Enoxaparin (อีนอกซาพาริน) เป็นยาที่ใช้เพื่อป้องกันและรักษาลิ่มเลือดที่อันตราย ยานี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหัวใจวาย ยานี้ช่วยให้เลือดของคุณไหลเวียนได้ดีโดยการลดการทำงานของโปรตีนที่ทำให้เลือดแข็งตัวภายในเลือด
Enoxaparin (อีนอกซาพาริน) เป็นยาที่ใช้เพื่อป้องกันและรักษาลิ่มเลือดที่อันตราย ยานี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหัวใจวาย ยานี้ช่วยให้เลือดของคุณไหลเวียนได้ดีโดยการลดการทำงานของโปรตีนที่ทำให้เลือดแข็งตัวภายในเลือด
อีนอกซาพาริน (Enoxaparin) เป็นยาที่ใช้เพื่อป้องกันและรักษาลิ่มเลือดที่อันตราย ยานี้ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดสมองหรือโรคหัวใจวาย ยานี้ช่วยให้เลือดของคุณไหลเวียนได้ดีโดยการลดการทำงานของโปรตีนที่ทำให้เลือดแข็งตัวภายในเลือด ยาอีนอกซาพารินเป็นยาต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulant) เป็นยาเฮพาริน (Heparin) ประเภทหนึ่ง
สภาวะที่สามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดได้มีทั้งการผ่าตัดบางประเภท (เช่น ผ่าตัดเข่า/สะโพกเทียม ผ่าตัดที่ช่องท้อง) อยู่ในสภาวะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เป็นเวลานาน โรคหัวใจวายบางประเภท และอาการเจ็บหน้าอกที่เรียกว่าอาการปวดเค้นหัวใจชนิดไม่คงที่ (unstable angina) สำหรับสภาวะบางอย่างนั้น อาจต้องใช้ยาอีนอกซาพารินร่วมกับยาเจือจางเลือดอื่นๆ
ฉีด อีนอกซาพาริน เข้าใต้ผิวหนังตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือวันละหนึ่งหรือสองครั้งที่บริเวณช่องท้อง (อย่างน้อย 2 นิ้วเหนือจากสะดือ) อย่าฉีดยานี้เข้าในกล้ามเนื้อ ขนาดยาและระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา ขนาดยายังอาจจะขึ้นอยู่กับอายุและน้ำหนักตัวอีกด้วยสำหรับสภาวะบางประเภท ใช้ยานี้เป็นประจำเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรใช้ยานี้ในเวลาเดียวกันทุกวัน
หากคุณใช้ยานี้เองที่บ้าน ควรเรียนรู้วิธีการเตรียมตัวและวิธีการใช้ทั้งหมดจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพและบรรจุภัณฑ์ยา ก่อนใช้ยานี้ควรตรวจสอบยาเพื่อดูว่ามีฝุ่นละอองหรือเปลี่ยนสีหรือไม่ หากมีไม่ควรใช้ยานั้น ก่อนฉีดยาในแต่ละครั้งควรทำความสะอาดบริเวณที่จะฉีดยาด้วยการเช็ดแอลกอฮอล์ เปลี่ยนบริเวณที่ฉีดยาทุกครั้งเพื่อลดการบาดเจ็บใต้ผิวหนัง เพื่อลดอาการช้ำ อย่าขยี้บริเวณที่ฉีดยาหลังจากฉีดยา ควรเรียนรู้วิธีการเก็บและกำจัดอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างปลอดภัย
ผู้เชี่ยวชาญการดูแลสุขภาพยังอาจจะฉีดยานี้เข้าหลอดเลือดดำตามที่แพทย์กำหนด
อีนอกซาพาริน ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาอีนอกซาพารินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาอีนอกซาพารินลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูก สอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ก่อนใช้ยาอีนอกซาพาริน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือแพ้ต่อยาเฮพาริน (heparin) หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเนื้อหมูหรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะอาการตกเลือดอย่างรุนแรง ลิ้นหัวใจเทียม โรคไต โรคตับ ความผิดปกติของเลือดหรืออาการเลือดออก (เช่น จำนวนเกล็ดเลือดต่ำ) จำนวนเกล็ดเลือดต่ำหลังจากใช้ยาเฮพาริน โรคหลอดเลือดสมอง ความดันโลหิตสูงอย่างรุนแรงควบคุมไม่ได้ ปัญหาเกี่ยวกับดวงตาบางประเภท เช่น ภาวะเบาหวานขึ้นจอตา (Diabetic retinopathy) ปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะหรือลำไส้บางประเภท เช่น กำลังมีแผลหรือเพิ่งมีแผล เพิ่งผ่านการผ่าตัดกระดูกสันหลังหรือผ่านการเจาะไขสันหลัง ปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง เช่น กระดูกสันหลังผิดรูป เพิ่งผ่านการผ่าตัดดวงตา สมอง หรือไขสันหลัง
ควรจำกัดปริมาณการดื่มสุราขณะใช้ยานี้เนื่องจากอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออกในกระเพาะอาหาร
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)
เพื่อลดโอกาสในการเกิดรอยบาด รอยช้ำ หรือการบาดเจ็บ ควรระมัดระวังในการใช้ของมีคม เช่น มีดโกนและกรรไกรตัดเล็บ และควรหลีกเลี่ยงกิจกรรม เช่น กีฬาที่ต้องมีการปะทะกัน
ผู้สูงอายุอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงของยานี้ได้มากกว่า โดยเฉพาะอาการตกเลือด
ระหว่างการตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา ผู้หญิงตั้งครรภ์และมีลิ้นหัวใจเทียมควรได้รับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา
ยาอีนอกซาพาริน จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
อาจเกิดอาการระคายเคือง ปวด รอยช้ำ รอยแดง และอาการบวมระดับเบาตรงบริเวณที่ฉีดยา และยังอาจเกิดอาการเหนื่อยล้าหรืออาการไข้อีกด้วย หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
ยานี้สามารถทำให้เกิดอาการเลือดออกได้หากยานี้ส่งผลมากเกินไปต่อโปรตีนที่ทำให้เลือดแข็งตัว โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีสัญญาณของอาการตกเลือด เช่น มีอาการปวด บวม หรือไม่สบายผิดปกติ อาการเลือดออกผิดปกติหรือเป็นเวลานาน มีรอยช้ำง่ายหรือผิดปกติ ปัสสาวะสีคล้ำ อุจจาระสีดำ ปวดหัวอย่างรุนแรง สับสน การมองเห็นเปลี่ยนแปลง วิงเวียนผิดปกติ หมดสติ ชัก อ่อนแรง ชา
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ยามิฟีพริสโตน (mifepristone)
ในบางครั้งยานี้จะใช้ร่วมกับยาเจืองจางเลือดหรือยาต้านเกล็ดเลือดอื่นๆ เช่น ยาแอสไพริน ยาโคลพิโดเกรล (clopidogrel) หรือยาวาฟาริน (warfarin) เมื่อแพทย์สั่งให้คุณใช้ยาเหล่านี้ร่วมกัน คุณจะต้องรับการเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดเพื่อลดความเสี่ยงในการตกเลือด ควรไปตามนัดของแพทย์และห้องแล็บทุกครั้ง
ควรอ่านฉลากยาทั้งยาตามใบสั่งแพทย์และยาที่หาซื้อเองทั้งหมดอย่างละเอียด เนื่องจากยาเหล่านี้อาจจะมีส่วนผสมของยาบรรเทาอาการปวดหรือลดไข้ อย่างยาแก้อักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ เช่น ยาไอบูโพรเฟน (ibuprofen) ยานาพรอกเซน (naproxen) หรือยาแอสไพริน ซึ่งเมื่อใช้ร่วมกับยาอีนอกซาพารินแล้ว อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดออกหรือมีผลต้านเกล็ดเลือดได้ แต่ควรใช้ยาแอสไพรินขนาดต่ำที่แพทย์สั่งให้ใช้สำหรับเหตุผลทางการแพทย์ เช่น ใช้เพื่อป้องกันโรคหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมองต่อไป (ขนาดยาโดยปกติคือ 81-325 มก. ต่อวัน) โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยาอีนอกซาพารินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาอีนอกซาพารินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาอีนอกซาพารินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน (Deep Vein Thrombosis)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิดคลื่นไฟฟ้าส่วน ST เพิ่มขึ้นเฉียบพลัน (STEMI)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการปวดเค้นหัวใจ (Angina Pectoris)
อาการปวดเค้นหัวใจชนิดไม่คงที่และภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิด non Q wave
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิดคลื่นไฟฟ้าส่วน ST เพิ่มขึ้นเฉียบพลัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษากลุ่มอาการกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน (Acute Coronary Syndrome)
อาการปวดเค้นหัวใจชนิดไม่คงที่และภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิด non Q wave
ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายชนิดคลื่นไฟฟ้าส่วน ST เพิ่มขึ้นเฉียบพลัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาป้องกันภาวะหลอดเลือดดำอุดตันหลังจากผ่าตัดสะโพกเทียม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะหลอดเลือดดำอุดตันหลังจากผ่าตัดเข่าเทียม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันภาวะหลอดเลือดดำอุดตันหลังจากผ่าตัดช่องท้อง
ขนาดยาสำหรับผู้สูงอายุเพื่อรักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย
การปรับขนาดยาสำหรับไต
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้ยา ควรศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิต
การเก็บรักษา อย่าเก็บไว้ในขวดยาสำหรับใช้หลายครั้งนานเกินกว่า 28 วันหลังจากใช้ครั้งแรก
เทคนิคการคืนรูป/เตรียมยา ควรศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิต
ความเข้ากันของยาสำหรับฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
การเฝ้าระวัง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน
คำแนะนำจากสมาคมแพทย์โรคทรวงอกแห่งสหรัฐอเมริกา (ACCP)
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันภาวะหลอดเลือดดำอุดตัน
คำแนะนำจากสมาคมแพทย์โรคทรวงอกแห่งสหรัฐอเมริกา
ขนาดและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
พลอย วงษ์วิไล
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย