backup og meta

ขนาดถุงยางอนามัย มีความสำคัญอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 06/02/2023

    ขนาดถุงยางอนามัย มีความสำคัญอย่างไร

    ขนาดถุงยางอนามัย เป็นเรื่องหนึ่งที่ผู้ชายควรให้ความสำคัญ เพราะหากใช้ขนาดเล็กหรือใหญ่เกินไป อาจปริแตกหรือหลุดออกระหว่างมีเพศสัมพันธ์ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์หรือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ โดยทั่วไป ขนาดของถุงยางอนามัยที่ผู้ชายไทยนิยมใช้ ได้แก่ ขนาด 49 และ 52 มิลลิเมตร

    ถุงยางอนามัย มีประโยชน์อย่างไร

    ถุงยางอนามัยจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่ต้องมีใบอนุญาตในการผลิตหรือนำเข้า และต้องมีการตรวจสอบคุณภาพทุกรุ่นก่อนวางจำหน่ายในท้องตลาด มีลักษณะเป็นถุงขนาดเล็ก ทรงกระบอก ทำจากยางพาราหรือวัสดุสังเคราะห์ ใช้สวมองคชาตหรือสอดช่องคลอดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างหนองใน ซิฟิลิส หรือเอดส์ รวมถึงการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์

    ในประเทศไทย ถุงยางอนามัยมีด้วยกัน 3 ขนาด คือ 49, 52 และ 56 มิลลิเมตร โดยขนาด 49 และ 52 มิลลิเมตร เป็นขนาดที่เหมาะกับขนาดองคชาตของผู้ชายไทยมากที่สุด

    ขณะเดียวกัน ความกว้างของถุงยางอนามัยจะแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือน้อยกว่า 1.75 นิ้ว ระหว่าง 1.75-2 นิ้ว และมากกว่า 2 นิ้ว และความกว้างจัดเป็นปัจจัยสำคัญอีกข้อในการเลือกซื้อถุงยางอนามัยของผู้ชาย

    ทั้งนี้ ถุงยางอนามัยแบบสอดหรือถุงยางอนามัยผู้หญิงมีหนึ่งขนาดเท่านั้นและสามารถใช้ได้กับผู้หญิงทุกคน

    ขนาดถุงยางอนามัย มีความสำคัญอย่างไร

    สำหรับผู้ชาย การใช้ถุงยางอนามัยที่เล็กหรือใหญ่กว่าองคชาตอาจทำให้ถุงยางอนามัยเสี่ยงแตก ฉีก ขาด หรือหลุดเลื่อนออกขณะมีเพศสัมพันธ์ และส่งผลให้ประสิทธิภาพคุมกำเนิดและป้องกันโรคลดลง

    วิธีสังเกตว่าสวมถุงยางอนามัยผิดขนาดหรือไม่ มีดังนี้

    • ถุงยางอนามัยสั้นเกินไป ครอบลำขององคชาตได้ไม่หมด
    • ถุงยางอนามัยหลวมเกินไป หรือไม่แนบกระชับกับองคชาต
    • ถุงยางอนามัยหลุดเข้าไปในช่องคลอดหรือทวารหนักของคู่นอน
    • ปลายถุงยางอนามัยห้อยจากปลายองคชาต
    • ส่วนปลายของถุงยางอนามัยมีพื้นที่น้อยเกินไปสำหรับรองรับน้ำอสุจิที่หลั่งออกมาเมื่อถึงจุดสุดยอด
    • ถุงยางอนามัยกองอยู่ตรงโคนองคชาตมากเกินไป

    การวัดขนาดองคชาต ก่อนเลือกซื้อ ถุงยางอนามัย

    หากต้องการทราบขนาดถุงยางอนามัยที่เหมาะสมกับตัวเอง ผู้ชายควรวัดความยาวและความกว้างขององคชาตก่อนตัดสินใจซื้อถุงยางอนามัยที่ร้านสะดวกซื้อหรือร้านขายยา

    สำหรับวิธีการวัดความยาวและความกว้างขององคชาต สามารถทำเองได้ง่าย ๆ ดังนี้

    ความยาว

    • ใช้สายวัดหรือไม้บรรทัดวัดความยาวองคชาตจากโคนถึงปลาย เมื่อองคชาตแข็งตัวเต็มที่

    ความกว้าง

    • ใช้สายวัดวัดรอบลำองคชาตหรือส่วนที่หนาที่สุด เมื่อองคชาตแข็งตัวเต็มที่ เพื่อให้ได้เส้นรอบวงขององคชาต
    • หารเส้นรอบวงด้วย 3.14

    ถุงยางอนามัย ทำจากวัสดุประเภทใดบ้าง

    นอกเหนือจาก ขนาดของถุงยางอนามัย วัสดุที่ใช้ทำถุงยางอนามัยนับว่ามีความสำคัญเช่นเดียวกัน โดยวัสดุแต่ละชนิดนั้นมีข้อดีและข้อเสียต่างกัน ดังต่อไปนี้

    ยางพารา

    ข้อดี

    • หาซื้อได้ง่าย
    • ราคาถูก

    ข้อเสีย

    • ทำให้ผู้ที่แพ้ยางมีอาการแพ้ได้
    • ปริแตกได้เมื่อใช้กับเจลหล่อลื่นที่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบหลัก

    พอลิไอโซพรีน (Polyisoprene)

    ข้อดี

    • นุ่มและยืดหยุ่นเทียบเท่ากับถุงยางอนามัยที่ทำจากยางพารา

    ข้อเสีย

    • หนากว่าถุงยางอนามัยที่ทำจากยางพารา
    • หาซื้อได้ยากกว่าถุงยางอนามัยที่ทำจากยางพารา

    โพลียูรีเทน (Polyurethane)

    ข้อดี

    • บางกว่าถุงยางอนามัยที่ทำจากยางพารา

    ข้อเสีย

    • ยืดหยุ่นน้อยกว่าถุงยางอนามัยที่ทำจากยางพารา
    • มีแนวโน้มที่จะหลวมหรือไม่กระชับกับองคชาต
    • ฉีกขาดได้ง่าย หากเลือกสวมในขนาดที่ไม่เหมาะสม
    • หาซื้อได้ยากกว่าถุงยางอนามัยที่ทำจากยางพารา

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 06/02/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา