หากปวดท้องอย่างรุนเเรงเเละเป็นเวลานาน โปรดเข้ารับการรักษาโดยด่วน
- คุณอาจเเพ้อย่างรุนเเรง ถ้าอาการแพ้เกิดขึ้น โปรดเข้ารับการรักษาาโดยด่วน
- โดยปกติเเล้วภาวะน้ำตาลพร่องในเลือดอาจเกิดขึ้น เมื่อใช้ยานี้ร่วมกับอินซูลินหรือซัลโฟนิลยูเรีย
- ผู้ป่วยควรเข้าใจความสำคัญของการทำตามคำเเนะนำเรื่องการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกายอย่างเป็นประจำ ในช่วงที่ร่างกายเกิดความตึงเครียด เช่น เป็นไข้ บาดเจ็บ ติดเชื้อหรือเข้ารับการผ่าตัด อาจมีการปรับวิธีการรักษาเบาหวาน ผู้ป่วยควรได้รับการเเนะนำให้ปรึกษาเเพทย์
- แนะนำให้ผู้ป่วยติดต่อผู้ให้บริการด้านสุขภาพหากเจ็บข้อต่ออย่างรุนเเรงเเละเป็นระยะเวลานาน หรือหากมีสัญญาณหรืออาการหัวใจวาย
ขนาดยาซิตากลิปตินสำหรับเด็ก
ยังไม่มีการจัดขนาดยาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ดังนั้น การใช้ยาซิตากลิปตินอาจไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อทำความเข้าใจตัวยาก่อนการใช้งาน
รูปแบบของยา
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]