backup og meta

ทีเอ็มเอส (TMS) เครื่องกระตุ้นระบบประสาท ที่ช่วยในการรักษาโรคซึมเศร้า

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 19/01/2021

    ทีเอ็มเอส (TMS) เครื่องกระตุ้นระบบประสาท ที่ช่วยในการรักษาโรคซึมเศร้า

    เนื่องจาก โรคซึมเศร้า เกิดจากความผิดปกติของสมองที่หลั่งสารเคมีบางอย่างออกมา จนส่งผลกระทบต่อภาวะทางอารมณ์ ความคิด ความรู้สึกที่ทำให้ผู้ป่วยมีทัศนคติในแง่ลบมากขึ้น และไม่มีความสุขกับการใช้ชีวิตประจำวันอย่างที่เคย วันนี้ Hello คุณหมอ จึงขอนำความรู้ของการรักษาด้วย ทีเอ็มเอส (TMS) จากทางการแพทย์ เพื่อเป็นการทำความเข้าใจเบื้องต้น ให้ทุกคนได้ทราบก่อนเริ่มการรักษามาฝากกันค่ะ

    ทีเอ็มเอส (TMS) คืออะไร

    การรักษาด้วยทีเอ็มเอส (Transcranial magnetic stimulation; TMS ) คือ การกระตุ้นสมองอีกรูปแบบหนึ่ง โดยใช้คลื่นสนามแม่เหล็กเข้าไปช่วยปรับปรุงเซลล์ประสาทส่วนกลางของผู้ป่วยที่ประสบกับภาวะซึมเศร้า เพื่อนำไปสู่การควบคุมอารมณ์ ความคิดให้คงที่ ซึ่งการบำบัดด้วย TMS อาจจำเป็นที่ต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วัน ต่อสัปดาห์ แต่บางรายก็อาจต้องใช้ระยะเวลาบำบัดยาวนานเป็นเดือน ๆ ตามแต่การวินิจฉัยจากทางแพทย์ถึงอาการของผู้ป่วยแต่ละบุคคล

    ขั้นตอนในการรักษาด้วยทีเอ็มเอส (TMS)

    ก่อนการบำบัดด้วย TMS แพทย์อาจมีการซักประวัติทางสุขภาพ และเริ่มระบุจุดที่เหมาะสมที่สุดในการนำคลื่นสนามแม่เหล็กมาวางเอาไว้บนศีรษะ ซึ่งอาจใช้เวลาทั้งหมดในการบำบัดถึง 60 นาที ด้วยกันตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้

    1. แพทย์ หรือผู้ช่วย จะนำพาคุณไปนั่งบนเก้าอี้ที่ให้ความสะดวกสบาย
    2. จากนั้นจะเริ่มทำการสวมอุปกรณ์ป้องกันหู เพื่อลดเสียงดังจากเครื่องบำบัด
    3. ทำการนำเครื่องบำบัดแบบแนบชิดศีรษะ ที่มีขดลวดในการกระจายสนามแม่เหล็ก
    4. เปิดเครื่องบำบัดตามช่วงเวลาที่แพทย์ได้กำหนด

    เมื่อเสร็จสิ้นการบำบัด แพทย์จะทำการปิดเครื่อง พร้อมให้คำแนะนำ และทำการนัดหมายเพื่อการบำบัดอีกครั้ง ในช่วงระยะเวลาถัดไป ซึ่งปกติแล้วหลังจากการบำบัดคุณสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติในทันที โดยที่ไม่ต้องนอนพักฟื้นค้างคืนในโรงพยาบาลเป็นเวลาหลายวัน

    ผลข้างเคียง หลังจากการรักษา ด้วยทีเอ็มเอส (TMS)

    ผลข้างเคียงทั่วไปที่ผู้ป่วยอาจได้รับจากการบำบัดด้วย TMS นี้ สามารถส่งผลกระทบบางอย่างต่อทางสุขภาพได้ตั้งแต่ในระดับปานกลาง จนถึงขั้นรุนแรงด้วยกัน ซึ่งคุณเริ่มเช็กตนเองถึงผลข้างเคียงหลังจากการรับบำบัดได้ ดังต่อไปนี้

    ผลข้างเคียงระดับปานกลาง

    • ปวดหัว
    • กล้ามเนื้อใบหน้ามีการกระตุกเล็กน้อย
    • รู้สึกไม่สบายหนังศีรษะบริเวณที่ได้รับการบำบัด

    ผลข้างเคียงระดับรุนแรง

  • อาการชัก
  • สูญเสียการได้ยินหากมีการสวมอุปกรณ์ป้องกันหูไม่สนิท
  • เข้าสู่ภาวะของโรคอารมณ์ดี หรืออารมณ์รุนแรงผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ป่วยที่มีประวัติของโรคอารมณ์สองขั้ว
  • เมื่อคุณสังเกตตนเองว่าเริ่มมีอาการผิดปกติดังกล่าวที่ไม่ว่าจะอยู่ในระดับก็ตาม คุณควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์ในทันที เพื่อให้แพทย์ได้แนะนำถึงวิธีการรักษาได้อย่างถูกต้องเหมาะสมของผลข้างเคียงที่คุณประสบ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 19/01/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา